"เขา เป็นอะไร"
“ เขาวิ่งออกไปข้างในตอนที่ผู้คนไม่ทันได้สังเกตค่ะ”
สีหน้าของเย่หวานจิ้งมืดนิ่งไปทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้
“ เอาพวกเธอมาทำอะไรกัน แค่เด็กคนหนึ่งปล่อยให้หนีออกไปได้ ”
หลังจากพูดจบ ก็รีบให้คนออกตามหาทันที
" เป็นเพราะว่าอันหรานไม่ชอบฉันหรือเปล่าคะ ถึงได้ ... "
เฉิ่นหรูเย่ว์ก้มศีรษะลงพูดด้วยน้ำเสียงที่น้อยใจ แต่ท่าทางนั้นออกจะเย็นชา จริงๆด้วย การรับมือกับลูกของคนอื่นมันไม่ได้ง่ายเลย
แต่เธอต้องพูดอะไรสักอย่าง เพื่อไม่ให้เย่หวานจิ้งผิดหวังในตัวเธอ
เย่หวานจิ้งมองไม่เห็นปฏิกิริยาสีหน้าของเธอ จึงใช้มือลูบหลังเธอเบาๆ " นิสัยของเด็กคนนี้ชอบซนอย่างงี้แหล่ะ มันไม่เกี่ยวอะไรกับหนูเลย"
เฉิ้นหรูเย่ว์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
...
ลู่อันหรานไม่สนใจว่าที่บ้านจะวุ่นวายมากขนาดไหน เขาในตอนนี้แค่อยากไปสนามบินเร็ว ๆ ไปหาคุณพ่อกับคุณแม่
แค่ว่า ตอนรถขับออกไปได้ประมาณครึ่งทาง ก็โดนรถของตระกูลลู่ตามมาทัน
เย่หวานจิ้งดูแล้วไม่รู้จักคนที่มารับ ยังคิดว่าลู่อันหรานโดนคนหลอกไป " อันหราน รีบกลับมาหาย่าที่นี่เร็ว ๆ "
" ผมจะไปเมืองจิงเฉิงหาคุณพ่อกับคุณแม่ของผม ท่านย่าอยู่บ้านดีๆนะครับ"
ลู่อันหรานไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน ถ้าจะต้องอยู่กับเฉิ่นหรูเย่ว์คนนั้น จะไม่ทำให้เขาต้องปวดหัวตาย
เมื่อเย่หวานจิ้งได้ยินเช่นนี้ มองไปที่คนเหล่านั้น “ พวกคุณเป็นคนของเวินหนิงเหรอ”
หลังจากที่เวินหนิงเข้ามารับช่วงบริหารบริษัทของคุณแม่เธอต่อ เธอก็ได้อบรมคนของตัวเองมาจำนวนหนึ่ง เพื่อที่วันข้างหน้าเวลาจำเป็นเธอจะได้ไม่ต้องไปขอความช่วยเหลือจากลู่จิ้นยวนอีก
“ คุณหนูเวินให้พวกเราส่งคุณชายน้อยไปให้ครับ ”
เมื่อเย่หวานจิ้งได้ยิน รู้สึกโกรธมาก เวินหนิงคนนี้ หรือว่าเธอจะรู้ว่าตัวเองต้องการให้เฉิ่นหรูเย่ว์กับลู่จิ้นยวนเข้ากันสักพักเพื่อที่จะได้พัฒนาความสัมพันธ์ จึงได้ตั้งใจมาขัดจังหวะ
ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เย่หวานจิ้งก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น เธอเลยตัดสินใจโทรไปหาลู่จิ้นยวนทันที
ลู่จิ้นยวนกำลังทำการแก้ไขสัญญาญที่จะร่วมมือกับตระกูลหยงอยู่ เพราะวันนี้เขาเจอทางตันเข้าอย่างจัง เขากำลังคิดหาวิธีให้ทั้งสองลดอคติลงโดยเร็วที่สุด
ในขณะนี้โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ทำให้ความคิดของชายหนุ่มถูกขัดจังหวะ ทำให้เขารู้สึกรำคาญไม่น้อย
แต่ว่า เมื่อเห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าของเย่หวานจิ้ง เขาก็หยิบมันขึ้นมารับสาย
“ มีอะไรเหรอครับแม่”
“ เวินหนิงกำลังจะพาอันหรานไปเมืองจิงเฉิง เรื่่องนี้ลูกรู้ไหม
ปกติอันหรานก็ไม่ค่อยได้มาอยู่กับแม่ ตอนนี้พวกเธอเพิ่งจะออกไป เธอยังจะเอาอันหรานไปอีก มันหมายความว่ายังไง
หรือ คิดว่าคุณย่าอย่างฉันจะไม่สามารถดูแลหลานชายคนเดียวให้ดีได้ใช่ไหม "
เมื่อลู่จิ้นยวนได้ยินคำพูดเช่นนี้ รู้สึกหัวใหญ่ทันที
ว่าแต่ เขาก็ไม่อยากให้ลู่อันหรานตามมา เพราะว่าเขายังเรียนอยู่ที่โรงเรียนอนุบาลอยู่ ก่อนหน้านั้น เขาก็ได้ช่วยลู่อันหรานลาไปหลายวันแล้ว ให้เขาได้ไปเที่ยวเล่น
ตอนนี้ ยังจะมาที่เมื่องจิงเฉิงอีก จะทำให้เขาไม่สามารถเข้าเรียนตามปกติไปอีกนาน พอๆ เทอมหนึ่งลู่อันหรานแทบจะไม่ได้เรียนกี่วันอยู่แล้ว
“ คุณพ่อครับ ผมจะไปเอง”
เมื่อลู่อันหรานได้ยินเย่หวานจิ้งพูดแบบนี้ รู้สึกท่านจะไม่ค่อยพอใจ ก็รีบบอกความประสงค์ว่าตัวเองต้องหารที่จะไปเมืองจองเฉิงเอง
" ลูกต้องอยากมาอยู่แล้ว มาแล้ว ลูกจะได้เที่ยวเล่นไปทั่ว ไม่ต้องทำการบ้านไม่ต้องไปโรงเรียนอีก "
พ่อย่อมเข้าใจลูกชายเสมอ ลู่จิ้นยวนจะไม่รู้ความคิดเล็กๆนั้นของลู่อันหรานได้อย่างไร
“ ไม่ใช่นะ ยังมี ... ”
ลู่อันหรานกำลังจะบอกว่าเย่หวานจิ้งได้จัดผู้หญิงคนหนึ่งมาสอนเขา โทรศัพท์ก็ถูกแย่งกลับไป
" ในเมื่อเป็นแบบนี้ ลูกก็บอกเวินหนิงหน่อย ให้อันหรานอยู่ที่บ้านอีกสองสามวัน มาอยู่เป็นเพื่อนท่านปู่กับแม่ที่ผมหงอกๆสองคนหน่อย "
เมื่อพูดถึงขนาดนี้ ลู่จิ้นยวนก็ไม่รู้จะพูดยังไงต่อดี “ ครับ อันหราน ลูกอยู่บ้านต้องเชื่อฟังนะ ไม่นานพวกเราก็กลับไปแล้ว ”
" ตำแหน่งของพวกเขาค้นหาเจอหรือยัง "
อันเฉินพยักหน้า " คนในครอบครัวของตระกูลหยงชอบไปที่ร้านอาหารในเขตชานเมืองเพื่อดื่มน้ำชายามบ่าย ในช่วงบ่าย"
ลู่จิ้นยวนลุกขึ้นยืน " งั้นก็ไปเลย"
หลังจากคิดไปคิดมา ก็ตัดสินใจไม่เรียกเวินหนิงไปด้วย
วันนี้วิ่งมาทั้งวันเธอคงจะเหนื่อยมากแล้ว อีกอย่าง ไปแล้วอาจจะต้องเจอกับหยงซือเหม่ยอีก
ผู้หญิงคนนั้น เห็นได้ชัดว่าจูงโจมเวินหนิงกัดไม่ปล่อยแน่
ลู่จิ้นยวนไม่อยากให้ทั้งสองฝั่งต้องมีอคติมากไปกว่านี้
ชายหนุ่มขับรถไปยังสถานที่ที่อันเฉินพูด
ไม่นานก็ถึงที่หมาย
บังเอิญมาก เจอหยงซือเหม่ยยืนอยู่ข้างนอก พร้อมกับโทรศัพท์ในมือ กำลังคุยโทรศัพท์กับใครอยู่
ลู่จิ้นยวนกำลังจะจอดรถ ในเวลานี้ จู่ๆก็มีมอเตอร์ไซค์ขับออกมาจากด้านหลังของหยงซือเหม่ย
เป็นเพราะว่าทั้งตัวเธอเต็มไปด้วยแบรนด์เนมราคาแพง โดยเฉพาะกระเป๋าในมือของเธอไม่ต้องพูดถึงเป็นเฮอร์เมสรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น รุ่นนี้อย่างต่ำต้องราคาหลายแสน ยิ่งไปกว่านั้นเธอกำลังคุยโทรศัพท์ เธอไม่ได้สนใจกระเป๋าที่อยู่ในมือเธอเลย ก็เลยถูกโจรหมายปอง
พอหยงซือเหม่ยตั้งสติได้ ก็โดนรถมอเตอร์ไซค์คันนั้นขับมาอย่างรวดเร็ว แค่พริบตารถก็จอดอยู่ตรงหน้าของเธออย่างใกล้ชิด เธอยังไม่ทันได้ตั้งตัว
ในแววเดียว กระเป๋าที่อยู่ในมือของเธอ ก็ถูกกระชากออกไป เนื่องจากกระเป๋าของเธอพาดอยู่บนไหล่ของเธอ ทั้งคนและกระเป๋าก็ถูกระชากไปกับรถด้วย
“ อ๊ะ ช่วยด้วยค่ะ”
หยงซือเหม่ยไม่เคยเจอสถานะการณ์เช่นนี้มาก่อน เธอทั้งกรีดร้องและขอความช่วยเหลือ
แต่ผู้คนที่อยู่รอบข้างยังอยู่ในอาการตกใจ ทำอะไรไม่ถูก
พอดีที่ว่าลู่จิ้นยวนยังไม่ได้ดับเครื่องยนต์ เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาจึงเหยียบคันเร่งให้ถูกที่สุด แล้วขับไปยังรถมอเตอร์ไซค์คันนั้น
รถมอเตอร์ไซค์ไม่ทันสังเกตเห็น จึงชนเข้ากับรถของลู่จิ้นยวนอย่างจัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก