หลังจากอันเฉินอ่านจบ ก็เดินไปที่ข้างๆของหลิวเชวียนหมิง แล้วเอาเอกสารที่อยู่ในมือยื่นไปตรงหน้าของเขา
หลิวเชวียนหมิงมองเอกสารตรงหน้า สายตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เหมือนเห็นผีสะอย่างงั้น เขายื่นมือออกไปช้าๆ มือที่สั่นเทานั้นเปิดเอกสารตรงหน้า กวาดตาอ่านอย่างรวดเร็ว รู้สึกเวียนหัวตาลายไปหมด
ลู่จิ้นยวนนั่งพิงกับเก้าอี้ มองไปที่เขา“หลิวเชวียนหมิง ตอนนี้มีสองวิธีให้คุณเลือก หนึ่ง เซ็นเอกสารโอนหุ้นสุดท้ายนี้แล้วไสหัวออกจากบริษัทตระกูลลู่สะ”
“สอง ให้หลักฐานพวกนี้ ปรากฎอยู่ที่ห้องแจ้งเบาะแส แล้วเอาเงินของคุณไปใช้ชีวิตในนั้น”
ผิวหนังที่หน้าของหลิวเชวียนหมิงบิดเบี้ยว แต่ทำไงได้ล่ะ? ไม่มีทางเลือกอื่น มีอิสระ ใครจะเลือกที่จะติดคุกล่ะ?
แต่เขาจะยอมได้ยังไง? ในมือของเขานั้นถือหุ้นของบริษัทตระกูลลู่ไว้ร้อยละห้าเปอร์เซนต์ ไม่ถือว่าน้อยแล้ว กับบริษัทตระกูลลู่อันยักใหญ่นี้ รายได้แต่ละปีที่บริษัทได้รับ แค่เงินส่วนแบ่งก็ไม่น้อยเลยทีเดียว
แต่ตอนนี้ ไม่เหลืออะไรแล้ว
เขาทำได้แค่กัดฟันเซนต์ชื่อตัวเองลงเอกสารโอนย้ายหุ้นตรงหน้า แล้วเดินออกไปด้วยความหมดอาลัย
ออกไปหนึ่งคนแล้ว แต่การประชุมไม่ได้จบ ยังคงดำเนินการต่อ
สายตาของลู่จิ้นยวนจ้องไปที่จางเจี้ยนโจว คณะกรรมการจาง มีตัวอย่างของหลิวเชวียนหมิงก่อนหน้า ในใจของจางเจี้ยนโจวนั้นหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
“คณะกรรมการจางครับ เรื่องที่แผนกออกแบบ เหมือนว่าคุณก็มีส่วนเกี่ยวข้องนะครับ”
คำเดียว ทำให้เขาลุกยืนขึ้นอัตโนมัติ พูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆว่า“ท่านประธานลู่ครับ ผม ผมไม่ได้ตั้งใจ เรื่องนั้นหลิวเชวียนหมิงเป็นคนทำเองทั้งหมด ผมจริงใจต่อบริษัทนะครับ”
คนที่อายุเกินครึ่งของร้อยนั้น ตอนนี้ตกใจจนหน้าซีดไปหมด ดูไม่ได้เสียเลย
ลู่จิ้นยวนเป็นคนที่ได้ยินคำร้องขอแล้วจะใจอ่อนหรอ?
เขามองด้วยสายตาเย็นยะเยือก ไม่ได้พูดอะไรออกมา ให้อันเฉินอ่านต่อไป
ครั้งนี้ที่อ่านนั้น ยังคงเป็นการรับสินบน เป็นหลักฐานที่ใช้อำนาจเงินและตำแหน่งตัวเองในทางที่ผิด ทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกับคณะกรรมการจางทั้งสิ้น
ผลของคณะกรรมการจางก็เหมือนกัน เซนต์เอกสารโอนย้ายหุ้น ออกจากบริษัทตระกูล
ในระยะเวลาอันสั้น ทุกคนต่างมองดูผู้ถือหุ้นสองคนนั้นถูกบีบบังคับไล่ออกจากบริษัท ในใจนั้นว้าวุ่นเป็นอย่างมาก
แต่ไม่มีใครกล้าที่จะพูดอะไรออกมา
ชัดเลยว่าลู่จิ้นยวนต้องการที่จะจัดการคน ไฟวันนี้ถ้าไม่ลามมาถึงตัวเองก็บุญมากแล้ว ไม่มีเวลาไปห่วงคนอื่นว่าจะเป็นยังไงหรอก
คนสุดท้าย คณะกรรมการหวัง หวังจง
หวังจงก็ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องเวินหนิงในครั้งนี้ มีแบบอย่างสองคนแล้ว เขาไม่ต้องให้อันเฉินอ่านเรื่องที่เขาเคยทำต่อหน้าทุกคน เขายืนขึ้นแล้วมองไปที่ลู่จิ้นยวน
“ท่านประธานลู่ ในเมื่อท่านสืบมาถึงผมแล้ว ก็คงรู้ว่าเรื่องแผนกออกแบบนั้น พวกเราทำตามคำสั่งของใคร”
ลู่จิ้นยวนมองไปที่เขา“แล้วยังไง? ไม่ว่าจะเป็นพวกคุณหรือคนในบริษัทตระกูลลู่คนอื่นๆ ผมเป็นประธานบริษัท ทุกอย่างที่พวกคุณทำ ไม่ควรที่จะข้ามผมไป แค่นั้นก็พอแล้ว”
กลัวว่าท่านประธานคนนี้ของพวกเขาเนี่ย ไม่ได้คิดจะให้ครึ่งชีวิตหลังจากนี้ของทั้งสามคนนั้นเป็นสุขตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะเซนต์หรือไม่นั้น ก็ไม่รอดพ้นจากการติดคุกแน่นอน
คณะกรรมการผู่บริหารชั้นสูงทุกคนต่างหวาดกลัวไปหมด
ในสายตาของพนักงานแล้วคณะกรรมการสามคนนั้น คือชั้นบนของห่วงโซ่อาหาร สูงส่งจนเอื้อมไม่ถึง สุดท้าย แค่ชั่ววินาทีก็ถูกดึงตกลงถึงเหวลึก ดึงลงจากห่วงโซ่อาหารบนสูงส่งนั้น
ก็เพราะไปทำถูกเวินหนิง เลยโดนท่านประธานจัดการหมดทีเดียว จุดจบน่าเวทนามาก ครั้งนี้ทำให้ทุกคนเปลี่ยนความคิดใหม่เลยทีเดียว
เวินหนิง ชื่อนี้ถูกฝังลึกในใจของคณะกรรมการผู้บริหารทุกคน
โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเหม่ยซาน ตั้งแต่ที่เวินหนิงถูกพาตัวไป เธอนั้นมีความสุขเป็นอย่างมาก ขนาดเดินเหมือนจะเหาะขึ้นเลยสะอย่างงั้น แต่ได้ใจได้แค่สองวัน สถานการณ์ก็ถูกพลิกพลันอย่างไม่ทันตั้งตัว
การเกิดเรื่องการเปลี่ยนแปลงของคณะกรรมการผู้บริหารในครั้งนี้ คนทั้งแผนกออกแบบบีนั้นมองเธอด้วยสีหน้าแปลกๆ เจอเธอก็จะอ้อมไปทางอื่น เหมือนเธอเป็นโรคอะไรสะอย่างนั้น
แต่ในสายตาของคนอื่นในแผนกบีนั้น เธอก็เป็นเหมือนโรคอย่างหนึ่งอยู่แล้วไม่ใช่หรอ?
ท่านประธานที่ว่าจัดการกับคณะกรรมการผู้บริหารก็ลงมือเลยอย่างงั้น จากที่พวกเธอดูแล้ว เหม่ยซานห่างจากความตายไม่ไกลแล้ว ตอนนี้ใครกล้าที่จะเข้าใกล้เธอ เกิดโดนลูกหลงขึ้นมาก็ตายนะสิ
กับสถานการณ์แบบนี้ ไม่มีเวลาที่เหม่ยซานจะมานั่งโกรธหรอก เธอก็กลัว วันไหนที่มีจดหมายแจ้งการเปลี่ยนแปลงลงมา เธอก็จะถูกไล่ออกเหมือนกัน
สิ่งที่เกิดขึ้นกับบริษัทตระกูลลู่นั้น คนที่เป็นสาเหตุของเรื่องอย่างเวินหนิงนั้น ไม่รู้อะไรเลย
หูของเธอนั้นหายดีแล้ว แต่ตายังคงใช้ผ้าพันไว้อยู่ ยังคงต้องทายาต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก