ง้อลู่อันหรานเสร็จ เวินหนิงก็จูงมือเขาแล้วเดินไปที่บ้าน
และลู่จิ้นยวนเองก็สงบสติอารมณ์ลงแล้ว เดินมาหาจากอีกด้านหนึ่ง
เมื่อเห็นเขาเวินหนิงเองก็ไม่ได้พูดอะไร “อันหรานหิวข้าวแล้ว พวกเรากลับไปกินอะไรก่อนนะ”
ลู่จิ้นยวนพยักหน้า แล้วเดินตามเธอไป
เขาอยากที่จะเอ่ยปากถามเธออะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดว่าอย่างไรดี
ตอนนี้ ในใจของเธอคิดอย่างไรกับเหอจื่ออันกันแน่
เขาอยากที่จะรู้เป็นอย่างมาก แต่กลับไม่รู้ว่าจะต้องถามออกไปอย่างไรดี และก็กลัว ที่จะได้รับคำตอบที่เลวร้ายกลับมา
ก็เป็นเช่นนี้ ทั้งสามคนขึ้นไปข้างบนอย่างเงียบเชียบ
เวินหนิงหยิบเกี๊ยวแช่แข็งที่อยู่ในตู้เย็นออกมาหนึ่งห่อ “ดูเหมือนว่าจะไม่มีกับข้าวอย่างอื่นแล้วนะ ไม่อย่างนั้น เอามาทานรวมกันเลยไหม”
ของที่เธอสั่งห่อกลับบ้านมานั้นไม่มีกับข้าวที่เป็นอาหารหลักได้เลย มีแต่พวกบรรดาของหวาน ไม่สามารถเอามากินเป็นข้าวได้
“อื้ม ผมได้หมดเลย! ”
ลู่อันหรานเอามือลูบท้องที่ว่างเปล่าของตนแล้วพยักหน้า
เวินหนิงเห็นท่าทางของเขาแล้ว ก็ยีหัวของลู่อันหราน หลังจากนั้นจึงเริ่มเอาของอย่างอื่นมาเข้าไมโครเวฟเพื่ออุ่นให้ลู่อันหราน หลังจากนั้นจึงเปิดแก๊สเพื่อเตรียมตัวอุ่นเกี๊ยว
ลู่อันหรานเพราะว่าหิวอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว จึงนั่งอยู่ในห้องอาหารและทานอย่างเอร็ดอร่อยมีความสุข ไม่สนใจคนอื่น
ลู่จิ้นยวนจึงอาศัยโอกาสนี้เข้าไปในห้องครัว เห็นว่าเวินหนิงกำลังยุ่งอยู่ แต่ก็กลับอดใจไม่ไหวเอ่ยถามออกไป “เธอ......กับเขา มันเป็นยังไงกันแน่”
สุดท้ายแล้ว เขาก็ไม่อาจแสร้งทำท่าทีราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ ถ้าหากไม่ถามออกไป วันนี้เขาคงนอนไม่หลับแน่
“………” เวินหนิงไม่ได้ตอบอะไรกลับไป และก็ไม่คิดที่จะตอบด้วย
การกลับมาของเหอจื่ออัน ได้ย้ำเตือนเธอถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นมากมายในอดีต
ความรู้สึกด้านลบที่เดิมทีได้จางสลายหายไปมากแล้ว ก็กลับฟื้นคืนกลับมาอีกครั้ง
เวินหนิงถึงพึ่งรู้สึกตัว ความจริงแล้วสำหรับเรื่องในอดีตที่ผ่านมานั้นเธอไม่เคยที่จะปลดปล่อยมันออกไปเลย
โดยเฉพาะ ท่าทีที่ไม่ยอมอ่อนข้อหรือประนีประนอมให้เธอเลยแม้แต่น้อยของเย่หวานจิ้ง ถึงขนาดที่ว่าเธอไม่เคยแม้แต่จะได้รับคำขอโทษอย่างเป็นทางการเลย
แล้วเธอจะปล่อยมันไปได้อย่างไร
ให้ลืมเลือนเรื่องในอดีตไปเสียอย่างหมดจด ก็เปรียบเสมือนรอยแผลเป็นที่หายดีจนลืมความเจ็บปวด แต่นั่นก็จะถือว่าเป็นการทรยศ
ดังนั้น เวินหนิงจึงไม่เอ่ยอะไร
ความนิ่งขรึมของเวินหนิง ทำให้จิตใจของลู่จิ้นยวนจมดิ่งลึกลงไปอีก
เห็นใบหน้าที่นิ่งขรึมของเวินหนิง “ทำไมถึงไม่ตอบฉันล่ะ
หรือว่าคำถามนี้จะทำให้เธอรู้สึกตอบออกมาไม่ได้อย่างนั้นเหรอ”
น้ำเสียงของฝ่ายชายช่างร้อนรน ถึงขนาดไม่รู้ตัวเลยว่าได้เจือความรู้สึกกดดันบีบบังคับลงไปด้วย
ทันใดนั้นเวินหนิงก็รู้สึกว่าลู่จิ้นยวนที่เป็นเช่นนี้ ดูเหมือนกับตัวเขาเมื่อห้าปีก่อน ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งหนึ่ง
ความรู้สึกของเธอก็แย่ขึ้นมาอย่างฉับพลัน ตอบกลับไปอย่าเหลืออด “ฉันจำเป็นที่จะต้องตอบคำถามอะไรคุณด้วยอย่างงั้นเหรอ”
ลู่จิ้นยวนเป็นใบ้พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
จำเป็นไหมอย่างนั้นเหรอ?
ดูเหมือนว่าจะไม่จำเป็นจริงๆ เสียด้วย
ในเมื่อ ตอนนี้เวินหนิงไม่เคยที่จะผ่อนคลายความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเลย ต่อให้พวกเขาสนิทสนมกัน แต่ก็เป็นตัวเขาเองที่เป็นฝ่ายคอยพยายามตามตื้ออยู่คนเดียว
แต่ว่า เขาก็ได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว ที่จะได้ชดใช้ให้กับผู้หญิงคนนี้
หรือว่าหัวใจของเธอไม่เคยสั่นไหวเลยแม้แต่น้อย
ทันใดนั้นลู่จิ้นยวนก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมา ฉับพลันนั้นก็ยื่นมือออกมาไปคว้าแขนของเธอเอาไว้
เวินหนิงที่กำลังคนน้ำในหม้ออยู่เพราะไม่อยากให้เกี๊ยวติดก้นหม้อ ก็ถูกจับไว้อย่างไม่ทันตั้งตัว ขณะที่กำลังจะให้ลู่จิ้นยวนปล่อยมือ ก็กลับถูกดึงรั้งเข้าไปสู้อ้อมอกของฝ่ายชาย
“หรือว่านี่จะเป็นคำตอบของเธอ?
แต่ว่า ลู่จิ้นยวนไม่ยอมให้ทำเช่นนั้น มองไปที่เธอด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ราวกับว่าเสียงของลู่อันหรานไม่ได้เป็นอุปสรรคขัดขวางอะไรเลยแม้แต่น้อย
“คุณ ปล่อยนะ เดี๋ยวเกี๊ยวของฉันก็เละหรอก”
เวินหนิงไม่กล้าที่จะทำอะไรให้เกิดเสียงดัง กลัวว่าลู่อันหรานจะได้ยินเข้าแล้วไม่สนใจอะไรวิ่งเข้ามาหาเห็นภาพที่หน้ากระอักกระอ่วนนี้เข้าได้
“ลู่จิ้นยวน เดี๋ยวลู่อันหรานจะเข้ามานะ”
ลู่จิ้นยวนยิ้ม เพียงแต่ว่ารอยยิ้มนั้นไม่ได้ปรากฏออกมาจากแววตาของเขาไปด้วย
“สำหรับลูกแล้ว ฉันเป็นพ่อของเขา เธอเองก็เป็นแม่ของเขา พวกเราใกล้ชิดกัน ก็ย่อมเป็นเรื่องที่น่ายินดี”
เวินหนิงได้ยินดังว่า ก็รู้สึกได้ว่าผู้ชายคนนี้......ช่างหน้าไม่อายเกินไปแล้ว
“งั้นเดี๋ยวฉันจะรีบไปบอกเขาเองว่า บางทีพ่อกับแม่ อาจจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว”
เวินหนิงราวกับกระต่ายที่ถูกกดดันอย่างรุนแรง ตอบกลับไปอย่างทื่อๆ หนึ่งประโยค
ลู่จิ้นยวนก็เหมือนมีฟืนโยนเข้าไปกองไฟที่สุมอยู่ในอก
ก้มหน้าลงมา ใช้แรงบีบบังคับริมฝีปากคู่สวยที่เอาแต่ดื้อด้านนั้น แล้วฉกชิงทุกอย่างไปจากเธออย่างโหดร้าย
เวินหนิงผงะด้วยความตกใจ สุดท้ายแล้วเขาคิดที่จะทำอะไรกันแน่
ไม่กลัวว่าอันหรานจะเข้ามาเห็นจริงๆ เหรอ
แต่ริมฝีปากที่บดกันก็กลับยิ่งเร่าร้อนมากยิ่งขึ้น อากาศที่อยู่ในอกก็เบาบางลงเรื่อยๆ ทำให้สมองของเธอค่อยๆ ที่จะไร้ซึ่งการโต้กลับว่าเรื่องราวได้ดำเนินเปลี่ยนแปลงมาเป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน
“แม่ครับ”
เมื่อสักครู่ลู่อันหรานเพียงแค่เอ่ยถามขึ้นมาหนึ่งคำเท่านั้น เพราะเห็นว่าเวินหนิงไม่ตอบเขาเป็นเวลานานแล้ว จึงทำปากยื่นแล้วกระโดดลงมาจากเก้าอี้ที่โต๊ะทานอาหาร เดินไปที่ห้องครัวทีละก้าวๆ
“ทำไมแม่ไม่สนใจผมเลย.......”
น้ำเสียงงอแงของลู่อันหรานยิ่งดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เวินหนิงได้สติมากขึ้นจึงยื่นมือออกหวังจะผลักลู่จิ้นยวนออกไป
“คุณ..........ปล่อยนะ เดี๋ยวจะถูกลู่อันหรานเห็นเข้า! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก