เวินหนิงเหลือบมองเขาอย่างสะอิดสะเอียน ถ้าหากเป็นไปได้ เธอไม่อยากจะคบค้าสมาคมกับคนประเภทนี้จริง ๆ
ยวี๋เฟยหมิงไม่ได้อาบน้ำมาหลายวันแล้ว กลิ่นตัวเหม็น ดูมอมแมมมาก ไม่เหมือนกับเขาในตอนปกติที่ที่เย่อหยิ่งโอหัง
ฉันแค่อยากจะถามนาย ว่านายจะพูดความจริงไหม?” เวินหนิงมองเขาอย่างเย็นชา น้ำเสียงแฝงไปด้วยความเกลียดชัง
“ความจริงอะไร? เธอก็คือผู้ร้ายชนคนแล้วหนี อยากจะล้างมลทินให้ตัวเองเหรอ? ตอนนั้นเธอรับสารภาพในศาลยังไง ตอนนี้เธอลืมไปหมดแล้วเหรอ?เวินหนิง อย่าคิดว่าคำพูดไม่กี่ประโยคของเธอจะโกหกคนอื่นได้”
ยวี๋เฟยหมิงไม่อยากล้างมลทินแทนเวินหนิง ถ้าหากลู่จิ้นยวนรู้ความจริงในตอนแรก ความสัมพันธ์ของพวกเขาต้องดีขึ้นมากกว่าเดิม แล้วเขาจะต้องได้รับการตอบแทนที่น่ากลัวไปกว่านี้แน่นอน
“...”
เวินหนิงหมดหนทางกับการกระทำหน้าด้านไร้ยางอายของเขา “ยวี๋เฟยหมิง นายจะหลงผิดกู่ไม่กลับแบบนี้เหรอ? ฉันไปทำอะไรให้นาย?”
เวินหนิงจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเคยมีเรื่องบาดหมางกับยวี๋เฟยหมิง ถึงทำให้เขานิ่งดูดายในตอนที่เธอถูกใส่ร้าย กระทั่งตอนนี้แม้แต่พูดความจริงออกมาก็ไม่ยอม
เขาคนนี้ เหมาะสมกับมนุษย์หมาป่ากินคนกับพวกคนตระกูลเวินที่สุด
เห็นเวินหนิงอารมณ์ขึ้น ลู่จิ้นยวนดึงเธอมาอยู่ด้านหลัง สีหน้าใจร้อนนิดหน่อย
ในตอนนี้เองเวินหนิงนึกถึงแมรี่ ครั้งที่แล้วเธอสาบานอย่างจริงใจกับตนเอง ว่าจะให้ยวี๋เฟยหมิงเอ่ยปากพูด หรือว่าคนที่ประสบการณ์เยอะแบบเธอก็ไม่มีหนทางจริง ๆ?
“ฉันไปโทรศัพท์” เวินหนิงคิดได้ดังนั้น ก็ออกไปโทรศัพท์
แมรี่เห็นเป็นเบอร์โทรศัพท์ของเวินหนิงจึงรับสาย “มีอะไรเหรอคะ คุนเวิน ตอนนี้คุณเป็นยังไงบ้างคะ?”
ครั้งที่แล้วเวินหนิงถูกลู่จิ้นยวนช่วยไว้ ถึงแม้เธออยากจะสืบความเป็นอยู่ของเธอ แต่แปลกตรงที่สืบยังไงก็สืบไม่พบ หลังจากนั้นเธอกลับจำได้ว่าวันนั้นคนที่ช่วยเธอไว้คือลู่จิ้นยวน
ไม่รู้เหมือนกันว่าเวินหนิงไปมีความสัมพันธ์กับลู่จิ้นยวนได้ยังไง แต่ก็เกรงว่าสถานภาพของตนเองจะถูกเปิดเผย และเมื่อคิดอีกทีการแสดงออกของลู่จิ้นยวนในวันนั้นดูเหมือนเป็นห่วงเธอ จึงคิดว่าไม่น่าจะเกิดอะไรขึ้น แมรี่จึงไม่ได้สืบต่อไป
“ฉันสบายดี เพียงแต่...”
“ทำไมเหรอ มีอะไรให้ฉันช่วยไหม?”
เวินหนิงบอกเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้ว่ายวี๋เฟยหมิงเป็นตายยังไงก็ไม่ยอมพูดความจริงออกมา แมรี่หัวเราะแล้วออกไอเดียให้เธอ
เวินหนิงถลึงตาโต “นี่...นี่...”
”วิธีนี้ได้ผลแน่นอน อีกอย่างได้ระบายความแค้นในใจของเธอด้วย”
แมรี่พูดอย่างมั่นใจ เวินหนิงคิดไปคิดมา ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น เพียงแต่สีหน้ากระอักกระอวนนิดหน่อย
ลู่จิ้นยวนเห็นเธอออกไปนานยังไม่กลับมา จึงได้ออกมาตาม เห็นท่าทางลำบากใจของเธอ จึงเดินเข้ามา “เป็นอะไรเหรอ?”
“เอ่อ...ฉันคิดออกวิธีนึง แต่ว่า...”
เวินหนิงรู้สึกพูดไม่ออก
“วิธีอะไร?” ลู่จิ้นยวนเห็นท่าทางกระอักกระอวนของเธอ ก็ครุ่นคิดว่าตกลงเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้เธอลังเลแบบนี้
“ก็คือ...หาผู้ชายคนนึง มาทำอย่างว่ากับยวี๋เฟยหมิง แล้วถ่ายรูปไว้ ทำให้เขาไม่กล้าเหิมเกริมอีก”
“วางใจได้ เรื่องผิดกฏหมายพวกนั้นฉันยังไม่ถึงขึ้นต้องทำ”
ลู่จิ้นยวนพูดอย่างเฉยชา ยวี๋เฟยหมิงถลึงตาโต ขังเขาไว้ที่นี่หลายวันขนาดนี้ ยังมีหน้ามาพูดว่าตัวเองเป็นผู้รักษาความยุติธรรม
แต่เขาโมโหได้ไม่นาน ร่างกายก็แผ่ซ่านความร้อน ความรู้สึกแบบนั้นเขาไม่คุ้นเคยเป็นอย่างมาก
ลู่จิ้นยวนเหลือบมองเขาแวบนึง ก็เรียกผู้ชายขอทานคนนั้นเข้ามา “ยกเขาให้นาย ทำตามที่ฉันบอก ฉันจะตบรางวัลให้นายไม่น้อย”
พูดจบพวกเขาก็ออกไปจากที่น
“ลู่จิ้นยวน แกมันไม่ใช่คน!”
เสียงโมโหคำรามดังขึ้น ลู่จิ้นยวนกลับแสร้างทำเป็นไม่ได้ยิน ชายหนุ่มยื่นมือออกไปปิดหูของเวินหนิงไว
“พวกเราออกไปรอข้างนอก อย่าสกปรกหูตัวเอง”
เวินหนิงเห็นด้วยเป็นอย่างมาก สำหรับยวี๋เฟยหมิงที่คิดว่าตัวเองเป็นคนเก่งกาจมาตลอด จะต้องรับการกระทำอย่างแรงขนาดนี้ไม่ไหวแน่
“เป็นอะไรไป ไม่สบายใจเหรอ?” ลู่จิ้นยวนเห็นเวินหนิงเงียบ นึกว่าเธอไม่ชินกับเรื่องแบบนี้
“ไม่ใช่” เวินหนิงส่ายหน้า มองหน้าลู่จิ้นยวนอย่างเด็ดเดี่ยว “เขามีความผิดสมควรได้รับ สำหรับศัตรู ฉันไม่มีทางเห็นใจแม้แต่นิด”
วันนั้นยวี๋เฟยหมิงร้องตะโกนจะเอาเด็กในท้องของเธอออกอย่างบ้าคลั่งภาพนั้นยังติดอยู่ในตา ตอนนี้เขาก่อกรรมทำเข็ญเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก