“ลูกช่วยพ่อหน่อย แล้วพ่อจะปล่อยลูกไป”
ลู่จิ้นยวนหรี่ตา ลู่อันหรานมองเขา รู้สึกตัวเองอยู่ต่อหน้าสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ เป็นแกะน้อยที่น่าสงสารที่ทำอะไรไม่ถูก
“เดี๋ยวลูก……”
ลู่จิ้นยวนเข้าใกล้หูลู่อันหราน แล้วพูดเบาๆ ไม่กี่ประโยค
ลู่อันหรานฟังจบก็เหลือบมองเขา “พ่อ พ่อหลอกใช้ผมแบบนี้ มันดีจริงๆ เหรอ? ”
“ลูกเป็นลูกชายพ่อ ก็ควรช่วยพ่อ”
ลู่จิ้นยวนพูดอย่างเป็นธรรมชาติ ลู่อันหรานไม่มีอำนาจที่จะบ่น
ผ่านไปสักพักหนึ่ง ลู่อันหรานหยิบนมแก้วหนึ่งกลับมาที่ห้อง
“แม่ นี่นมอุ่นฮะ แม่ดื่มสักแก้ว ตอนกลางคืนจะยิ่งนอนสบาย และรักษาความงามและเยาว์วัยด้วย”
ลู่อันหรานอ้าปากเล็ก พูดหวานเป็นพิเศษ เวินหนิงก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจ
อุ้มลู่อันหรานไว้ในอ้อมแขน หอมฟอดใหญ่ “ขอบคุณนะอันหราน”
ลู่อันหรานถูกทำแบบนี้กะทันหัน ก็รู้สึกอายไปหน่อย หน้าแดงเล็กน้อย “ผม……อยากขออะไรเล็กๆ น้อยๆ ”
เวินหนิงกำลังดื่มนมที่ลู่อันหรานให้เธอ มันหวาน และอุ่นท้องมาก ได้ยินเขาพูดแบบนี้แล้วก็ไม่มีความลังเลใดๆ “ว่ามาสิ อะไรที่ตอบตกลงได้ แม่ตอบตกลงแน่นอน”
ลู่อันหรานยิ้มกว้างเอ่ยปาก “วันนี้ผมอยากนอนด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูก”
เวินหนิงได้ยินถึงตรงนี้ นมก็แทบพ่นออกมาจากปาก
นอนด้วยกัน?
ถึงแม้ไม่ใช่ไม่เคยนอนกับลู่จิ้นยวนมาก่อน แต่ช่วงนี้เธอก็จงใจเว้นระยะห่างระหว่างทั้งคู่ คำขอของลู่อันหรานมาไม่ถูกเวลาจริงๆ
“อันหราน แม่นอนกับหนูไม่ดีเหรอ? ”
เวินหนิงใช้เหตุผลเพื่อให้คนอื่นเข้าใจ
ลู่อันหรานอยากบอกว่าดี ได้นอนกับเวินหนิงคนเดียวมันดีมากแน่นอน แต่ถูกพ่อขู่มา ถ้าไม่ทำตามคำสั่งของเขา เกรงว่าต้องทำการบ้านทั้งคืน
“แม่ เด็กคนอื่นๆ เขานอนด้วยกันกับพ่อแม่……”
ลู่อันหรานก้มหน้า ทำหน้าน้อยใจ
ขณะที่พูด เขาเองก็อินกับการแสดง
ถึงแม้จะมีสภาพชีวิตที่ดีที่สุดอยู่เสมอ ทุกคนในตระกูลลู่เอาอกเอาใจเขา แต่ก็ยังขาดบทบาทที่สำคัญอย่างคุณแม่อยู่ตลอด บอกว่าไม่ใส่ใจก็เป็นไปไม่ได้
ครู่หนึ่ง เขาก็แปลกใจมากจริงๆ เด็กน้อยพวกนั้นที่นอนกับพ่อแม่ ปกติจะรู้สึกอย่างไรกันนะ
ปกติสิ่งที่เวินหนิงไม่อยากเห็นมากที่สุดคือลู่อันหรานเสียใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสียใจเพราะเรื่องเกี่ยวกับตน เห็นเขาก้มหน้า เสียงที่พูดก็เบา หัวใจเธอกำลังแตกสลาย
“อันหราน แม่……ตกลง”
เวินหนิงคิดสักพัก ก็แค่นอนด้วยกันเอง ลู่อันหรานนอนตรงกลาง พวกเขานอนสองข้าง ถึงอยากจะทำอะไรก็ทำไม่ได้ ไม่จำเป็นต้องทำให้ลูกเสียใจรู้สึกแย่
“จริงเหรอ? ”
ลู่อันหรานเห็นเธอตกลง ก็ยิ้มสดใสเป็นพิเศษ โอบคอเวินหนิง หอมแรงๆ บนใบหน้าเธอ จากนั้นก็วิ่งออกไปเรียกลู่จิ้นยวนอีกครั้ง
“แม่ตกลงแล้ว พ่อต้องคำไหนคำนั้นนะฮะ!”
“พ่อเคยผิดคำพูดที่ไหน? ”
ลู่จิ้นยวนเห็นลู่อันหรานทำภารกิจที่เขามองสำเร็จสมบูรณ์แบบ รอยยิ้มบนใบหน้าก็หุบไม่ลง
“คุณไปนอนอีกด้านสิ……ตรงนี้มันไม่เบียดเหรอ? ”
เวินหนิงดิ้นสองที แต่ลู่จิ้นยวนกอดเธอจากด้านหลังอย่างสมบูรณ์ ร่างทั้งสองแนบชิดกัน ขยับไม่กี่ที เธอก็รู้สึกถึงความไม่เข้ากัน จึงรีบหยุด
ลู่จิ้นยวนหมดหนทางเช่นกัน ตอนแรกเขาไม่อยากทำอะไร แต่เวินหนิงถูไปถูมาแบบนี้ เขาก็กระปรี้กระเปร่าเล็กน้อย
“คุณ รีบไปเลย!”
เวินหนิงไม่กล้าขยับตามอำเภอใจ แค่หน้าแดงหนักมาก ให้ลู่จิ้นยวนไปอีกด้านหนึ่ง ถ้าเขากอดเธอต่อไปแบบนี้ มันทำให้เธอรู้สึกอันตรายมาก
“ถ้าฉันบอกว่าไม่ล่ะ? ”
ลู่จิ้นยวนมองท่าทางเขินอายหงุดหงิดของเวินหนิง แค่เหมือนแมวขนพอง มันน่ารักสุดๆ มีความคิดอยากจะแกล้งเธอทันที
เวินหนิงไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เผชิญหน้ากับชายคนหนึ่งที่มีแรงเยอะกว่าเธอ ร่างกายใหญ่กว่าเธอ แถมยังเป็นนักเลงอีก เธอทำอะไรได้บ้าง?
“ยังไงคุณก็ทำอะไรเกินเหตุต่อหน้าอันหรานไม่ได้อยู่แล้ว”
ลู่จิ้นยวนเห็นเธอหงุดหงิดมากแล้ว ก็ไม่แกล้งเธออีก ถ้าทำอะไรจริงๆ ด้วยนิสัยของเวินหนิง จะต้องโกรธมากแน่ๆ
“งั้นฉันขอจูบเธอหนึ่งที ฉันจะไปนอนอีกด้าน”
ลู่จิ้นยวนขออีกขั้นหนึ่งกับเวินหนิงได้ทันเวลา
“……”
เวินหนิงมองใบหน้าหล่อที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม น้อยครั้งมากที่เธอเห็นลู่จิ้นยวนเป็นแบบนี้ ไม่ค่อยเหมือนกับคนที่เธอรู้จักเมื่อก่อนที่มักจะสูงส่ง
คิดสักพัก เงื่อนไขแลกเปลี่ยนนี้ไม่ใช่ว่ายอมรับไม่ได้ มันก็ดีกว่าสถานการณ์อันตรายในปัจจุบันมาก
“คุณหลับตาสิ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก