พอเย่ซือเยวี่ยได้ยิน ก็เดินออกมาอย่างขี้เกียจ
"ใครเนี่ย เช้าขนาดนี้มีเรื่องอะไร?"
แม่ของเย่ซือเยวี่ยหมดคำพูดกับลูกสาวที่เดินออกมาทั้งๆที่ใส่ชุดนอน ผมก็ยุ่งเหยิง
เด็กคนนี้ ทำไมคิดไม่ได้?
ไม่รู้จักแต่งตัวดีๆเลย ดูเชยมาก
"ฉันมาหาเธอเอง"
อันเฉินไม่ได้สนใจภาพลักษณ์ของเย่ซือเยวี่ย เพราะในความทรงจำเขา ผู้หญิงคนนี้ไม่มีภาพลักษณ์อยู่แล้ว……
"นายเองเหรอ? นายมาหาฉันทำไม?"
พอเห็นอันเฉิน เย่ซือเยวี่ยก็เบิกตากว้าง
"ฉันจะหาหมอที่พวกเธอเจอเมื่อวาน เลยมาขอให้เธอช่วย"
อันเฉินเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง
เย่ซือเยวี่ยเลิกคิ้ว คนคนนี้มาหาต้องมีเรื่องให้ช่วยแน่นอน
ไม่งั้น เขาคงไปอยู่กับผู้หญิงต่างชาติคนนั้นแล้วแหละ
เย่ซือเยวี่ยไม่รู้ตัวว่าความคิดตัวเองแปลกแค่ไหน "วันนี้ฉันต้องทำงาน ไม่ว่าง"
"ทำงานอะไรล่ะ! ไปลา!"
แม่เย่ซือเยวี่ยเห็นเธอไม่มีน้ำใจขนาดนี้เลยโมโห แล้วตบไหล่เธอ "เรื่องนี้ทำตามที่แม่พูด!"
"พ่อหนุ่ม ซือเยวี่ยยังเด็ก ไม่ค่อยรู้เรื่อง เราอย่าถือสาเลย"
แม่ของเย่วือเยวี่ยเข้าใจแล้ว ผู้ชายคนนี้มาหาลูกสาวเพราะมีธุระต้องทำ แต่ท่านก็ไม่ท้อ
เรื่องความรู้สึกต้องใช้เวลา เธอช่วยฉัน ฉันช่วยเธอ ช่วยไปช่วยมาเดี๋ยวก็มีความรู้สึกเอง
ทีแรกเย่ซือเยวี่ยยังอยากจะพูด แต่อันเฉินแย่งพูดก่อน "เรื่องนี้ สำคัญกับอาการป่วยของคุณแม่คุณเวินหนิงมาก ขอให้เธอให้ความร่วมมือด้วย"
พอพูดแบบนี้ เย่ซือเยวี่ยเลยปฏิเสธไม่ได้
เพราะยังไง ตอนนี้เวินหนิงกำลังเครียดกับเรื่องแม่ เธอเป็นเพื่อนจะไม่ช่วยได้ยังไง?
"งั้นได้ นายรอฉันแต่งตัวก่อน"
เย่ซือเยวี่ยตอบตกลง กลับถึงห้องก็รีบเปลี่ยนชุด กำลังจะออกไป แม่เธอก็ลากไปพูดกระซิบ
"จะออกไปกับคนอื่น ทำไมลูกไม่แต่งตัวดีๆ ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์อะไรกัน แต่งตัวให้เหมือนผู้หญิงหน่อย แต่งหน้าบ้าง ให้ภาพลักษณ์ดีๆกับคนอื่นด้วย"
"จะให้ทำไมคะ? เขามีแฟนแล้ว"
เย่ซือเยวี่ยรู้ ที่แม่กระตือรือร้นกับอันเฉินขนาดนั้น คงอยากจะรีบแต่งเธอออกไป
"ห๋า?"
พอท่านได้ยินก็ส่ายหน้าอย่างเสียดาย
"เสียดาย หนุ่มนี่ดูดีมาก"
เย่ซือเยวี่ยขี้เกียจอธิบาย หยิบกระเป๋าแล้วเดินออกไป "พอแล้วแม่ พวกหนูไปก่อนนะคะ"
อันเฉินพยักหน้า ทั้งสองก็ขึ้นรถไปด้วยกัน
ระหว่างทางเย่ซือเยวี่ยไม่พูดสักคำ ขึ้นรถก็จงใจหันหน้าหนี ไม่มองอันเฉินเลย
"……" ถึงความรู้สึกอันเฉินจะช้า ก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ต้องมีเรื่องอะไรแน่นอน
แต่เขาก็จำไม่ได้ว่าตัวเองไปทำให้เธอโกรธ……หรือว่าอันนั้นเธอมา?
อันเฉินไม่อยากถาม ขับรถตรงไปที่โรงพยาบาลเลย
พอถึงที่ อันเฉินก็ไปหาผู้อำนวยการโรงพยาบาล
นี่เป็นความหวังสุดท้าย ทั้งสองก็เลยเดินไปหา
แต่ผลก็ตามคาด ศาสตราจารย์โจวเก็บของย้ายออกไปแล้ว
เขาพักในห้องพักเดี่ยว พอเข้าไปก็เห็นแค่หนังสือแพทย์ต่างๆ ไม่มีอย่างอื่นเลย
"คนคนนี้ ต้องมีปัญหาแน่นอน"
เย่ซือเยวี่ยไม่สบอารมณ์ "ถ้ารู้อย่างนี้ควรจับเขาไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ตอนนี้ก็ไม่ต้องมาตามหาอีก"
"เมื่อวานพวกเธอก็ไม่รู้อะไรสักหน่อย อีกอย่าง ไม่มีใครคิดเลยว่าเขามาถึงตำแหน่งนี้ได้ แถมยังตัดได้เด็ดขาดขนาดนี้"
อันเฉินเห็นเย่ซือเยวี่ยโทษตัวเอง เลยเอ่ยปลอบ
เรื่องนี้ ใครก็คิดไม่ถึง เย่ซือเยวี่ยไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง
"งั้นจะทำยังไง?"
"เดี๋ยวฉันรายงานเรื่องนี้ก่อน แต่จะทำยังไง ยังต้องให้บอสตัดสินใจ"
อันเฉินรีบรายงานเรื่องนี้กับลู่จิ้นยวน
ลู่จิ้นยวนอยู่ที่บริษัทแล้ว พอรู้ข่าวนี้ เขาเลยนวดขมับ
ถ้าหมอคนนั้นหนีไปแบบนี้ งั้นก็แสดงว่าตอนนั้นอุ้มเด็กสองคนนั้นผิดจริงๆ ไม่มีทางบังเอิญแน่นอน แต่ต้องมีคนวางแผนไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว
"รีบให้คนไปสืบ เขาเพิ่งไปไม่นาน คงยังหนีไปไม่ไกลมาก ต้องรีบตามตัวกลับมา อีกอย่าง สืบประวัติเขาแล้วส่งมาให้ฉันด้วย"
ลู่จิ้นยวนสั่งการอย่างเยือกเย็น จากนั้นก็ตัดสาย
มือที่จับปากกา ก็เริ่มจับแน่นขึ้น
เรื่องนี้ยังเกี่ยวข้องกับตระกูลหยงเมืองจิงเฉิง ถึงจะเป็นลู่จิ้นยวน เขาก็ต้องรับมืออย่างระมัดระวัง
พออันเฉินได้รับคำสั่ง ก็รีบให้คนไปเช็คที่สนามบินกับสถานีรถไฟทันที ไปเช็คว่ามีประวัติการเดินทางหรือเปล่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก