บ่วงแค้นแสนรัก นิยาย บท 505

“ฉัน.......”

เวินหนิงลังเลไปชั่วครู่ เมื่อก่อนเธอนั้น เคยคิดจะตกลงรับคำไปจริงๆ

หากแต่ตอนนี้ จะเอาอย่างไรดี

เธอมีพันธะผูกพันธ์มากมาย คิดที่อยากจะหลีกหนีจากไป แต่ก็ไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น

“ในเมื่อมันเป็นเรื่องยากขนาดนี้ ฉันก็ไม่ได้บังคับให้เธอตัดสินใจตอนนี้หรอกนะ แต่ว่าฉันเองก็คาดหวังให้เธอลองพิจารณาดูสักหน่อยนะ”

เหอจื่ออันมองออกว่าเวินหนิงรู้สึกลำบากใจ จึงไม่ได้เร่งเร้าจะเอาคำตอบ

ไม่แน่ว่าบางที หากถามต่อไปอีก ก็จะได้รับการปฏิเสธกลับมา

เขาไม่กล้าที่จะรีบร้อนจนเกินไป ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม

“โอเค งั้นฉันจะลองไปคิดเรื่องนี้ดูดีๆ”

เวินหนิงพยักหน้า ตอบปากรับคำเรื่องที่จะทำตามดังว่าไป

และในขณะนั้นนั่นเอง อาหารก็ถูกนำมาเสิร์ฟพอดี

เวินหนิงเองก็สั่งอาหารไม่กี่อย่างที่เป็นของที่ลู่อันหรานชอบไป คิดว่าจะห่อหลับบ้านเอาไปเป็นอาหารเที่ยงให้เจ้าตัวน้อยได้ทาน

หลังจากนั้น ทั้งสองคนก็กินข้าวไปพลาง พูดคุยกันไปพลาง

และแล้วเวลาทานข้าวก็ได้ผ่านไปจนหมดอย่างรวดเร็ว

เหอจื่ออันยังคงมีความรู้สึกอาลัยอาวรณ์อยู่ ราวกับว่าเวลาที่ได้ใช้ร่วมกับเวินหนิงนั้นช่างสั้นแสนเหลือเกิน

“ตอนนี้ก็ยังเช้าอยู่นะ ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันเลี้ยงหนังเธอเอง”

หลายปีมานี้เหอจื่ออันยุ่งอยู่กับการทำงาน และก็ไม่มีประสบการณ์ในการจีบผู้หญิงมากเท่าไหร่นัก จึงได้เสนอเรื่องการดูหนังขึ้นมา

เวินหนิงยิ้มแล้วส่ายหน้า “ไม่ได้ อันหรานกำลังนอนหลับอยู่ที่บ้าน ฉันต้องรีบกลับไป ไม่อย่างนั้นถ้าเขาตื่นขึ้นมาแล้วหาแม่ไม่เจอแล้วจะอารมณ์บูดเอาน่ะ”

ได้ยินเธอพูดดังว่า เหอจื่ออันจึงเป็นอันต้องล้มเลิกไป

“อันหรานตอนนี้ สบายดีไหม”

แม้ว่าลู่อันหรานจะเป็นลูกชายของลู่จิ้นยวน แต่เพราะว่าในกายของเขาก็มีเลือดของเวินหนิงไหลเวียนอยู่ด้วยเหมือนกัน อีกทั้งยังเป็นเด็กที่เวินหนิงเกือบจะต้องสละซึ่งชีวิตถึงจะคลอดออกมาได้อีกด้วย ดังนั้น เหอจื่ออันจึงค่อนข้างเป็นห่วงเขาอยู่มาก

“เขาสบายดี ถ้าหากว่ามีเวลาฉันจะพานายไปเจอเขา ก็ในเมื่อ ถ้าปีนั้นไม่ได้นายเอาไว้ ตัวเขาเองก็อาจจะได้เจอปัญหาแล้ว.........”

เหอจื่ออันจึงยิ้มออกมาแล้วพยักหน้าไปหลายที “งั้น ฉันไปส่งเธอกลับบ้านนะ?”

เวินหนิงเหลือบตามองดูเวลา เวลาค่อนข้างจะช้าไปนิดแล้ว จึงไม่ได้ทำอวดดีแล้วนั่งรถไปกับเหอจื่ออัน

……..

ภายในบ้านของเวินหนิง

ลู่จิ้นยวนนั่งอยู่บนโซฟา ขาอันยาวสง่าเอามาพาดไว้บนท่อนขาอีกข้าง แม้ว่าบนใบหน้าจะไร้ซึ่งอารมณ์ก็ตาม แต่แววตาของเขานั้นมีความกังวลฉายชัดอยู่ ยังคงแสดงออกมาให้เห็นถึงความไม่สงบใจของเขาอยู่

เมื่อสักครู่ ให้คนไปค้นหาตำแหน่งของเวินหนิง แต่ก็ยังหาไม่เจอ

อีกทั้งโทรศัพท์ของเธอก็ถูกปิดอยู่ ตอนนี้อยู่ในสถานการณ์แบบไหนกันนั้น ตัวเขาไม่อาจทราบได้เลยแม้แต่น้อย

แต่ว่า ลู่จิ้นยวนเองก็กังวลว่าถ้าหากลู่อันหรานอยู่คนเดียวที่บ้านแล้วจะคิดฟุ้งซ่าน จนเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้ จึงได้รีบมาที่นี่ในทันที

ตอนนี้ จึงทำได้เพียงแต่รอเท่านั้น

“พ่อครับ เมื่อไหร่จะหาเจอเหรอครับ”

ลู่อันหรานเดินออกมาจากห้องรับแขก เอามือพาดไปที่บริเวณด้านหลังของตน ทำท่าทางราวกับคนแก่ก็ไม่ปาน เดินมาได้สองก้าวก็ถอนหายใจออกมา

“ลูกอย่าเป็นกังวลเดินไปเดินมาแบบนี้สิ ลูกทำให้พ่อรู้สึกเครียดไปด้วย”

ลู่จิ้นยวนเองก็อารมณ์ไม่ดี ไอ้เด็กคนนี้เอาแต่ทำท่าทางประหลาดๆ อยู่ตลอดเวลา แผ่บรรยากาศความเป็นกังวลออกมาไปทั่ว

“งั้นจะให้ผมทำยังไงล่ะ จะให้นั่งก็นั่งไม่อยู่กับที่แล้ว! ”

ฉับพลันนั้นลู่อันหรานเองก็ระเบิดอารมณ์ออกมาเช่นกัน จากนั้นก็นั่งลงกับพื้น ทำท่าทางราวกับว่าแล้วพ่อจะเอายังไงกับผมล่ะ

ลู่จิ้นยวนที่กำลังจะพูดอะไรกับเขาต่ออีกไม่กี่ประโยค แต่โทรศัพท์ของเขาในที่สุดก็ดังขึ้นมา

“พวกเราตรวจสอบตามกล้องวงจรปิดแล้ว ดูเหมือนว่าคุณหนูเวินจะไปกับผู้ชายอีกท่านครับ”

“อะไรนะ

รีบส่งภาพกล้องวงจรปิดมาให้เดี๋ยวนี้เลย”

เมื่อได้ยินว่าเวินหนิงไปกับผู้ชายคนหนึ่ง ลู่จิ้นยวนก็มีลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา

คงไม่ใช่เป็นการหาที่พึ่งสุดท้ายของความหวังในการรักษาหรอก หรือจะถูกลักพาตัวไปแล้ว?

เมื่อไม่กี่วันก่อนเองที่ลู่กรุ๊ปพึ่งถกประเด็นเรื่องจะช้อนซื้อบริษัทไป ถ้าหากมีบุคคลล้มละลายที่ทำใจยอมรับไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นมา แล้วมาลักพาตัวไปจะทำอย่างไรดีล่ะ?

ถ้าไม่คิดที่จะให้บทเรียนบ้างเห็นทีจะไม่ได้

“ห๊ะ?

ไม่ได้นะ ผมเองก็เป็นห่วงแม่ ผมจะไปด้วย! ”

เป็นธรรมดาที่ลู่อันหรานไม่อยากถูกทิ้งให้อยู่ที่บ้านคนเดียว กอดขาของลู่จิ้นยวนเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

ลู่จิ้นยวนคิดที่จะแกะมือปลาหมึกของไอ้เด็กดื้อด้านคนนี้ออก แต่ผ่านไปครึ่งค่อนนานก็ยังทำไม่สำเร็จ

ครุ่นคิดไปสักพัก ก็ไม่ยอมที่จะยืดเยื้อเวลาต่อไปอีก จึงยกเอาตัวเขาขึ้นมาแล้วตีตูดลงไปหลายที “ถ้าอย่างนั้นต้องเชื่อฟังพ่อ แล้วอย่างอแง”

ลู่อันหรานเนื่องด้วยความเข้มงวดของลู่จิ้นยวน จึงทำได้เพียงแต่พยักหน้ายอมความไป

พ่อลูกทั้งสองคน ลงมาจากข้างบน

ช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่รถของเหอจื่ออันนั้น มาถึงพอดี

เหอจื่ออันเพียงแวบแรกก็มองเห็นสองพ่อลูกที่ยืนอยู่ริมถนนในทันที

ต่อให้ลู่จิ้นยวนเป็นคนที่เขารังเกียจมากขนาดไหน แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธถึงความจริงเรื่องความโดดเด่นสง่างามของผู้ชายคนนี้ได้เลย รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูดีและรูปร่างราวกับนายแบบ กำลังยืนอยู่ที่ริมทางม้าลาย ช่างเป็นที่ดึงดูดสายตาเสียจริง

และยิ่งไปกว่านั้นที่ข้างกายของเขาก็ยังมีตัวเขาฉบับย่อเล็กลงมา ความเป็นเด็กราวกับหน่ออ่อนและผสมเข้ากับความหล่อเหลาของคนเป็นพ่อ เป็นการยากถ้าคิดที่จะเมินไม่สนใจ

เหอจื่ออันหันไปมองเวินหนิง เธอกำลังสะลึมสะลือง่วงงุนอยู่ จึงไม่ได้สังเกตไปที่ทางด้านนั้น เปลือกตาหนักลงเรื่อยๆ แต่รถก็จอดนิ่งสนิทลง

เวินหนิงรับรู้ได้ว่ารถจอดนิ่งสนิทดีแล้ว จึงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาไม่น้อยเลยทีเดียว เมื่อหันไปมองดูก็มั่นใจได้ว่าตนมาถึงที่แล้ว

“ถึงแล้วเหรอ

งั้นฉันไปก่อนนะ จื่ออัน ถ้ามีเวลาไว้ค่อยมาเจอกันอีกนะ”

เวินหนิงหยิบถุงข้าวที่ห่อกลับมาให้ลู่อันหรานแล้วลงจากรถไป เหอจื่ออันก็พูดโพล่งตามออกมาด้วยความร้อนใจ

“หนิงหนิง ฉันมีเรื่องจะขอร้องเธอเล็กน้อยสักเรื่องหนึ่ง”

เวินหนิงเงยหน้าขึ้นแล้วส่งรอยยิ้มไปให้ “นายมีเรื่องอะไรไม่ต้องอ้อมค้อมนะ ขอแค่เป็นเรื่องที่ฉันช่วยนายได้ จะยอมช่วยไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน”

เมื่อได้ยินดังว่าแววตาของเหอจื่ออันก็หม่นลงเล็กน้อย ในทันทีต่อมาก็ยืดแขนออกไปรั้งเธอเข้าสู่อ้อมกอดตน

“ฉันขอร้องให้เธอยอมให้ฉันกอดหน่อย หลายปีมานี้ ฉันคิดถึงเธอมากจริงๆ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก