บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 92

บทที่ 92 ส่งเขาขึ้นบนฟ้าเคียงบ่าเคียงไหล่กับพระอาทิตย์

บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายต่างล้อมจูนจิ่วเอาไว้ แต่ครั้งนี้ต่างออกไป เหล่าลูกศิษย์ราวกับได้รับป้ายคำสั่งจอมปลอม พวกมันต่างจ้องเขม็งไปยังจูนจิ่ว ท่าทางประสงค์ร้าย มีความคิดโง่ๆ อยากจะลงมือสั่งสอนจูนจิ่วสักหน่อย

กฎของสำนักเทียนโจ้ง คือไม่อนุญาตให้ลงมือกับคนในสำนักด้วยกันด้วยเรื่องส่วนตัว

แต่นี่คือคำสั่งของอาจารย์ซือถู หากในระหว่างที่พวกเขาลงมือ กลับทำกระดูกจูนจิ่วหักโดยไม่ตั้งใจ หรือทำร้ายนางจนเลือดตกยางออก ทั้งหมดต่างเป็นอุบัติเหตุ!พวกเขาไม่ผิด

หยุนเฉียวและจูนเสี่ยวเหล่ยยืนขนาบซ้ายขวาจูนจิ่วอยู่ ตั้งท่าป้องกันเอาไว้ จูนเสี่ยวเหล่ยถามขึ้น “ท่านพี่เก้า พวกเราจะทำอย่างไรดี?”

“ทำอย่างไรน่ะหรือ?” จูนจิ่วแย้มยิ้มขึ้น นางยิ้มอย่างดุดัน ยิ้มอย่างดุเดือดบ้าคลั่ง

นางเงยหน้าขึ้น ปราดสายตาไปยังเหล่าลูกศิษย์อย่างดุดันเย็นเยียบ “ไสหัวไป!”

กลุ่มคนเหล่านั้นเมื่อสบสายตานางเข้า เริ่มแรกสั่นสะท้าน จากนั้นจึงจะกลับมามีสติได้ แต่ละคนต่างยืดอกขึ้น ก้าวเท้าเข้าใกล้ไม่หลีกหนี คนหนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น “จูนจิ่ว ที่ต้องออกไปคือเจ้า!”

“ถูกต้อง!จูนจิ่วจงออกไปจากสำนักเทียนโจ้งซะ!”

ทุกคนต่างเอ่ยขึ้นไม่หยุด เฟิ่งเทียนฉีมองไปทางจูนจิ่ว สายตาวาววับ เขากำลังรอ รอให้จูนจิ่วขอความช่วยเหลือจากเขา!เขาไม่เชื่อว่าจูนจิ่วเองจะสามารถต่อกรกับสถานการณ์ตอนนี้ได้ หากศัตรูมีราวสิบกว่าคนอาจยังพอทำเนา แต่นี่นับเป็นราวหนึ่งร้อยกว่าคน!

หากเพียงจูนจิ่วขอความช่วยเหลือจากเขา เขาจะใช้ตำแหน่งองค์รัชทายาท ขู่บังคับเหล่าประชาชนกลุ่มนี้ให้ถอยออกไปซะ และเอ่ยออมชอมกับซือถูซิ่วไม่กี่คำ ให้จูนจิ่วกล่าวขอโทษเขา นับเป็นการแก้ไขได้ดีทีเดียว เฟิ่งเทียนฉีสายตาวาวาวับด้วยความตื่นเต้นดีใจ

ความรู้สึกเกรงกรัวเมื่อครู่ได้มลายหายไปสิ้น จูนจิ่วรู้เรื่องแล้วยังไงกันเล่า?เขาช่วยเหลือนางได้ตอนนี้ ที่จะช่วยนางได้ก็มีเพียงเฟิ่งเทียนฉีเท่านั้น!

เฟิ่งเทียนฉีคิดได้ดังนี้ ก็รีบจัดแจงท่าทาง แล้วรอให้จูนจิ่วมาขอร้องเขา ปรากฏว่าจูนจิ่วกลับไม่แลมองเขาแม้เพียงแวบเดียว สายตาจูนจิ่วนั้นเยียบเย็นกระหายเลือด นางขมวดคิ้วเล็กน้อย “หนวกหูเสียจริง”

เพียงเห็นจูนจิ่วยกมือผลักไปที่ประตู ประตูไม้อันแข็งแกร่งกลับพังครืนเพียงนางผลักเบาๆ เท่านั้น ทุกคนต่างตาค้างตะลึงงันไปแล้ว จูนจิ่วจะทำอะไรกัน?

เมื่อปล่อยมือแล้ว จูนจิ่วยกขาขึ้นเตะ ทันใดนั้นประตูไม้เหล่านั้นก็กลายเป็นอาวุธร้ายพุ่งออกไปในทันที

เสียงหวีดแทรกอากาศดังมาพร้อมกับท่อนไม้ที่พุ่งตรงมาด้วยแรงมหาศาล ประตูไม้เหล่านั้นพุ่งตรงไปยังเหล่าบรรดาลูกศิษย์กลุ่มนั้น ซึ่งต่างยืนอ้าปากค้างไม่คาดคิดว่าจะมีวิธีต่อกรเช่นนี้ ต่อเมื่อได้สติกลับมาแล้ว ต่างก็ไม่ทันเสียแล้ว หลายสิบคนถูกท่อนไม้ฟาดอย่างแรง ต่างลอยไปราวกับเหินฟ้า

ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ ร่างร่วงหล่นพื้น กระอักเลือดร้องโอดครวญไม่หยุด

เบื้องหน้าจูนจิ่วกลายเป็นทางโล่งกว้างประมานหนึ่งในทันที วิธีจัดการเส้นทางแบบนี้ ช่างง่ายและดุดันอย่างที่สุด!ใครเห็นต่างต้องตะลึงงันค้างไป ช่างทรงพลังเหลือเกิน!

นางสะบัดชายเสื้อพลางก้าวออกไป จูนจิ่ว “ไป”

ซือถูซิวมองไปยังลูกศิษย์ทั้งหลายที่ร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวดบนพื้น ตะลึงงันชั่วครู่ก่อนจะดึงสติได้ เงยหน้ามาอีกทีกลับเห็นพวกจูนจิ่วต่างเดินออกไปแล้ว อารมณ์คุกรุ่นปะทุขึ้นในใจ เขาบดขยี้ฟันริมฝีปากแทบร้าว “จูนจิ่ว!เจ้ากล้าดีอย่างไร ทั้งลงมือทำร้ายผู้อื่น ข้าจะจับเจ้าไปพบท่านเจ้าสำนักด้วยตัวเอง ท่านรองเจ้าสำนัก!”

จูนจิ่วไม่แม้แต่จะหันกลับ นางแตะปลายเท้าเล็กน้อย กระบี่ด้ามหนึ่งบนพื้นพลันตวัดขึ้น นางคว้าจับไว้ในมือ ในความเร็วชั่วพริบตาคมกระบี่นั้นพุ่งออกไปในทันที ...

ฟืบ—วืด วืด!

คมกระบี่เกือบปักไปยังลำคอซือถูซิว แม้สองในสามส่วนของตัวกระบี่ยังไม่ปักเข้าไปในเสา แต่ก็ทำให้เสาเป็นช่องรูลึกขนาดใหญ่ พละกำลังนี้ช่างน่ากริ่งเรงยิ่งนัก

“ถูกต้อง!ขับไล่นางออกไป!” บรรดาลูกศิษย์ตะโห่ร้องตะโกนก้อง

เสียงลือเสียงเล่าอ้างมักเข้าเกาะกุมจิตใจผู้คนก่อน ณ เวลานี้ พวกเขาต่างรู้สึกว่าจูนจิ่วมิเพียงโอหังทั้งยังไร้คุณธรรม และยังอำมหิตเลือดเย็นกว่าใคร ต้องขับไล่นางออกจากสำนักเทียนโจ้งให้จงได้!

หลัวฉีเอ่ยขึ้นในทันที “ท่านอาจารย์ซือถู ข้าจะพาพวกท่านเข้าพบท่านเจ้าสำนักและท่านอาจารย์ของข้า!แต่ว่าท่านซือถูท่านควรเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีหรือไม่”

หลัวฉีเตือนขึ้น ซือถูซิวถึงตระหนักว่ากางเกงของเขามีรอยปัสสาวะเป็นปื้นใหญ่ ความรู้สึกทั้งโกรธทั้งอายผสมปนเป ความโกรธเกลียดที่มีต่อจูนจิ่วในเบื้องลึกของจิตใจเพิ่มทบเท่าพันทวี เกลียดเสียจนอยากสับร่างให้แหลกละเอียดเป็นพันๆ ชิ้น!

จูนหยูนเสวี่ยและหลัวฉีสบตากันครู่หนึ่ง แลกเปลี่ยนสายตากัน เมื่อได้เห็นหลัวฉีนำซือถูซิว และบรรดาลูกศิษย์จากไป จูนหยุนเสวี่ยแสยะยิ้มยิงฟัน จูนจิ่ว ข้าจะทำลายชื่อเสียงของเจ้าให้สิ้นซาก แม้นเจ้าตายก็มิอาจดีกลับมาได้

ถึงแม้ไท่ซ่างฮ่องจะปกป้องเจ้า เป็นที่รักของเจ้าสำนัก แต่ในบัดนี้ พวกเขาจะป้องป้องเจ้าได้อยู่หรือ?

จูนหยุนเสวี่ยกำลังย่างก้าวไปดูเรื่องสนุก ข้อมือของนางกลับถูกเฟิ่งเทียนฉีคว้าเอาไว้ จูนหยุนเสวี่ยหันกลับไปมองอย่างรังเกียจ “เฟิ่งเทียนฉี เจ้าคิดจะทำอะไร!”

“เสว่เอ๋อร์ ข้าต้องขอบคุณเจ้า ข้ารู้แล้ว ในใจลึกๆ ของเจ้ายังรักข้าเหมือนเดิมใช่หรือไม่?ไม่อย่างนั้น เจ้าจะคิดแผนอย่างนี้ออกมาได้อย่างไร หากข้านำเรื่องทั้งหมดไปบอกท่านเจ้าสำนัก อย่างนั้นข้าก็จะมีโอกาสได้ช่วยเหลือจูนจิ่วอีกครั้ง!”

เฟิ่งเทียนฉีแย้มยิ้มอย่างอบอุ่น น้ำเสียงตื่นเต้น “เสว่เอ๋อร์ ข้าจะไม่ลืมความรักของเจ้า เจ้าวางใจเถิด รอเพียงข้าได้ตัวจูนจิ่ว ในภายภาคหน้านางจะเป็นฮองเฮาของข้า เจ้าก็จะเป็นพระชายารองที่ข้ารักที่สุด”

จูนหยุนเสวี่ยโกรธจนตัวสั่น บนโลกใบนี้ทำไมถึงมีคนที่หน้าด้านไร้ยางอายได้ถึงเพียงนี้?

และที่เอ่ยจูนจิ่วคือฮองเฮา นางคือพระชายารอง?ทำไมเฟิ่งเทียนฉีไม่ไปอยู่บนสวรรค์ อยู่กับพระอาทิตย์เสียเลย!จูนหยุนเสวี่ยโกรธจนพูดไม่ออก แต่ในสายตาของเฟิ่งเทียนฉี กลับคิดว่าจูนหยุนเสวี่ยตื่นเต้นดีใจยิ่งนัก เฟิ่งเทียนฉียิ้มขึ้น “เสว่เอ๋อร์เจ้าอย่าได้ตกใจไป ข้าจะรีบรุดไปก่อน ไม่อาจพลาดโอกาสนี้ไปได้ ข้าจะต้องได้จูนจิ่วมาครอบครองให้ได้!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ