เวินหนิงอยากจะถือมีดไปแล้วไปฆ่าผู้หญิงที่จิตใจอำมหิตคนนั้น ทำไมเธอถึงได้เลวขนาดนี้ แต่สิ่งที่ทำให้เธอโมโหมากกว่าก็คือ ถึงเธอจะเลวแต่ตัวเองก็ไม่มีปัญญาที่จะไปต่อกรได้
รู้ว่าข้างหน้าเป็นกองไฟ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ก็ต้องโดดเข้าไปในกองไฟ
ความดีใจเมื่อกี้ก็หายไปในชั่วพริบตา แล้วมีแต่ความเสียดสีเพิ่มขึ้น เวินหนิงไม่มีอารมณ์จะทำอะไรเลยพร้อมเปิดรูปมาดูอีกครั้ง
"คุณแม่ คุณแม่เป็นยังไงบ้าง?" มองไปที่ผู้หญิงในรูปภาพ ดวงตาทั้งสองข้างของเวินหนิงก็แดงก่ำ
ใครจะคิดว่าคนบนนั้นจะเคยเป็นผู้หญิงที่เก่งและมีชื่อเสียงในเมืองเจียงเฉิง?
ท่านก็เคยมีชีวิตที่สวยงามและมีชื่อเสียง แต่ตอนนี้กลับต้องพึ่งพิงสายยางต่างๆนี้เพื่อต่อลมหายใจ
เวินหนิงกำโทรศัพท์ไว้แน่นแล้วมีความคิดที่เด็ดขาด เธอต้อง รีบหาตำแหน่งที่อยู่ของคุณแม่ เธอจะให้คุณแม่อยู่ในกำมือของคนพวกนั้นไม่ได้
เมื่อกำลังคิดอยู่ เวินหนิงก็สังเกตุเห็นรายละเอียดในรูปถ่าย ชั้นวางของในโรงพยาบาลเหมือนจะมีเขียนชื่อไว้ แต่ก็มัวมากมองไม่ชัดเลย
เวินหนิงรีบส่งรูปถ่ายนี้ไปให้ไป๋อี้อันที่อยู่ต่างประเทศ แล้วให้เขาช่วยรีทัชรูป ดูว่าจะหาเบาะแสอะไรเจอหรือเปล่า
ตอนที่กำลังส่งรูปถ่าย ก็มีเสียงเปิดประตูดังขึ้น เวินหนิงก็เก็บโทรศัพท์แล้วเงยหน้า ลู่จิ้นยวนกลับมาแล้ว
ผู้ชายคนนั้นเห็นว่าเธอกำลังซ่อนอะไรบางอย่าง แล้วสายตาก็ดูกังวลจึงขมวดคิ้วแล้วเอ่ย "เธอกำลังทำอะไร?"
เวินหนิงส่ายหน้าแล้วแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น "เปล่า"
เรื่องของคุณแม่ เธอไม่จำเป็นต้องให้ลู่จิ้นยวนรู้ วันนี้เธอเพิ่งขอให้เขาช่วย เธอไม่อยากให้คนอื่นคิดว่าเธอได้คืบจะเอาศอกแล้วเอาแต่ขอความช่วยเหลือ
ลู่จิ้นยวนมองสำรวจใบหน้าเวินหนิง ดวงตาทั้งสองข้างของเธอแดง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะร้องไห้หรือว่าเพราะอะไร แต่ยังไงคงมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ปิดบังเขาอยู่
ความรู้สึกที่โดนกีดกันเหมือนเป็นคนนอก ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดมาก
"เรื่องแบบนี้ ไม่ต้องให้ผมพูดเป็นครั้งที่สอง" สายตาลู่จิ้นยวนมองไปที่เธอแล้วน้ำเสียงก็เข้มงวดมาก
เวินหนิงแอบหลบสายตา จากนั้นก็แสร้งทำเป็นไม่มีอะไร "ไม่มีอะไรจริงๆ ฉันแค่คุยกับเพื่อน แม้แต่เรื่องนี้นายก็จะยุ่งหรอ?"
ลู่จิ้นยวนฟังเธอพูดจนจบ เขารู้ดีว่าเวินหนิงกำลังโกหก แต่ว่าถ้าเอาแต่บีบบังคับก็ไม่ใช่สไตล์ของเขา
แล้วอีกอย่าง……เธอเป็นอะไรของเขา? ทำไมเขาต้องเป็นห่วงคนที่ตัวเองเกลียดว่าตาแดงหรือเปล่า?
เมื่อนึกถึงจุดนี้ ผู้ชายคนนั้นก็เอ่ยอย่างเยือกเย็นงั้ "นก็ไม่ต้องทำท่าทางร้อนตัวต่อหน้าผม มันขัดตา"
เมื่อเวินหนิงได้ยิน สายตาก็ค่อยๆมองต่ำลงไป "รู้แล้ว ฉันออกไปช่วยเตรียมอาหารค่ำก่อน"
……
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ก็มาถึงวันหยุดสุดสัปดาห์แล้ว
เวินหนิงตื่นตั้งแต่เช้า พับผ้าห่มจะเตรียมตัวกลับบ้าน
ถึงเธอจะทำอย่างเบามือ แต่ก็ทำให้ลู่จิ้นยวนตื่น
มองเห็นแผ่นหลังเธอที่เดินออกไปอย่างระมัดระวัง ผู้ชายคนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ผู้หญิงคนนี้กำลังจะทำอะไร?
กี่วันนี้ มองออกได้ชัดเจนเลยว่าใจของเวินหนิงไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ถึงแม้ลู่จิ้นยวนจะสงสัย ก็ไม่มีทางเอ่ยปากถามก่อน แล้ววันนี้ก็แอบออกไปอีก……
ลู่จิ้นยวนตรึงสีหน้า เหมือนคิดอะไรออก จากนั้นก็ลุกขึ้นจากบนเตียง
เวินหนิงไม่ได้ให้คนขับรถในบ้านไปส่งเธอ แต่กลับนั่งรถเมย์กลับไปที่บ้านเวินคนเดียว
"ถ้าภายในครึ่งชั่วโมงเธอไม่กลับมาที่บ้านลู่ งั้นเธอก็ไม่ต้องกลับมาอีก"
ลู่จิ้นยวนเอ่ยอย่างเยือกเย็นพร้อมตัดสายทิ้ง
เวินหนิงได้ยินน้ำเสียงที่เยือกเย็นนั้นก็ยิ้มอย่างขมขื่น แล้วเวลานี้ก็ได้รับโทรศัพท์จากตระกูลเวิน ว่าเร่งให้เธอรีบไป
วินาทีนี้ เวินหนิงรู้สึกเหนื่อยมาก ไม่ว่าจะไปหรือจะกลับ ก็ไม่ใช่ทางที่ดี
แต่เพื่อคุณแม่ วันนี้เธอต้องไปที่บ้านเวิน โดยที่ไม่สนว่าจะทำให้ลู่จิ้นยวนโมโห
……
เมื่อเวินหนิงไปถึงบ้านเวิน ก็เลยเวลาที่ลู่จิ้นยวนให้เธอแล้ว
เธอเงยหน้าขึ้นแล้วมองสำรวจที่ที่เธอเติบโตมา แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆพร้อมกดกริ่งหน้าบ้าน
ประตูก็ถูกเปิดอย่างรวดเร็ว ตอนที่เธอกำลังจะเดินเข้าไป แต่ก็ถูกสาดน้ำมาบนตัวกะทันหัน น้ำนั่นไม่ได้เย็นมาก แต่กลับมีกลิ่นที่เหม็นเน่า น้ำสาดมาที่เธอจนทำให้เวินหนิงอึ้งไป
"ขอโทษนะ ฉันไม่เห็นว่ามีคน" จางหย่าหลินเสแสร้งแกล้งปิดปากแล้วมาเอ่ยเสียงเบาข้างหู "แต่ว่าสภาพนี้แหละที่เหมาะกับแก เหมือนลูกหมาตกน้ำ เหมือนตอนที่แกเข้าไปในคุกที่ทำให้คนอื่นรู้สึกสะอิดสะเอียน"
พูดจบ เธอก็เดินจากไปพร้อมรอยยิ้มที่สะใจ
เวินหนิงกำมือไว้แน่นแล้วพยายามบอกให้ตัวเองสงบสติ เธอมาที่นี่ไม่ใช่จะมาก่อเรื่อง แต่ต้องมาสืบหาที่อยู่ของคุณแม่
พยายามหักห้ามความโมโหในใจไว้ เวินหนิงก็หยิบทิชชู่เช็คหยดน้ำบนศีรษะแล้วก็บนใบหน้า จากนั้นก็เดินเข้าไป
เวินฉีโม่รออยู่ข้างในนั้นแล้ว เมื่อเห็นน้ำบนตัวเธอยังหยดไม่หยุด ก็แสดงสีหน้าที่น่ารังเกียจ "เวินหนิง แกทำตัวดีหน่อยไม่ได้หรอ พื้นที่บ้านโดนแกทำให้สกปรกหมด"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก