ถึงแม้จะรู้สึกโมโหในใจ แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร เพราะยังไงก็เป็นงานที่ผู้บริหารได้มอบหมายให้แต่ละแผนกแล้ว
แผนกAเอาไปแบบนี้ย่อมไม่มีเหตุผลอยู่แล้ว แต่ก่อนก็ไม่เคยมีเหตุผล ตอนนี้จะให้บอกเหตุผลหูยวี่ก็ไม่รู้จะบอกว่าไง
เวินหนิงเองก็รู้อยู่แล้ว ก่อนจะมองไปยันเธอแล้วยิ้มเล็กน้อย
"บางทีฉันอาจจะคิดมากไป แผนกAอาจจะแค่รู้สึกสนใจโปรเจคนี้เลยขอเอาไปดูหน่อยก็เป็นได้"
"ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็ไม่เป็นไรค่ะ ขอแค่เมื่อแผนกAดูเสร็จแล้วก็รีบคืนให้แผนกBหน่อย เพราะแผนกเรายังต้องใช้เวลาในการทำอีกมาก"
หูยวี่จ้องมองเธอด้วยสีโกรธจัดกัดฟันไว้แน่น ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอหรี่ตามองไปยันสองคนที่อยู่ด้านหลัง
หนึ่งในสองคนรีบเข้ามากระซิบอะไรบางอย่างข้างหูเธอ สายตาเธอมองไปรอบๆก่อนจะไปหยุดที่ดีไซเนอร์ของแผนกBคนหนึ่ง
หูยวี่เอามือกอดอกจ้องมองไปยันดีไซเนอร์คนหนึ่งที่สวมใส่ชุดฟอร์มกระโปรงสีม่วง
"เธอคือดีไซเนอร์ที่ชื่อหลิวยวนของแผนกBสินะ ได้ข่าวว่างานที่คนของแผนกAเรามาเอาเมื่อเช้าเป็นงานที่เธอรับผิดชอบอยู่ แล้วนี่ไม่เห็นเหรอว่าผู้อำนวยการแผนกBของเธอกำลังสงสัยอยู่? เธอควรจะอธิบายอะไรหน่อยมั้ย?"
"เธอควรจะบอกผู้อำนวยการเวินหน่อยนะว่าเป็นเพราะเธอไม่สามารถทำงานนี้ให้เสร็จได้ จึงได้ส่งมอบให้แผนกAเรารับไปทำแทน"
"ซึ่งแผนกAเราก็ชอบช่วยเหลือคนอื่นอยู่แล้ว ว่าแต่ดีไซเนอร์หลิวเรื่องมันเป็นแบบนั้นจริงมั้ย?"
น้ำเสียงบางเบาของหูยวี่พูดขึ้น ทำให้คนในแผนกBทุกคนต่างมองหน้ากันด้วยสายตาแปลกใจ แต่กลับไม่มีเสียงทักท้วงใดๆ
เวินหนิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเข้าหากัน เธอเองก็มองไปทางหลิวยวนด้วย สังเกตได้ว่าหลิวยวนมีอาการกลัวหูยวี่อยู่ไม่น้อย เธอก้มหน้าต่ำเหมือนทำอะไรไม่ถูก
เวินหนิงเม้มปากเล็กน้อยก่อนพูด: "หลิวยวน เธอเป็นคนของแผนกB มีอะไรก็พูดออกมาตรงๆได้เลย ไม่ต้องกลัว"
หูยวี่เองก็ยกมุมปากขึ้นเหมือนจะเยาะเย้ย:"ใช่แล้วดีไซเนอร์หลิว ดูเธอเหมือนมีเรื่องอะไรในใจแต่ไม่กล้าพูด มีอะไรก็พูดมาเถอะ ต่อไปคนของแผนกAเราจะคอยดูแลเธอเป็นอย่างดี"
ประโยคสุดท้ายเหมือนแฝงไปด้วยการข่มขู่ เป็นใครก็พอฟังออก หูยวี่เองก็ไม่กะจะปิดบัง
ที่นี่เป็นแผนกB เป็นแผนกที่เธอดูแลอยู่ คนในแผนกAเข้ามาระรานแบบนี้ เวินหนิงเองก็รู้สึกไม่พอใจอยู่มาก
"ฉัน ฉันไม่มีอะไรจะพูดค่ะ ส่วนเรื่องงานนั้น......เป็นอย่างที่ผู้อำนวยการหูพูดจริงๆค่ะ" หลิวยวนก้มหน้าตอบเสียงเบา
เป็นอย่างที่เวินหนิงคิดไว้ไม่มีผิด แค่รู้สึกผิดหวัง ที่ตลกกว่านั้นคือ ขณะที่หลิวยวนพูดอย่างที่หูยวี่ต้องการ แต่สายตากลับมองมาที่เธออย่างขอความช่วยเหลือ
เธอต้องการให้ช่วยอะไร? ให้ช่วยเธอเหรอ?
ตัวหลิวยวนเองยังไม่กล้าแม้แต่จะปกป้องศักดิ์ศรีและผลประโยชน์ของตัวเองเลย แล้วจะให้เธอช่วยอะไร? เวินหนิงหันไปมองหูยวี่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
"ที่แท้ก็เป็นแบบนี้เอง ต้องขอบคุณแผนกAจริงๆที่ช่วยเหลือดีไซเนอร์ของแผนกBเรา"
"ส่วนโปรเจคงานออกแบบชุดฟอร์มโรงเรียนในมือ ก็ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะ เพราะฉันยังไม่มีปัญหาอะไรที่ต้องให้แผนกAช่วย ดังนั้นจึงไม่ขอรบกวนคุณนะคะ"
"แต่ถ้าหลังจากนี้ฉันยังได้ยินว่ามีงานของใครถูกแย่งไปอีก งั้นก็ขอโทษด้วยนะคะ คนที่งานตัวเองยังรักษาไว้ไม่ได้ แผนกBเราไม่ต้องการคนแบบนี้"
"สำหรับคนแบบนี้ ฉันจะเชิญไปอยู่แผนกCหรือแผนกD เพราะสองแผนกนั้นไม่มีใครไปแย่งงานคุณแน่นอน"
เธอพูดเสร็จก็หันหลังเดินเข้าห้องทำงานไป คนทั้งแผนกBนิ่งอึ้งกันไปหมด ส่วนหลิวยวนก็ยังคงมีสีหน้าไม่พอใจนัก
เวินหนิงรู้ว่าไม่ใช่ว่าคำพูดเพียงไม่กี่ประโยคก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมแต่เดิมของแผนกออกแบบได้ แต่เธอก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องง่ายขนาดนี้
หูยวี่แย่งงานจากเวินหนิงไปไม่ได้ และยังข่มเวินหนิงไม่ได้ แถมตัวเธอเองยังต้องโมโหจนเลือดขึ้นหน้าอีก
แต่สำหรับเรื่องหลิวยวนแล้วถือว่าเธอยังเหนือกว่า
ดังนั้นเธอจึงเอาเรื่องนี้ไปขยี้ต่อ โดยการนำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานใส่สีตีไข่เพิ่ม แล้วปล่อยข่าวในแผนกA ยุยงให้ดีไซเนอร์ในแผนกAไปแย่งงานของแผนกBเพิ่ม
เธอมองว่าไม่ว่าตัวเวินหนิงจะแข็งแค่ไหน? ขอแค่ดีไซน์เนอร์ในแผนกของเวินหนิงยังอ่อนอยู่ก็เพียงพอละ
ดังนั้นสองวันถัดมา เวินหนิงก็ได้ข่าวว่าคนในแผนกของตัวเองโดนแย่งงานอีกแล้ว
เรื่องนี้ไม่ได้ทำเธอแปลกใจอะไรมากนัก แต่ที่เธอคิดไม่ถึงคือ คนที่โดนแย่งงานกลับเป็นหลิวยวนอีกแล้ว
ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่าการแสดงออกของหลิวยวนในวันนั้น ทำให้หูยวี่ได้ใจ ถึงได้กล้าลงที่เธออีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก