บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ นิยาย บท 94

บทที่ 94 ชายปากดี

“เฟิ่งเซียวเจ้าทำลูกศิษย์ข้าบาดเจ็บ นี่มันมากเกินไปแล้ว!” เหอจงเอ่ยอย่างโกรธแค้น มือกำแน่นเบิกตาโพลงจดจ้องเฟิ่งเซียว

เฟิ่งเซียวเงยหน้าขึ้น สายตาเฉียบแหลมดั่งนกเหยี่ยว ให้คนเกรงกลัวมิกล้าสบตา เขาเอ่ยขึ้น “ข้าเพียงแต่สั่งสอนลูกศิษย์เจ้า ให้รู้จักระมัดระวังคำพูดและการกระทำ วันนี้เพียงสั่งสอน หากครั้งหน้ายังกล้าพูดให้ร้ายเสี่ยวจิ่ว ข้าจะจัดการเอง!”

ฟืด!

เหอจงกลับสูดหายใจเข้า เขาจะยอมให้เฟิ่งเซียวกดศีรษะเขาไว้ได้อย่างไร ในที่นี้ศิษย์ทั้งสำนักของเขาต่างอยู่กันครบ เขาจะเอาหน้าไว้ที่ไหน?แววตาดุร้ายโหดเหี้ยม เหอจงใบหน้าเคร่งเครียด เอ่ยขึ้นอย่างประชดประชัน “ไท่ซ่างฮ่อง ที่นี่ไม่ใช่แคว้นเทียนโจ้งของท่าน ท่านไม่มีสิทธิใช้อำนาจบาตรใหญ่ที่นี่”

เฟิ่งเซียวหัวเราะดังกึกก้อง “ฮ่าๆ ผู้อาวุโสโล่เชิญข้ามาเป็นผู้อาวุโสของสำนัก ข้าไม่มีสิทธิรึ?ข้าจะแสดงอำนาจแล้วจะทำไม หากเจ้าไม่ยอมตามก็อดทนเอาไว้?”

ได้ยินดังนั้น ทั้งเหอจงและจูนหยูนเสวี่ยสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เฟิ่งเซียวกลับมายังแคว้นเทียนโจ้งเป็นผู้อาวุโสของสำนัก!

เหอจงไม่อาจเชื่อดังนั้น หันกลับไปมองยังโล่ชิวเห้อ “ท่านเจ้าสำนัก เป็นความจริงหรือ?”

“ไท่ซ่างฮ่องเป็นมือหนึ่งแห่งแคว้นเทียนโจ้ง อย่าว่าแต่ตำแหน่งเพียงผู้อาวุโสเลย มอบตำแหน่งเจ้าสำนักให้เขาก็ยังนับว่าเหมาะสม เรื่องราวในวันนี้ก็เกี่ยวข้องกับไท่ซ่างฮ่องด้วย นับว่าควรให้ท่านเข้าร่วมด้วย”

“เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร!” เหอจงร้องขึ้น “นังเลวจูนจิ่วทำผิดต่อกฎสำนัก หากให้เขาร่วมด้วย อย่างนั้นไม่เท่ากับช่วยเหลือนังสารเลวนั่นให้พ้นจากการลงทัณฑ์หรอกหรือ?”

“เจ้าว่าใครว่านังสารเลวรึ?” เฟิ่งเซียวหันกายโดยพลัน พริบตาเดียวปรกฏตัวอยู่ด้านหลังเหอจง เขายกมือขึ้นคว้าไหล่ของเหอจงเอาไว้ ออกแรงที่ปลายนิ้ว เพียงได้ยินเสียงแควก ไหล่ของเหอจงพลันหักโดยการบิดของเฟิ่งเซียว!

ผู้คนโดยรอบต่างเป็นศิษย์สำนักเทียนโจ้ง เหอจงอดกลั้นความเจ็บปวดไม่เปล่งเสียงออกมา เขากัดฟันทนรับความเจ็บปวด เงยหน้ามองไปยังเฟิ่งเซียวทั้งหวาดกลัวทั้งเกลียดชัง “ไท่ซ่างฮ่อง สำนักเทียนโจ้งก็มีกฎเกณฑ์ของสำนัก!ท่านอย่าได้คิดว่าท่านจะปกป้องจูนจิ่วนังสาร...”

ภายใต้สายตาอันดุดันอาฆาตคนของเฟิ่งเซียว เหอจงมิอาจไม่กล้ำกลืนคำว่าสารเลวลงไปในลำคอได้

แต่ว่าเขาก็ยังคงตั้งใจประชดแดกดันเฟิ่งเซียว เอ่ยขึ้น “จนถึงตอนนี้จูนจิ่วก็ยังไม่ปรากฏตัว เกรงว่านางอาจจะกลัวจนหนีไปเสียแล้วกระมัง?”

“ท่านรองเจ้าสำนักเท้าท่านครึ่งหนึ่งคงก้าวลงโรงเสียแล้วกระมัง มืดบอดจนมองไม่เห็นคนแล้วหรือ?” น้ำเสียงเย่อหยิ่งประชดประชันของจูนจิ่วลอยมา ดึงความสนใจของผู้คนให้หันกลับไปมอง ใบหน้าของหอจงโกรธจนบิดเบี้ยว นี่จูนจิ่วกำลังสาปแช่งเขาให้ตายหรือ

เสียงขบฟันดังกรอดกรอด เหอจงจ้องไปยังจูนจิ่วอย่างเอาเป็นเอาตาย “จูนจิ่ว เจ้ายังบังอาจกล้าปรากฏตัวอีกหรือ!”

“ทำไมข้าจะมาไม่ได้?ข้าไม่เพียงมาแล้วเท่านั้น ยังพาแขกมาหาพวกท่านอีกหนึ่งคน”

อะไรกัน?

จูนจิ่วต่างดึงดูดความสนใจของทุกคนเอาไว้ เมื่อได้ยินจูนจิ่วพูดดังนั้น สายตาของผู้คนต่างมองผ่านจูนจิ่วไปยังชายคนเลี้ยงแพะวัยกลางคน ใบหน้าซูบผอม ร่างกายซูบเซียวผู้หนึ่ง เขาเป็นใคร?

หยูนเฉียวแนะนำขึ้น “คนผู้นี้คือชายปากดี ไม่มีใครในแคว้นเทียนโจ้งไม่รู้จักเขากระมัง?”

“เฮือก!ชายปากดี!เขาคือชายปากดีรึ?”

ชายปากดีเป็นถึงนักเล่าเรื่องผู้มีชื่อเสียงของเมืองเทียนโจ้ง!เขามิเกรงผู้ทรงอำนาจ ไม่กลัวถูกข่มขู่ ทั้งชีวิตพูดแต่ความจริง แม้นจะเป็นเรื่องพระราชวงศ์ หรือเรื่องของสองตระกูลใหญ่ หากเรื่องเล่าได้เอ่ยจากปากของเขา ก็จะพูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีปิดบังเด็ดขาด ดังนั้นผู้คนจึงเรียกเขาในนามชายปากดี!”

“มิเพียงเท่านั้น ชายปากดีเองยังเป็นถึงนักจิตชั้นสาม สนิทชิดเชื้อกับผู้อาวุโสของสำนักตันเก๋อ จูนจิ่วเรียกเขามาทำไม?นางคิดจะทำอะไร?”

นางต้องหยุดชายปากดีให้ได้!

เพียงก้าวออกไป สายตาอันแหลมคมดุดันของเฟิ่งเซียวก็จดจ้องมายังนาง ร่างกายจูนหยูนเสวี่ยพันนิ่งแข็งโดยพลัน มิกล้าเขยิบอีกต่อไป

“เหอะ!” เฟิ่งเซียวสถบเสียงพลางหันกลับไป และยังจ้องเบิกตาไปยังเฟิ่งเทียนฉีอีกด้วย ท้ายสุดจึงมองจูนจิ่วที่เดินมาเคียงข้างเขา ท่าทางอย่างนั้นช่างทำให้ภูเขาหิมะละลาย ดอกไม้ในวสันตฤดูผลิบานสดใส เฟิ่งเซียวเอ่ยขึ้น “เสี่ยวจิ่วรอก่อนเถิด พระอัยกาจะแก้แค้นให้เจ้าอย่างเท่าเทียม!”

จูนจิ่วกระตุกริมฝีปากขึ้น แย้มยิ้มราวปีศาจร้าย

จูนหยูนเสวี่ยและเฟิ่งเทียนฉีมิใช่ต้องการให้นางพ่ายแพ้ชื่อเสียงพังพินาศ ให้หมื่นคนผรุสวาทดูถูกหรือ?ดูตอนนี้สิ เป็นข่าวลือโคมลอยของพวกเขา หรือความซื่อสัตย์ถูกต้องของนางที่ดีกว่า?

อย่าเอ่ยถึงจูนหยูนเสวี่ยเลย เฟิ่งเทียนฉีก็อยากจะหนีแล้ว ทว่าเพียงพวกเขาเขยิบตัวเพียงนิด เฟิ่งเซียวก็จะเพ่งมองพวกเขาทันที ไม่มีทางหนีไปได้ ทำได้เพียงยืนอยู่ที่นี่ฟังชายปากดี ทุกเวลานาที ราวถูกใบมีดค่อยๆ แล่เนื้อออกทีละน้อย

ชายปากดีเอ่ย “เมื่อพูดถึงงานเลี้ยงวันเกิดตระกูลจูน ช่างเป็นความอับอายที่สุดของตระกูลจูนในร้อยปีที่ผ่านมา ช่างเป็นความเสื่อมเสียของตระกูล!ทำให้บรรพบุรุษอับอาย”

ได้ฟังเพียงที่ชายปากดีเอ่ยเริ่มต้น เพียงประโยคนี้ ทุกคนต่างมองมายังจูนจิ่วอย่างพร้อมเพรียง นี่ไม่ได้กำลังพูดถึงจูนจิ่วหรอกหรือ?

ประโยคต่อมาของชายปากดี ราวกับตบหน้าผู้คนทั้งหมด เขาเอ่ยขึ้น “เรื่องน่าไม่อายนี้มีสามเรื่อง เรื่องหน้าไม่อายเรื่องแรก จู๋หมู่ตระกูลจูนวางยาทำร้ายคนในตระกูลคุณหนูลำดับที่เก้าจูนจิ่ว วางแผนฆ่านางซ้ำแล้วซ้ำเล่า”

“เรื่องหน้าไม่อายที่สอง เพื่อพิธีหมั้นของคุณหนูใหญ่ จู๋หมู่ตระกูลจูนถึงกับให้บ้านเล็กเมืองเฟิงหลัววางยาพิษคุณหนูเก้าจูนจิ่ว!เรื่องหน้าไม่อายเรื่องที่สาม ภาพลักษณ์ภายนอกตระกูลจูนดูสูงส่งบริสุทธิ์ แต่แท้จริงแล้วกลับวางแผนซ่อนเงื่อน ร้ายกาจกว่าแผนการในวังหลวงเสียอีก!”

ผ่าง!ทั่วทั้งสนามใหญ่เสียงเซ็งแซ่ขึ้นทันใด ทุกคนต่างตกตะลึงนิ่งค้างไปแล้ว นี่ยังไม่หมด ชายปากดีเอ่ยขึ้นอีก “และยังมีองค์รัชทายาทแห่งแคว้นเทียนโจ้งเฟิ่งเทียนฉี...”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุปผาเสน่ห์หา หมอยายอดฝีมือ