ฝู้หลินจ้านหันไปจ้องจูนจิ่วอย่างกะทันหัน เอ่ยขึ้นว่า “จูนจิ่ว ทำไมเจ้าถึงถามเรื่องนี้ หรือว่ามีใครมาชอบเจ้า แต่ข้างกายเจ้าไม่มีคนหน้าตางดงามดุจเทพนี่นา”ฝู้หลินจ้านพูดเสียงแผ่วดุจพึมพำ ใครจะงามไปกว่าจูนจิ่ว
จูนจิ่วเหลือบมองฝู้หลินจ้าน แววตาเย็นชา นางพูดว่า “ข้าก็ถามไปอย่างนั้นเอง”
ถามไปอย่างนั้นเอง ฝู้หลินจ้านไม่เชื่อหรอก เขารีบถามจูนจิ่วกลับทันที “เช่นนั้นจูนจิ่วเจ้าชอบผู้ชายแบบไหนกัน ”
“อืม”จูนจิ่วนิ่งคิด นางยังไม่ทันได้ตอบ เสี่ยวอู่ก็สะกิดใต้คางนางและร้องเหมียวๆว่า “เจ้านายชื่นชอบความสวยงาม ยิ่งงามก็ยิ่งชอบ มองดูแล้วก็สบายตาสบายใจ ”
จูนจิ่วตบไปที่หัวของเสี่ยวอู่เบาๆ มุมปากกระตุก นางดูเป็นคนที่ดูแต่หน้าหรืออย่างไร
เสี่ยวอู่ ใช่
จูนจิ่วไม่ได้ตอบฝู้หลินจ้าน เพราะนางตอบไม่ได้ ความคิดแรกในสมองก็คือโม่อู๋เยว่ แต่จูนจิ่วรู้สึกว่า นี่แค่ความชื่นชอบ ห่างไกลจากคำว่ารักอยู่มาก
นางมองไปทางฝู้หลินจ้าน ยิ้มอ่อนๆ “ข้าขอกลับก่อน ถ้าเจ้าจับกุ้งอวี่หลินพอแล้ว ค่อยมาเรียกข้า ”
“ได้”
ฝู้หลินจ้านใช้สายตาส่งจูนจิ่วกับเสี่ยวอู่จากไป พอเขาหันกลับอีกทีก็พบว่ามีคนคนหนึ่งโผล่ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พอมองดูดีๆ ฝู้หลินจ้านก็ต้องสูดลมหายใจ ดวงตาเบิกกว้าง งดงามยิ่งนัก
งดงามดุจปีศาจ ทำเอาสิ่งรอบตัวดูหมองไปเลย เสียดายว่าเป็นบุรุษคนหนึ่ง ฝู้หลินจ้านรู้สึกเสียดายขึ้นมาทันที
เพราะถ้าหากเป็นสาวงาม ท่าทีของฝู้หลินจ้านคงประหลาดใจมากกว่านี้ อีกทั้งที่นี่คือลานใจกลางทะเลสาบของสำนักศึกษาเทียนซู คนอื่นจะเข้ามาง่ายๆไม่ได้ ฝู้หลินจ้านจึงคิดว่าเขาเป็นแค่ลูกศิษย์ของสำนักศึกษาเทียนซูคนหนึ่ง
แต่ว่า
ฝูหลินจ้านถาม “เจ้าเป็นใคร ลูกศิษย์สำนักศึกษาเทียนซูหรือ ทำไมข้าไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อน ”อาศัยใบหน้าของชายคนนี้ ต้องมีชื่อเสียงไม่ธรรมดาแน่ แต่ทำไมเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าสำนักศึกษาเทียนซูก็มีคนเช่นนี้อยู่ด้วย ระหว่างครุ่นคิด ฝู้หลินจ้านก็คนชายคนนั้นยกมือขึ้น ปลายนิ้วมีแสงโปร่งใสสีทองสว่างขึ้นนิดหน่อย
ไม่ได้รู้สึกว่าอันตราย ฝู้หลินจ้านประหลาดใจ “นี่คืออะไร”
“เมื่อครู่เจ้าพูดได้ดีมาก นี่คือรางวัลของเจ้า”โม่อู๋เยว่ชี้นิ้งออกไป แสงกลมสีทองหายวับเข้าไปบริเวณกลางคิ้วของฝู้หลินจ้าน เร็วจนเขาไม่ทันได้ตั้งตัว จากนั้นก็รู้สึกราวกับว่าในสมองเหมือนมีประตูหน้าต่างเปิดขึ้นอีกหลายบาน ความคิดในจิตใจที่เหมือนจะตันไปหมดก็ถูกกำจัดไป คอขวดทั้งหลายที่เป็นอุปสรรคก่อนหน้านี้ต่างก็ถูกปลดออกจนหมด
ฝู้หลินจ้านทั้งตะลึงทั้งดีใจ รีบนั่งขัดสมาธิลง ไม่สนใจจะจับกุ้งอวี่หลินหรือถามว่าชายคนนั้นคือใครแล้ว
โม่อู๋เยว่เหลือบมองฝู้หลินจ้านด้วยสายตาเรียบเฉย เขาก้าวเท้าไปยังทิศทางที่จูนจิ่วจากไป
ตอนที่ฝู้หลินจ้านลืมตาขึ้น ความดีใจที่ปรากฏบนใบหน้ายากจะปิดบังไว้ ข้างหูได้ยินเสียงของฝู้หลินซวงส่งมา “ยินดีด้วยเจ้าบรรลุแล้ว”
“หลินซวงข้าบรรลุนักจิตใหญ่ชั้นสามแล้ว ”ดีใจสุดจะบรรยาย ฝู้หลินจ้านไม่ได้ตกใจที่ทำไมฝู้หลินซวงถึงหาเขาจนพบ พวกเขาเป็นฝาแฝดกัน มีจิตใจรับรู้ถึงกัน ตอนนี้ฝู้หลินจ้านกำลังตกใจ อึดอัดใจมากอยากจะรู้ว่าชายคนเมื่อครู่คือใคร
ฝู้หลินจ้านรู้ดีแก่ใจ ลำพังตัวเขาเอง เพราะยังบรรลุนักจิตใหญ่ชั้นสองไม่ถึงสองปี และไร้การพัฒนาขึ้น
ตอนนี้บรรลุนักจิตใหญ่ชั้นสาม เป็นเพราะความช่วยเหลือจากแสงกลมสีทองจากปลายนิ้วของชายคนนั้น แต่ทำไมเขาต้องช่วย เดี๋ยวก่อน เขาบอกว่าคำพูดของข้าพูดได้ดี นี่คือรางวัลที่มอบให้ข้า ฝู้หลินจ้านเหมือนจะคิดออกอย่างกะทันหัน เบิกตากว้างนิ่งอึ้งไป
ฝู้หลินซวงขมวดคิ้ว “เจ้าเป็นอะไรไป ”
ที่จริงการบรรลุเป็นเรื่องที่ดี แต่สีหน้าของฝู้หลินจ้านราวกับถูกสายฟ้าฟาด หรือว่าเขาเพิ่งจะค้นพบว่าตนเองมาจับกุ้งอวี่หลินจนเกิดบรรลุได้ รู้สึกรับไม่ได้ขึ้นมา ฝู้หลินซวงคิดอย่างเป็นกังวล
รอยยิ้มที่มุมปากของจูนจิ่วยิ่งเย็นชามากขึ้น นางมองป้าฟางด้วยความเยือกเย็น ยกมือขึ้นบนมือถือกล่องยาสี่เหลี่ยมเอาไว้ใบหนึ่ง“ต้องมีคนมารายงานแน่ ทำไมข้ายังต้องเสียแรงอีก ยาสิบเม็ดที่ท่านต้องกายอยู่ในนี้ทั้งหมดแล้ว มาลองพิสูจน์ดูเถอะ ”
“ฮึ จูนจิ่ว เจ้าเพิ่งออกมาเมื่อวานวันนี้จะมาส่งยา ใครจะรู้ว่าใช่เจ้าให้คนแอบไปซื้อยามาหรือไม่ จากนั้นก็ให้เจ้าเอามาโกง ”หงยิงน้ำเสียงแฝงแววชั่วร้าย จ้องมองจูนจิ่วด้วยสายตาโหดเหี้ยม
ชิงหยู่รีบก้าวเข้ามา จ้องมองหงยิงอย่างโมโห “เจ้าอย่าพูดจาเหลวไหล”
ตอนนี้เขาก็เป็นนักจิตใหญ่ชั้นหนึ่ง สามารถต่อสู้กับหงยิงได้ ชิงหยู่ไม่ได้กลัวพลังของนางอีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าเมื่อก่อน ตอนนี้หรือในอนาคต ถ้าหงยิงคิดอยากจะรังแกศิษย์น้อง ต้องทำให้เขาแพ้ก่อนค่อยว่ากัน
“พูดปากเปล่าไร้หลักฐาน หงยิงเจ้ามีหลักฐานหรือไม่ ”มู่จิ่งหยวนขมวดคิ้ว
“หลักฐาน ”ซิงโล่เฉินหัวเราะฮ่าฮ่า เขาจ้องมองจูนจิ่วเขม็ง “ยังต้องการหลักฐานอีกหรือ ลำพังนาง ไหนเลยจะสามารถกลั่นยาชั้นสูงทั้งสิบเม็ดออกมาได้ภายในหนึ่งเดือน ถ้าไม่ใช้กลโกง นางจะสามารถกลั่นออกมาได้อย่างไร ”
หัวข้อสนทนาเปลี่ยนไป ซิงโล่เฉินเหมือนจะมีการเตรียมตัวมาก่อน พูดต่อว่า “เฟยชิงเข้ามา”ทุกคนต่างเงียบ ต่างก็มองไปยังนักกลั่นยาพิษที่เดินมาจากข้างนอก เขาพลางเดิน พลางจ้องมองจูนจิ่วด้วยสายตาโหดเหี้ยมพูดว่า “ซิงโล่เฉินพูดไม่ผิด นางไม่สามารถจะกลั่นยาสิบเม็ดภายในระยะเวลาหนึ่งเดือนได้แน่ ที่เอาออกมาตอนนี้ ก็มีแต่ใช้คำว่าเล่นโกงมาอธิบายเท่านั้น ”
ทุกคนต่างมองไปทางจูนจิ่ว
ภายใต้ความสงบ จี้อีหมิงเอ่ยขึ้นเบาๆว่า “พี่สาว พวกเราต่างก็เชื่อท่าน ”
“ดี ”ยิ้มมุมปาก จูนจิ่วได้สำรวจกิริยาท่าทีของทุกคน นางไม่ชอบใจการกล่าวหาจากซิงโล่เฉินและหงยิง จึงเปิดกล่องยาออก จูนจิ่วเอ่ยขึ้นว่า “บอกว่าข้าโกง ได้ ขอเพียงพวกเจ้าสามารถหาออกมา ว่านักกลั่นยาคนไหนเป็นคนกลั่นยาเหล่านี้ออกมา ข้าก็จะแข่งกับเขาผู้นั้น ”
สายตาของทุกคนต่างตาร้อนผ่าว จ้องมองยาในมือของจูนจิ่ว พอมองแล้ว ทุกคนต่างก็ตาเบิกกว้างสูดลมหายใจ และนักกลั่นยาพิษเฟยชิงก็ไม่อยากจะเชื่อ “นี่มันเป็นไปไม่ได้ ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ
หนังสือยังไม่จบ ไม่อัปต่อแล้วเรอค่ะ...