“ ท่านป้าเย่คะ เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหนูเองค่ะ ท่านวางใจได้ หนูจะให้จิ้นยวนทานยาอย่างเชื่อฟังแน่นอน ท่านป้าดูแลสุขภาพด้วยนะคะ”
หลังจากพูดจบ หยงซือหม่ยหยิบยาแล้วจากไปทันที
...
ที่โรงพยาบาล
หลังจากที่เวินหนิงโทรศัพท์ไปหาหยงซือเหม่ยแล้ว จึงไปชำระตัวที่ห้องน้ำ เห็นตัวเองในกระจกที่มีรอยคล้ำขนาดใหญ่อยู่รอบตา
เมื่อคืนเธอพลิกตัวไปมาอยู่นาน เกือบถึงกลางดึก จนไม่สามารถต้านความเหนื่อยล้าได้แล้วถึงได้หลับไป
แล้วยิ้มอย่างสมเพชตัวเอง เวินหนิงใช้คอนซีลเลอร์ปกปิดรอยคล้ำที่ตา มิฉะนั้นเดียวคุณแม่จะเห็นความผิดปกติได้
เวินหนิงไปดูอาการของไป๋หลินยวี่ ตอนนี้อาการของเธอคงที่แล้ว ดูเหมือนว่าอาการหมดสติที่ทำให้เธอกลัวนั้นเป็นเพียงการล้อเธอเล่นเท่านั้น
แต่เวินหนิงชัดเจนดีว่าไม่อาจล่าช้าได้อีกต่อไปแล้ว
เวินหนิงยิ่งคิดยิ่งเครียด แต่เธอก็รู้ดีเช่นกันว่าต่อให้เธอเครียดหรือรีบร้อนยังไงก็ไม่มีประโยชน์ ยังต้องดูความคิดของหยงซือเหม่ยด้วย
เวินหนิงถอนหายใจ กลับไปเรียกลู่อันหรานตื่นนอน เพราะว่าเมื่อวานเวินหนิงไม่ได้กลับบ้าน ก็เลยให้เขานอนกับเธอที่โรงพยาบาล
คิดไปคิดมา ลู่อันหรานต้องกลับไปที่โรงเรียนถึงจะถูก ทั้งวันไม่ได้สัมผัสกับคนรุ่นเดียวกันอย่างงี้ มันไม่ใช่ผลดีต่อการเจริญเติบโตของเขา
"อันหราน ลูกตื่นได้แล้วจ๊ะ"
เวินหนิงเขย่าร่างของลู่อันหรานเบา ๆ ลู่อันหรานถึงได้ค่อยๆลืมตาขึ้นแล้วหาวยาวๆ
เวินหนิงมองไปที่ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขา " อันหราน เดียวคุณแม่ส่งหนูกลับบ้าน หนูไปอาบน้ำให้สะอาด จากนั้นคุณแม่ส่งหนูไปโรงเรียนนะครับ
ไปโรงเรียน
ลู่อันหรานไม่อยากไปโรงเรียน แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่เหนื่อยล้าของเวินหนิง เขารู้ว่าตอนนี้ท่านย่ากำลังป่วย และยังมีหยงซือเหม่ยผู้หญิงสะระเลวคนนั้นที่กำลังสร้างปัญหาวุ่นวายไปหมด เธอคงจะเครียดและเสียใจ ก็เลยไม่ได้พูดอะไร
แต่ก็อดกระซิบไม่ได้ว่า “ คุณแม่ครับ ผมกลับไปตั้งใจเรียนดีๆ คุณแม่อย่าโกธรคุณพ่อเลยได้ไหมครับ ผมคิดว่าคุณพ่อคงไม่ได้ตั้งใจหรอก ถ้าไม่ได้จริงๆ คุณแม่ให้คุณพ่อคุกเข่าบนทุเรียนก็ได้ อย่าทิ้งคุณพ่อเลยนะครับ "
เมื่อได้ยินลู่อันหรานพูดเช่นนี้ หัวใจขอเวินหนิวเจ็บจี๊ด อย่างที่ว่าเด็กทุกคนไม่ต้องการให้พ่อแม่แยกทางกัน
แต่……
โลกของผู้ใหญ่นั้นซับซ้อนมาก แม้ว่าลู่อันหรานจะเป็นเด็กที่ฉลาดมากก็จริง แต่ก็ไม่อาจเข้าใจได้ทั้งหมด
“ อันหราน เรื่องนี่ไม่ใช่เรื่องที่คุณแม่จะตั้งสินใจได้คนเดียว แต่ต่อให้พ่อกับแม่จะแยกทางกันจริงๆ ลูกยังคงเป็นลูกรักของพ่อกับแม่ตลอดไป รู้ไหม”
“ แต่ผมไม่อยากให้คุณพ่อกับคุณแม่ต้องเลิกทางกัน”
ลู่อันหรานรู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังเปลี่ยนไปอย่างเงียบ ๆ แต่เขาไม่อาจรู้ได้ และไม่อาจไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขมันได้
" พวกเราไม่พูดเรื่องนี้แล้ว วันนี้หลังเลิกเรียน แม่พาหนูไปซื้อของเล่นใหม่ดีไหม หนูอยากได้อะไรเหรอ "
เวินหนิงรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างกะทันหัน ลู่อันหรานก็ไม่ได้ถามอะไรอีก เพียงแต่ก้มหัวลง มีท่าทีไม่พอใจและจะร้องไห้
เวินหนิงส่งลู่อันหรานกลับไปบ้าน ที่บ้านได้จ้างแม่บ้านทำความสะอาดอยู่เลยดูเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก แต่ดูขาดความอบอุ่นไปเล็กน้อย
เวินหนิงให้ลู่อันกรานไปอาบน้ำ แล้วยังเปลี่ยนชุดนักเรียนให้เขา ถึงได้ส่งเขาไปที่โรงเรียน
หลังจากส่งลู่อันหรานไปแล้ว เวินหนิงคิดอยู่พักหนึ่ง จึงตัดสินใจไปที่โรงพยาบาลที่เย่ซือเยวี่ยอยู่
แต่อันเฉินดูออกว่าเรื่องนี้กระทบจิตใจเธออย่างมาก เขาคิด บางทีเปลี่ยนสภาพแวดล้อมใหม่ อาจจะดีต่อเธอก็ได้ คอยอยู่แต่ในสภาพแวดล้อมที่ปิดกั้นในโรงพยาบาลเช่นนี้ ต่อให้เป็นคนที่ปกติก็อาจเป็นโรคซึมเศร้าได้
เมื่อได้ยินความคิดของอันเฉิน เวินหนิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูแล้ว เขาตั้งใจที่จะดูแลเย่ซือเยวี่ยจริงๆ
" อันเฉินมีบางอย่าง ฉันอยากช่วยเย่ซือเยวี่ยถามให้ชัดเจน สถานการณ์ปัจจุบันของเธอเป็นแบบนี้ คุณต้องการดูแลเธอด้วยตัวเอง ฉันรู้สึกขอบคุณมาก แต่คนในครอบครัวของคุณ คุณจะทำอย่างไร
ครั้งล่าสุดที่เย่ซือเยวี่ยโทรมา น้ำเสียงดูไม่สบายใจอย่างมาก เรื่องนี้ต้องทำให้เธอหนักใจมาก แต่ด้วยนิสัยที่เข้มแข็งของเธอ บางทีเธออาจจะยังไม่ได้พูดออกมา เวินหนิงตัดสินใจถามแทนเธอ
ถ้าอันเฉินไม่สามารถต้านความขัดแย้งในครอบครัวได้ บางทีการถอยออกไปก่อนมันอาจจะดีกว่าสำหรับเขา
ไม่ว่ายังไง เจ็บปวดระยะสั้นย่อมดีกว่าเจ็บปวดระยะยาว เธอไม่อย่าให้เย่ซือเยวี่ยตกหลุมรักเขาอย่างหัวปักหัวปำ จากนั้นก็ต้องมาเจ็บปวดกับเรื่องแบบนี้
อายุแค่นี้ ตั้งมาเจอกับเรื่องแบบนี้ เธอก็เจ็บปวดมากพอแล้ว
อันเฉินลังเลอยู่พักหนึ่ง ดูเหมือนว่าเขาจะคิดไม่ถูกว่าเวินหนิงจะถามคำถามนี้ แล้วมองไปที่เธอ " เป็นเพราะเธอพูดอะไรขึ้นมาหรือเปล่า"
" มีอยู่ครั้งหนึ่งเธอได้ยินที่คุณคุยโทรศัพท์กับคุณแม่ของคุณ เธอได้เล่าให้ฉันฟังแล้ว เพราะเธอไม่รู้ว่าที่บ้านคุณคิดยังไง เธอจึงกังวลใจมาตลอด ดังนั้น ฉันหวังว่าคุณจะคิดให้ดีก่อน
ในอนาคตพวกคุณอยู่ด้วยกัน บางที่อาจจะมีปัญหาต่างๆตามมา ถ้าคุณไม่มีความอดทนพอ งั้นคุณก็อย่าให้ความหวังเธอเลย ไม่งั้นถึงเวลานั้น คุณจะรอจนเธอเคยชินกับการพึ่งพาคุณแล้วทิ้งเธอไป มันโหดร้ายมาก ฉันกลัวว่าเธอจะยอมรับไม่ได้ "
เวินหนิงพูดทีละคำทีละประโยค อันเฉินเงียบไปครู่หนึ่ง ไม่แปลกใจเลยที่อารมณ์ของเย่ซือเยวี่ยหลายวันนี้หดหู่เป็นพิเศษ ที่แท้เป็นเพราะเขาไม่ได้แนะนำเธอให้รู้จักกับคนในครอบครัวของเขา
อันเฉินเงียบ คุณพ่อของเขาเสียชีวิตไปตั้งแต่เขายังเด็กๆ เป็นคุณแม่ของเขาที่เลี้ยงดูเขาจนเป็นผู้เป็นคน นิสัยของคุณแม่เขาค่อนข้างตรงไปตรงมา สถานการณ์ของเย่ซือเยวี่ยในตอนนี้ บางทีคุณแม่ของเขาอาจจะไม่เห็นด้วย
เดิมทีอันเฉินคิดว่า รอให้เธอหายดีก่อนแล้วค่อยพูดเรื่องนี้ให้ที่บ้านทราบ ...
แต่ตอนนี้……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก