ยิ่งมีอาหารเยอะเยอะขนาดนี้ยิ่งมีความสุข เธอหยิบของที่ตัวเองชอบแล้วเริ่มไปปิ้งย่าง
"อันหราน เราอยากกินอะไร เดี๋ยวพี่สาวย่างให้เรา พี่ย่างได้ดีมากเลยจะบอกให้"
คนอื่นก็ปิ้งไปด้วยกินไปด้วย ปิ้งย่างแค่นี้ ถ้าไม่ใช่มือพิการก็คงทำได้ไม่แย่มาก เวลาปิ้งย่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฟ้าก็เริ่มมืดจึงเริ่มเก็บของกัน
ระหว่างนี้ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรที่อารมณ์เสีย อันเฉินกับเย่ซือเยวี่ยก็อยู่กันอย่างสงบสุข แต่นี่จะเป็นแค่ชั่วคราวหรือว่าตลอดไป ก็ไม่รู้เหมือนกัน
ตอนกลางคืนในรีสอร์ทสวยกว่าตอนเช้าอีก
เย่ซือเยวี่ยอารมณ์ดีก็เลยไปเล่นว่าวคนเดียว อันเฉินเคลียร์งานอยู่ในห้องคนเดียว ลู้จิ้นยวนนั่งรับลมชมวิวที่ศาลากับโม่โยว
ตัวเล็กก็อยู่ข้างๆ ใส่หูฟังเล่นเกมในไอแพดอย่างสนุกสนาน
ลู่จิ้นยวนมองไปที่เธอ สายตาก็เป็นประกาย ไม่รู้ว่าไปเอาเหล้ากับแก้วมาจากไหน แล้วเทให้คนละแก้ว
"ดึกขนาดนี้แล้วจะดื่มทำไม" โม่โยวจับแก้วในมือขึ้นมาแล้วดมกลิ่น กลิ่นแอลกอฮอล์ไม่หนักมาก แต่กลับมีกลิ่นบางอย่างที่หอมมากๆ
"ใกล้จะฤดูฝนแล้ว ลมตอนกลางคืนก็หนาว ดื่มนิดหน่อยก็ถือว่าอุ่นร่างกาย แอลกอฮอล์ของเหล้านี้ไม่สูงมาก ดื่มน้อยหน่อยไม่เป็นอะไรหรอก" ลู่จิ้นยวนจิบคำเล็กๆ
โม่โยวได้กลิ่นที่หอมหวานนี้ ก็อดไม่ได้จนต้องลอง เธอไม่ใช่คนที่ดื่มเก่งมาก เหลเานี้ไม่ได้ขมคอเหมือนเหล้าอย่างอื่น แต่กลับมีกลิ่นหอมของผลไม้ รสชาติก็ไม่เลวเลย
"นี่เหล้าอะไรหรอ?" เธอเอ่ยถามแล้วดื่มอีกคำ
ลู่จิ้นยวนหัวเราะ "เหล้าบ๊วย"
โม่โยวรู้สึกแปลกใจ
"นี่เป็นของเฉพาะในรีสอร์ทนี้ หลังเขายังมีสวนบ๊วยด้วย จ้างผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะมาหมักเลย คนที่มารีสอร์ทก็ต้องสั่งเกือบทุกคน"เขาอธิบาย
ทั้งสองคนดื่มไปด้วยคุยไปด้วย จากนั้นลู่จิ้นยวนก็เอ่ย "โม่โยว เดือนหน้าฉันจะกลับเมืองตี้ตูแล้ว"
สำนักงานใหญ่ของบริษัทตระกูลลู่ไม่อยู่ที่เมืองเจียงเฉิง เขาเป็นผู้บริหารทั้งคน หลายๆเรื่องก็ไม่สะดวกมากนัก ทีแรกเขาคิดว่าอาจจะไม่ต้องอยู่ในเมืองเจียงเฉิงนานขนาดนั้น แต่เป็นเพราะโม่โยว ก็เลยอยู่ที่เมืองนี้ไปก่อน
โม่โยวอึ้งไป นี่กะทันหันมาก เธอยังไม่ทันตั้งตัว ในใจก็รู้สึกแปลกๆ
ลู่จิ้นยวนกลับเมืองตี้ตู นี่ก็แสดงว่า……จะไปแล้ว?
ก็จริง เขาเป็นผู้บริหาร จะเอาแต่อยู่ที่นี่ได้ยังไง แต่โม่โยวไม่เคยคิดถึงสถานการณ์แบบนี้เลย แม้แต่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนเธอก็ยังไม่เข้าใจ แล้วจะไปคิดถึงเรื่องในอนาคตได้ยังไง
เธอยังคิดไม่ออกว่าควรจะพูดอะไร ลู่จิ้นยวนก็เอ่ยพูดอีกครั้ง "เธอกลับไปพร้อมกับฉันเถอะ"
โม่โยวหันมองไปที่เขา ดวงตาภายใต้แสงจันทร์ของลู่จิ้นยวนเป็นประกาย ในนั้นมีความจริงใจแฝงไปด้วย……ความคาดหวัง แล้วก็เกร็ง
เธอหลบสายตา ไม่เอ่ยพูดอะไร
ลู่จิ้นยวนรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เป็นเพราะตัวเองใจร้อนเกินไปหรือเปล่า? นิสัยแบบนี้ของโม่โยว ถ้าเขาไม่รีบลงมือ ก็ไม่รู้ว่าต้องรออีกนานแค่ไหน เดี๋ยวมีการเปลี่ยนแปลงอะไรอีก
เขาหรี่ตาแล้วเอ่ยตามตรง "เธอจะไม่ตอบตกลงก็ไม่ได้เ พราะคำสั่งย้ายงานของเธอฉันส่งไปที่สำนักงานใหญ่แล้ว เดือนหน้าเธอก็ไปรายงานตัวที่สำนักงานใหญ่พร้อมกับฉัน ยังเป็นผู้จัดการแผนกออกแบบบีเหมือนเดิม แต่ก็แค่เปลี่ยนที่อยู่ก็แค่นั้น"
โม่โยว: "……"
แล้วอีกอย่าง เธอดูเหมือนจะไม่มีสิทธิ์ไปห้ามลู่จิ้นยวนไม่ให้แต่งงาน คนภายนอกก็คิดว่าถึงเขาจะแต่งงานใหม่ก็เป็นเรื่องปกติ
ถึงแม้จะรู้ว่าผู้ชายคนนี้จงใจจะให้เธอตอบตกลง แต่โม่โยวก็เข้าใจดี เหตุการณ์แบบนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดขึ้น
เธออดไม่ได้จนต้องถอนให้ใจ
"ฉันไม่รู้ว่าควรจะให้คำตอบได้ยังไง เพราะความจำของฉันยังไม่กลับมา"
โม่โยวเอาแต่คิดว่า ถ้าเธอจำเรื่องระหว่างเธอกับลู่จิ้นยวนได้ ฏ้จะมีคำตอบที่ชัดเจน เป็นคำตอบจากในใจจริงๆ
ลู่จิ้นยวนขมวดคิ้ว "ถ้าความทรงจำของเธอไม่กลับมาล่ะ? จะเป็นแบบนี้ตลอดหรอ? โม่โยว ความทรงจำแต่ก่อนไม่ได้สำคัญขนาดนั้น เราควรจะมองไปข้างหน้า"
"ฉันชอบเธอ ฉันรักเธอ อยากไปตลอดชีวิต ไม่ว่าจะก่อนหรือว่าหลังความจำเสื่อมก็ไม่เปลี่ยน เธอล่ะ? ไม่ต้องสนเรื่องก่อนที่จะความจำเสื่อม เอาแค่ตอนนี้ ตอนนี้เธอรู้สึกกับฉันยังไง?"
เขาถามเธอตรงๆ "เธอไม่ต้องปฏิเสธ ปฏิเสธก็ไม่มีประโยชน์ ฉันรู้ว่าเธอก็ชอบฉันเหมือนกัน"
โม่โยว: "……"
เธอไม่รู้จะทำยังไง อดไม่ได้จนต้องเหยียบเท้าเขา มีคนแบบนี้ที่ไหนกัน
"เราสองคนต่างฝ่ายต่างชอบกัน แล้วลูกชายก็โตขนาดนี้แล้ว ฉันไม่เข้าใจว่าเธอกำลังลังเลอะไรอยู่"
ลู่จิ้นยวนพูดจบ ก็ถอดหูฟังของลูกชาย "พูดกับแม่เราสิ ถ้าแม่ไม่อยู่กับพ่อ เราก็จะไม่มีแม่ แล้วจะมีแม่เลี้ยงอีก ถ้างั้นเราก็ต้องแย่แน่นอน"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก