บ่วงแค้นแสนรัก นิยาย บท 501

“แต่ว่า ฉันเคยบอกไปแล้วไงว่า ฉันกับเขาเป็นเพื่อนกัน เพื่อนกันโทรหากัน ก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไรสักหน่อย”

เวินหนิงเริ่มหมดความอดทนกับท่าทีที่เป็นเด็กๆ อย่างกะทันหันแบบนี้ของลู่จิ้นยวน

“คนคนนี้ ฉันไปสืบประวัติของเขามาแล้ว ยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังเป็นปริศนา คนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเขาล้วนแล้วแต่เป็นคนในโลกมืด สุดท้ายแล้วเธอไปรู้จักเขาได้อย่างไรกัน”

ลู่จิ้นยวนทนไม่ไหวจนพูดออกมา สำหรับเรื่องที่เขารู้สึกว่าเป็นอันตรายนั้น เขาจะต้องป้องกันเอาไว้ก่อน

เพราะฉะนั้นเลยให้คนไปสืบข้อมูลเกี่ยวกับตัวของเดนิส เพียงทว่า คนนี้นั้นค่อนข้างลึกลับเพราะนอกจากเจอบันทึกไม่กี่อย่างที่เขาได้ติดต่อกับองค์กรใต้ดินแล้ว ก็ไม่เจออะไรอย่างอื่นอีกเลย

เวินหนิงไม่อยากพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับเหอจื่ออัน ในเมื่อทั้งสองคนนี้มีเรื่องเบาะแว้งกันมาโดยตลอด ก็เลยพูดออกไปอย่างคลุมเครือ

“อย่างไรก็ตามฉันก็เป็นคนที่เคยถูกจองจำมาก่อน.......”

เมื่อได้ยินคำดังว่า ลู่จิ้นยวนก็หันมามองเธอ “เรื่องคดีที่ไม่เป็นธรรมในปีนั้น ก็จัดการจนจบไปเสียตั้งนานแล้ว เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ถูกจองจำอะไรนั่นเลยสักหน่อย ตัวเธอเองก็รู้ดี”

เวินหนิงก็แค่พยายามหาข้ออ้าง แต่ว่าเมื่อได้เห็นท่าทางที่จริงจังของลู่จิ้นยวน ในใจก็รู้สึกซาบซึ้งขึ้นมา

แต่เธอก็ไม่อยากแสดงท่าทีนั้นออกไป ดังนั้นจึงรีบเบือนหน้าหนี “ฉันเข้าใจแล้ว ก็แค่พูดออกไปเฉยๆ เท่านั้นเอง”

“………”

ลู่จิ้นยวนส่ายหน้า จะว่าอย่างไรดีล่ะ

จะบอกว่าผู้หญิงคนนี้นั้นใจใหญ่ดี หรือจะบอกว่าเธอยอมรับเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดแล้ว

“ไม่ว่ายังไง เรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือตามหาคนคนนี้ให้เจอ หลังจากนั้นค่อยดูว่าเรื่องเป็นอย่างไรกันแน่”

เวินหนิงไม่กล้าต่อล้อต่อเถียงถึงหัวข้อนี้กับลู่จิ้นยวนอีกแล้ว จึงหยิบภาพเหมือนใบนั้นออกมา เพื่อเตือนให้เขารู้ถึงเรื่องที่ควรจะทำที่สุดในตอนนี้

“ฉันเรียกให้คนออกไปหาแล้ว น่าจะอีกไม่นานก็รู้เรื่องแล้วแหละ”

เวินหนิงพยักหน้า ทั้งสองคนจึงเริ่มรอคอย

ทุกวินาทีและนาทีที่ล่วงผ่านไป ทำให้พวกเขารู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปนานนับปี

เคราะห์ดีที่เมื่อเวลาผ่านไปประมาณไม่กี่ชั่วโมง ลูกน้องของลู่จิ้นยวนก็สืบหาอะไรที่เป็นรูปเป็นร่างได้แล้ว

“บอสครับ ผมหาตัวเจอแล้วครับ ตอนนี้ส่งที่อยู่ของเธอไปให้แล้วครับ”

ลู่จิ้นยวนได้รับข้อความ จึงรีบไปที่ที่นั่งฝั่งคนขับทันที “ได้ข้อมูลแล้ว พวกเรารีบไปกันเถอะ”

เวินหนิงไม่กล้าชักช้ารีรอ ขึ้นรถตามไปในทันที

ลู่จิ้นยวนใช้ความเร็วสูงสุดมุ่งไปยังสถานที่แห่งนั้นในทันที

หลังจากนั้น ก็เจอคนที่อยู่ในภาพเหมือนนั้น ตอนนี้เธอเป็นเจ้าของร้านอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่ง

เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับภาพเหมือนแล้ว ผู้หญิงคนนี้ไม่มีอะไรที่ดูเปลี่ยนไปเป็นพิเศษเลย เพียงแค่ดูสูงอายุขึ้นเล็กน้อย ดูแล้วเหมือนจะผ่านอะไรมาไม่น้อยเลยทีเดียว

ลู่จิ้นยวนกับเวินหนิงก็ไม่ยืดเยื้อ เดินเข้าไปหาในทันที

“ขอโทษครับ เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน คุณเคยเป็นพยาบาลที่โรงพยาบาลนี้หรือเปล่าครับ”

เมื่อถูกถามคำถามนั้นมือของเธอก็สั่นขึ้นเล็กน้อย เมนูที่อยู่ในมือเธอเกือบร่วงหล่นลงพื้น

“ขอโทษนะคะ คุณคงจำคนผิดแล้วล่ะค่ะ”

ท่าทีของเธอที่อยู่ในสายตาของพวกเขาทั้งคู่นั้น เพียงเท่านี้ก็อธิบายทุกอย่างได้หมดแล้ว

“จ้าวเมิ่งเย่ว์ จบจากคณะพยาบาลศาสตร์ ระหว่างศึกษาผลการเรียนเป็นเลิศ หลังจบการศึกษาก็เข้าทำงานที่โรงพยาบาลในเมือง.......”

ลู่จิ้นยวนเองก็ไม่สงวนน้ำใจ อ่านข้อมูลที่สืบมาได้ออกมาให้ฟัง

ข้อมูลชุดนี้ เป็นการสืบหาข้อมูลเรื่องราวเกี่ยวกับตัวจ้าวเมิ่งเย่ว์มาชนิดที่ละเอียดมาก

เมื่อฟังมาได้ครึ่งหนึ่ง ก็ทำให้จ้าวเมิ่งเย่ว์ผงะไปด้วยความตกใจ

สามารถที่จะบอกรายละเอียดในชีวิตของเธอมาได้ละเอียดถึงเพียงนี้ แสดงว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเธอคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาเลยจริงๆ

“คุณเป็นใครกันแน่”

“ผมเป็นใคร เรื่องนี้ไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญก็คือ คุณเคยร่วมแผนการสลับตัวเด็กทารกหรือไม่ต่างหาก”

“ฉันก็ได้เล่าเรื่องให้ฟังไปหมดแล้ว ถ้าหากว่าพวกเธอยังอยากจะให้ฉันรับผิดชอบ งั้นฉันก็พร้อมที่รับมัน”

ลู่จิ้นยวนมองไปที่เวินหนิงหนึ่งที “ช่างมันเถอะ แม้ว่าเรื่องนี้คุณจะทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องลงไป แต่ว่าอย่างไรก็ตาม ก็ถือว่าเป็นเพราะถูกบังคับอย่างช่วยไม่ได้ ตอนนี้ก็ได้ให้หลักฐานชิ้นสำคัญกับพวกเรามา พวกเราไม่คิดให้คุณรับผิดชอบอะไรแล้ว”

เวินหนิงเองก็พยักหน้า ทั้งสองคนจึงจากออกไป

นั่งอยู่บนรถ เวินหนิงจึงขยับมือที่สั่นระริกนั้นเปิดเอกสารประวัติผู้ป่วยดู

ในตอนนั้นเอง เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอารมณ์เช่นไร ควรที่จะตื่นเต้น หรือว่าควรที่จะไม่สบายใจกัน

ที่ตื่นเต้นก็คือ ท้ายที่สุดแล้วก็มีเบาะแสเงื่อนงำลูกสาวของไป๋หลินยวี่ และถ้าหากว่าไขกระดูกเข้ากันได้ เธอก็จะสามารถฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

และที่ไม่สบายใจก็คือ ในที่สุดเธอก็ตามหาแม่แท้ๆ ของตัวเองเจอ แต่ว่าตอนนี้เธอเป็นอย่างไรนั้น ก็ไม่อาจทราบได้เลย

“ไม่ต้องกังวลไปหรอก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็จะอยู่ข้างๆ เธอ”

ลู่จิ้นยวนเข้าใจเธอดี ยื่นมือไปบีบมือของเธอเพราะต้องการที่จะมอบพลังให้เธอ

เวินหนิงพยักหน้า เปิดเอกสารออกดูแล้วอ่าน

“มารดาผู้ให้กำเนิด: หยงเหม่ยซิน”

เมื่อเห็นชื่อนี้ ลู่จิ้นยวนก็มั่นใจแล้วว่า เป็นตระกูลหยงที่เขาไม่อยากจะพบด้วยมากที่สุด..........

หยงเหม่ยซินก็คืออัญมณีที่อยู่ในกุมมือของเถ้าแก่แห่งตระกูลหยง

เพียงทว่า เธอได้ถึงแก่กรรมไปเมื่อหลายสิบปีก่อนแล้ว ทิ้งไว้เพียงลูกสาวคนเดียวเท่านั้น

“ฉันรู้แล้วว่าเป็นตรงกูลหยงไหน”

“ตระกูลไหนเหรอ

แล้วครอบครัวของฉัน เป็นคนยังไงกัน”

เวินหนิงอดรนทนไม่ไหวเลยแม้แต่น้อย จับมือของลู่จิ้นยวนแล้วเอ่ยถามออกไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก