บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 75

บทที่75เจ้าตาบอดหรือไง

จูนจิ่วก้มหัวลงสายตาเย็นชามองไปที่หลัวฉีนางเปิดปากพูด“มือข้างไหนที่โจมตีข้า?ข้างนี้หรือ”

แรงที่มือนางค่อยๆเพิ่มแรงบิดหลัวฉีร้องเจ็บปวดโหยหวนทุกคนที่เห็นอึ้งตะลึงไม่มีใครกล้าเข้ามาห้ามปราม

จูนจิ่วกระตุกยิ้มที่มุมปากหัวเราะอย่างบ้าบิ่นและดูถูก“ใครกันที่ให้ความมั่นใจกับเจ้าในการลอบจู่โจมข้า?ในเมื่อกล้าทำถ้าอย่างนั้นข้าขอมือข้างหนึ่งของเจ้าเพื่อเป็นค่าเสียหาย”

“ไม่”ร้องอย่างเจ็บปวด

เขาสั่นสะท้านไปทั้งตัวหวาดกลัวจนเปิดตากว้างเขาพบว่าจูนจิ่วจะบิดแขนเขาหลุดออกมาให้ได้เลยไม่แบบนั้นเขาก็จะกลายเป็นผู้พิการหลัวฉีร้องเสียงดัง“จูนจิ่วไอ่เศษสวะเจ้ากล้าดียังไงข้าเป็นถึงศิษย์ของผู้อำนวยการรองเชียวนะ”

“แล้วยังไง?”จูนจิ่วหัวเราะเบาๆและสนใจ

ที่จริงนางสามารถหักแขนเขาได้ในทันทีแต่จงใจค่อยๆทำอย่างช้าๆเพื่อเพิ่มความสยดสยองในใจหลัวฉีเขาเพิ่งนึกได้ว่าเขาเป็นนักจิตจูนจิ่วนางก็แค่เศษสวะไร้ค่าเขาสามารถหนีเอาตัวรอดได้

เมื่อตันเถียนเปิดพลังจิตที่ถ่ายทอดมาสู่แขนแล้วปะทะใส่จูนจิ่วอย่างรุนแรงจูนจิ่วก็แค่เศษสวะจะต้องถูกเขาชนกระเด็นแน่

แต่ว่าพลังจิตที่ทะลักไปจูนจิ่วกระดิกที่ปลายเล็บพลังจิตที่มาอย่างดุเดือดหายไปในพริบตาในขณะเดียวกันในมือออกแรงหนักเพิ่มขึ้น

“โอ๊ย”

“บังอาจปล่อยลูกศิษย์ข้าเดียวนี้นะ”พลังที่รุนแรงและทำลายสูงฝามือที่รุนแรงโหดเหี้ยมพุ่งมาทางด้านหลังของจูนจิ่ว

มีคนจู่โจมอีกแล้ว?

นัยน์ตาจูนจิ่วที่เย็นเยือกนางพลิกตัวอย่างรวดเร็วแขนบางจับที่แขนของหลัวฉียกขึ้นมาต่อด้วยยกเท้าเตะจนบินกระเด็นทำราวกับว่าหลัวฉีเป็นถุงกระสอบทรายอย่างนั้นแหงนหน้าเข้าไปปะทะกับฝ่ามือของคนคนนั้นคนนั้นกลับยังไม่รู้ตัวตบฝ่ามือเข้าที่หลัวฉีอย่างจัง

หลัวฉีลืมตากว้างกระอากเลือดจนบินกระเด็นออกไปกลิ้งไปที่พื้นไม่ขยับตัวแล้ว

“ศิษย์ข้า”ร้องเรียกเสียงดังที่ทั้งตกใจทั้งโกรธพุ่งตรงไปอย่างรีบเร่งพยุงตัวหลัวฉีลุกขึ้นมาปากเต็มไปด้วยเลือดถูกแรงฝ่ามือเขาปะทะเข้าจนปางตาย

สถานการณ์ที่เปลี่ยนไปยิ่งทำให้ทุกคนตกตะลึงจนตาค้างพูดอะไรไม่ออก

นั่นคือตาเฒ่าผมเผ้าสีขาวใบหน้าตอนนี้บูดเบี้ยวเพราะความโกรธและตกใจโกรธจัดหรี่ตาลงแฝงความอาฆาตหันหน้ามองมาทางจูนจิ่ว“นังสารเลวเจ้ากล้าทำร้ายศิษย์ข้า”

“เฮ้นี่เจ้าตีเองนะไม่เกี่ยวกับข้า”

“เจ้า”ตาเฒ่านั่นกลั้นจนจะจะอ้วกเลือด

เขาเองแหละที่ลงมือตีหลัวฉีเองไร้คำต่อกรแต่เขากลับคิดไม่ถึงว่าจูนจิ่วจะโยนหลัวฉีออกมาเป็นกระสอบทรายกำบังมาไวจนไม่ทันตั้งตัวแม้แต่เก็บมือยังไม่ทันเลย

ดังนั้นไม่โทษเขาแต่โทษนังสารเลวคนนี้

ใบหน้าบึ้งตึงน่ากลัวตาเฒ่ากัดฟันแน่น“นังสารเลวปากดีนักนะ?กล้าทำร้ายลูกศิษย์ข้าข้าจะฆ่าเจ้าซะ”ตาเฒ่ายกมือตบมาทางจูนจิ่วหยูนเฉียวรีบเดินไปบังตรงหน้าจูนจิ่วอย่างหนาแน่นเขาขมวดคิ้วมองไปที่ตาเฒ่านั้น“ช้าก่อนรองผู้อำนวยการเป็นที่เห็นชัดว่าลูกศิษย์ของท่านลอบจู่โจมลับหลังแม่นางจูนก่อนและแม่นางจูนก็แค่ป้องกันตัวก็แค่หักแขนเขาไปหนึ่งข้างและสุดท้ายก็ท่านเองมิใช่หรือที่ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส

มันเกี่ยวอะไรกับแม่นางจูน?”

“แล้วหนุ่มน้อยเจ้าเป็นใคร?กล้าดียังไงมาขวางข้า……”เสียงหยุดชงักไปเห็นชัดว่าตาเฒ่าเหมือนจะดูสถานะของหยูนเฉียวออกแล้ว

เขาคือเหอจงรองผู้อำนวยการลานเทียนโจ้งแน่นอนว่าเขาต้องเคยเจอหยูนเฉียวคุณชายรองตระกูลหยูนสถานะสูงส่งเขาฆ่าคนอื่นตามอำเภอใจได้ทำเหมือนชีวิตคนอื่นไม่มีค่าแต่เขายังไม่สามารถลงมือกับหยูนเฉียวได้จะเป็นศัตรูกับตระกูลใหญ่สองในหนึ่งอย่างตระกูลหยูน

เหอจงเก็บหลังมือไว้ด้านหลังสายตาโหดเหี้ยวจ้องมองที่จูนจิ่วไม่ปล่อยเขาพูดว่า“ที่แท้ก็เป็นคุณชายหยูนรองนี่เองเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้าเชิญหลีกไป”

ทุกคนมองไปที่นางอย่างตกตะลึงแล้วมองไปทางเหอจงด้วยท่าทีที่ตั้งคำถามดูยังไงจูนจิ่วก็คือผู้เสียหายที่โดนจู่โจมหลัวฉีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสในตอนท้ายนั่นก็เป็นเพราะฝีมือเหอจงเองหากเป็นเพราะเช่นนี้แล้วจะยืดสิทธิ์จูนจิ่วล่ะก็มันไม่ยุติธรรมจริงๆ

ความโกรธที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นในคนหมู่มากเหอจงเพ่งมองและพูดเสียงดัง“ซุบซิบอะไรกัน?พวกเจ้าไม่อยากเข้าเรียนที่ลานเทียนโจ้งแล้วหรือ?”

สงบในทันที

เหอจงเพ่งมองไปที่จูนจิ่วเขาต้องยอมรับนังสารเลวนี่ที่ปากดีจริงๆเขาพูดเถียงนางไม่ไหวหรอกกลอกตาไปมาเหมือนนึกแผนการอะไรออก

เขาชี้ไปที่หลัวฉีพูดอย่างเคียดแค้นชิงชัง“นังสารเลวเจ้าทำร้ายศิษย์ข้าหักแขนข้างขวาของเขาหากแขนเขาเป็นแบบนี้จะเป็นนักจิตได้อย่างไร?หากรักษาไม่หายทั้งชีวิตนี้ก็ต้องกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ฝีมือเจ้าโหดเหี้ยมยิ่งนักข้าน่ะนึกถึงความปลอดภัยของศิษย์ลานเทียนโจ้งพวกเขาจะต้องอยู่ร่วมชั้นกับคนใจอำมหิตโหดร้ายอย่างเจ้าได้อย่างไร?”

ทุกคนมองตาค้างพูดแบบนี้ก็ได้หรือ?หาข้อแก้ต่างจนได้

เสียงปรบมือแปะๆๆ

จูนจิ่วปรบมือให้พร้อมพยักหน้า“พูดมีเหตุผลดีก็แค่แขนหักยังรักษาไม่หายลานเทียนโจ้งของพวกท่านมีไว้ก็ไร้ประโยชน์ไปหน่อยไหม?”

พูดจบจูนจิ่วเดินไปทางหลัวฉี

เหอจงพูดเสียงดัง“นังสารเลวเจ้าจะทำอะไร”

“กลัวอะไร?เจ้าอยู่นี่ทั้งคนยังกลัวข้าจะฆ่าลูกศิษย์ท่านอีกหรือ?”จูนจิ่วตอบโต้ประชดกลับไปชั่วขณะนั้นสีหน้าของเหอจงโกรธจนหน้าแดงหน้าเขียวเหมือนกับจานลองสีอย่างไงอย่างนั้น

เขามองที่จูนจิ่วนั่งยองๆแล้วจับที่แขนข้างขวาของหลัวฉีนี่นางจะรักษาหลัวฉีงั้นหรือ?เหอจงเปล่งเสียงหัวเราะเยาะเป็นอย่างที่คาดไว้นางกลัวว่าเขาจะยืดสิทธิ์คิดจะรักษาหลัวฉีเพื่อรักษาสิทธิ์ไว้ล่ะสิ?

นางคิดว่านางเป็นใคร?นักกลั่นยางั้นหรือ?น่าขำเวลานี้เอง“เสียงเชื่อมกระดูก”ดังขึ้นหลัวฉีเจ็บจนกรีดร้องและตื่นขึ้นมาการบาดเจ็บสาหัสทำให้เขาอ้วกเลือดอีกครั้งเมื่อลืมตาขึ้นแล้วเห็นจูนจิ่วเขาตกใจกลัวจนกลิ้งและคลานหนี“อย่าเข้ามานะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ