" ใครจะไปพูดเรื่องพวกนี้กับคุณ"
เวินหนิงตระหนักได้ว่าลู่จิ้นยวนแกล้งเธอเล่นอีกแล้ว จึงอดผลักเขาออกไปอยู่ข้างๆไม่ได้ และไม่สนใจว่าเขาจะเป็นหวัดจริงหรือเปล่า
ต่อให้จะเป็นหวัดจริงๆ ก็สดใสและดูมีแรงกว่าตัวเองเยอะ
ลู่จิ้นยวนเห็นเธอเหมือนจะเขินมาก ใบหูก็แดงไปหมด เลยไม่อยากแกล้งเธออีก
ในเวลานี้ ในที่สุดศาสตราจารย์หลี่ก็กลับมาถึงสักที
เมื่อเห็นลู่จิ้นยวนและพวกเธอ สีหน้าดูแคบลงไม่น้อย ปกติเขาก็เป็นนคนที่หลงอยู่กับงานวิจัยไม่ค่อยเข้าสังคม เขาไม่ค่อยรู้เรื่องการพูดคุยหรือการเจรจากับนักธุรกิจพวกนี้
หากไม่ใช่เพราะว่าจำเป็นต้องใช้เงินในการอัพเกรดอุปกรณ์แล้วล่ะก็ ก็คงไม่แบกหน้าออกไปวิ่งไปทั้วเพื่อหาเงิน
" สวัสดีศาสตราจารย์หลี่ ผมคือลู่จิ้นยวน ส่วนนี่คือ ... "
ลู่จิ้นยวนกำลังจะบอกว่านี่คือเวินหนิงภรรยาของผม แต่ดูเหมือนว่าเวินหนิงจะรู้ทันอย่างกับมองเห็นความคิดของเขา " ดิฉันเวินหนิงค่ะ"
เมื่อลู่จิ้นยวนโดนแย่งคำที่อยากจะพูด เขาก็ไม่ได้มีการแสดงออกใด ๆ " ครั้งนี้ที่เรามาก็เพื่อที่อยากจะมาเจรจาเรื่องของการร่วมมือ"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ศาสตราจารย์หลี่จึงเชิญทั้งสามคนเข้าไป
ลู่จิ้นยวนไม่ได้ปกปิดเป้าหมายที่พวกเขามา ก็เพื่ออยากเชิญเขาไปทำการผ่าตัดให้เย่ซือเยวี่ย เพื่อเป็นการตอบแทนเขาทางพวกเธอยินดีที่จะช่วยเหลือสถาบันวิจัย
ศาสตราจารย์หลี่รู้สึกว่าข้อตกลงการแลกเปลี่ยนนี้ ดีกว่าตระกูลหยงที่ให้เขาไปทำการวิจัยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมพวกนั้นเยอะ ดังนั้น หลังจากพูดคุยถึงรายละเอียดแล้ว ก็ตอบตกลง
ลู่จิ้นยวนคาดคิดไม่ถึงเลยว่าจะราบรื่นอย่างงี้ ดังนั้นเขาจึงให้อันเฉินรีบไปจัดเตรียมข้อมูลเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการทำสัญญาทันที
เวินหนิงรู้สึกโล่งใจที่ได้รู้ว่าศาสตราจารย์หลี่เต็มใจที่จะไปทำการผ่าตัดให้เย่ซือเยวี่ย
ขณะที่ทั้งสองกำลังรอเซ็นสัญญา จู่ๆโทรศัพท์มือถือของศาสตราจารย์หลี่ก็ดังขึ้น
เขารับโทรศัพท์ สีหน้าที่ยังดีๆอยู่เมื่อกี้ ผ่านไปสักพักก็ยิ่งอยู่ยิ่งไม่ดี
สุดท้าย หลังจากวางสายโทรศัพท์ เขาก็ก้มหัวแล้วพูดกับลู่จิ้นยวน " ต้องขอโทษที บางที เรื่องนี้ต้องเอาไว้ภายหลังแล้ว "
ลู่จิ้นยวนขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ อารมณ์ของเวินหนิงยิ่งร้อน “ ทำไมคะ ”
สถาบันขาดแคลนเงิน พวกเธอให้เงินแค่ขอให้เขาไปผ่าตัดให้เท่านั้น นี่เป็นกันได้ผลประโยชน์กันทั้งคู่ไม่ใช่เหรอ
“ เมื่อกี้นี้เป็นสายของตระกูลหยงโทรเข้ามา ก่อนหน้านั้นสถาบันวิจัยของผมได้รับทุนจากตระกูลหยง เขาบอกว่า ... ถ้าผมเซ็นสัญญากับคุณหรือยอมรับเงินทุนจากตระกูลลู่ ก็อย่าหวังที่จะกลับมาใช้ทุนเพื่อการพัฒนาสถาบันวิจัยที่เมืองจิงเฉิงอีก และหลังจากนี้สถาบันอื่นๆที่รับทุนจากตระกูลหยงจะไม่ร่วมมือกับเราอีกต่อไป "
" ผลนี้ ผมไม่อาจรับผิดชอบได้ ดังนั้นต้องขอโทษด้วย ... "
ศาสตราจารย์หลี่ก็เสียใจมากเช่นกัน แต่ตระกูลหยงบอกหนึ่งก็คือหนึ่ง เขาไม่กล้าทำให้เขาขุ่นเคือง
“ ด้วยสัญชาตญาญความเป็นหมอ ท่านไม่สามารถไปทำการผ่าตัดที่เมืองเจียงเฉิงเหรอคะ
หรือบางที ทางเราจะจ่ายให้คุณอย่างคุ้มค่า ... "
เวินหนิงกังวลมากจริงๆ เห็นๆอยู่ว่าจะประสบความสำเร็จแล้ว แต่ก็ถูกคนอื่นเขาดับไปดื้อ ๆอย่างงี้ เธอรับไม่ได้
" พอได้แล้วเวินหนิง เรื่องนี้ ไม่สามารถไปบังคับเขาได้"
ลู่จิ้นยวนรู้ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดอะไรขึ้นนี้เพราะอะไร คาดว่าตระกูลหยงนั้นรู้ถึงการมาเยือนของเขาแล้ว ทันทีที่มาถึงก็เข้าไปแทรกแซงสถาบันวิจัยที่รับทุนจากตระกูลหยงแต่เดิม ถึงได้โทรศัพท์มา
เมื่อเป็นแบบนี้ คิดว่าศาสตราจารย์หลี่คงไม่กล้ามีความสัมพันธ์อะไรกับเขาอีก
“ พวกเราไปบ้านตระกูลหยงกันเถอะ”
ลู่จิ้นยวนมองไปที่เวินหนิงน้ำเสียงของเขาหนักแน่น แต่ก็อ่อนโยนเช่นกัน
เมื่อเวินหนิงได้ยินเสียงของเขา ความกังวลก็คลี่คลายลงมาเล็กน้อย พยักหน้า " ค่ะ พวกเราไปบ้านตระกูลหยง "
ในตอนแรกพวกเขาวางแผนว่าจะให้ฝั่งศาสตราจารย์หลี่นี่โอเคก่อน แล้วค่อยไปหาบ้านตระกูลหยง แต่ใครจะคิดว่าพวกเขาจะข้ามสายตาของตระกูลหยงไปไม่ได้
เวินหนิงอดคิดไม่ได้ ว่านี่อาจเป็นฟ้าลิขิตหรือไม่ ให้เธอไปที่บ้านตระกูลหยงก่อน เพื่อค้นหาความจริงให้ชัดเจน
“ ถ้าหากว่าตระกูลหยงยอม คุณก็สามารถไปเมืองเจียงเฉิงทำการผ่าตัดให้เพื่อนของดิฉันใช่ไหม”
ศาสตราจารย์หลี่พยักหน้า " แน่นอนอยู่แล้ว"
แม้ว่าเรื่องนี้จะมีเพียงคนในตระกูลหยงเท่านั้นที่รู้ แต่หยงซือเหม่ยก็จำเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
ที่สำคัญคือ ตั้งแต่เล็กจนโตเธอเป็นหัวแก้วหัวแหวนของนายท่านตระกูลหยง และถูกเอาใจมาโดยตลอด ไม่มีใครกล้าปฏิเสธเธอ
แต่ดันมีลู่จิ้นยวนคนนี้กล้าปฏิเสธเธอ และทำให้เธออับอาย
“ เขามาที่นี่เพื่ออะไร
หรือว่า จะเป็นเพราะเขารู้สึกเสียดายขึ้นมาตอนนี้ "
หยงซือเหม่ยยิ้มเยาะออกมาเล็กน้อย กำลังจินตนาการถึงผู้ชายคนหนึ่งมานั่งร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่ที่หน้าประตูบ้านของตระกูลหยง เพื่อขอร้องให้เธอเปลี่ยนใจ
“ วันนี้เขามาที่เมืองจิงเฉิง โดยไม่ได้ทักทายกับตระกูลหยงสักคำ ก็มาแทรกแซงทำธุระกิจกับสถาบันวิจัยของตระกูลหยง เรื่องนี้ ไม่อาจให้อภัยอย่างแน่นอน”
นายท่านมองไปที่หยงซือเหม่ยด้วยความรักยิ่ง " ปู่รู้ว่าเธอมีความคับแค้นใจมากที่สุด ไม่งั้น คนๆนี้ปู่ก็ให้เธอไปจัดการ ให้เขารู้ถึงผลของการปฏิเสธคำเชิญของตระกูลหยงจะเป็นยังไง"
เมื่อหยงซือเหม่ยได้ยินเช่นนี้ ตื่นเต้นดีใจมาก
“ เยี่ยมมากค่ะท่านปู่ หนูรอวันนี้มาถึงนานแล้ว ”
หลังจากพูดจบ ก็รีบให้คนพาเธอออกไปพบกับลู่จิ้นยวนคนนั้น
ซ่งรั่วอวิ้นเห็นเช่นนี้ " ตอนนี้กิจการของตระกูลลู่กำลังไปได้สวยและพัฒนาไปได้ดีที่เดียว ปล่อยให้เธอออกไปยุ่งเหยิงแบบนี้ มันจะดีไหมคะ"
" ไม่เป็นไร ซือเหม่ยยังเด็กอยู่ อย่างมากเธอก็แค่เล่นสนุกนิดหน่อย ถือว่าเป็นการสั่งสอนคนตระกูลลู่คนนี้ก็แล้วกัน"
เมื่อได้ยินท่านพูดเช่นนี้ ซ่งรั่วอวิ้นก็ไม่อาจพูดอะไรได้อีก
ลู่จิ้นยวนและเวินหนิงรออยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน แม้ว่าพวกเขาจะใจร้อนเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ไม่แสดงออกมา
ใครให้ตอนนี้พวกเขาเป็นใฝ่ที่ต้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ...
หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้ยินเสียงจากข้างใน "คุณก็คือลู่จิ้นยวนเหรอ "
เวินหนิงเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเป็นหญิงสาวที่สวมเสื้อผ้าแบรนด์เนมราคาแพงยืนอยู่ที่ประตู ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก