บ่วงแค้นแสนรัก นิยาย บท 601

ทันทีที่พูดถึงไป๋ซินหราน ความทรงจำของเจียงซินเฉียวก็ย้อนกลับไปนึกถึงเรื่องในอดีต

ในปีนั้น เธอรู้จักกับพ่อของไป๋ซินหรานที่โรงเรียน เจียงซินเฉียวเรียนคณะศิลปกรรมศาสตร์ และเพราะด้วยหน้าตาที่โดดเด่น ประกอบกับลักษณะนิสัยที่เป็นเอกลักษณ์ ดังนั้นจึงมีคนไม่น้อยเลยที่คอยตามจีบเธอ ซึ่งก็มีบรรดาพวกคนรวยรวมอยู่ด้วย

แต่เพราะว่าพ่อของไป๋ซินหรานนั้นหน้าตาหล่อเหลา อีกทั้งยังรู้วิธีการเอาใจผู้หญิง ดังนั้นย่อมเป็นธรรมดาที่เขาจะเป็นคนที่ไป๋ซินเฉียวตกลงยอมแต่งงานด้วย

เพียงแต่ไม่คาดคิดเลยว่า หลังจากที่แต่งงานและให้คลอดลูกออกมา เขาก็ได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง จากที่เคยเอาอกเอาใจ ก็กลายเป็นเจ้าอารมณ์ฉุนเฉียวอยู่ตลอด

เมื่อได้รับความไม่เป็นธรรมในที่ทำงาน ก็จะมาระบายลงที่เธอและลูก

หลังจากที่เจียงซินเฉียวคลอดลูก เดิมทีก็มีอาการซึมและเครียดหลังจากการคลอดอยู่แล้วด้วย เมื่อถูกกดดันด้วยอารมณ์ที่รุนแรงแบบนี้เข้าใส่ ก็ค่อยๆ ที่จะเริ่มหมดหวังในการใช้ชีวิตอยู่ต่อไป

หลังจากนั้น เธอก็ทนอีกต่อไปไม่ไหว แอบวิ่งหนีไปที่เขื่อนแม่น้ำและคิดตัดสินใจเสียร้อยตลบอยู่ ณ ตรงนั้น แต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอเข้ากับหลี่ซือหมิง อีกทั้งยังได้เขาช่วยเอาไว้เสียทุกอย่าง

ภายใต้ความช่วยเหลือของหลี่ซือหมิง เจียงซินเฉียวก็ได้ปลดปล่อยชีวิตการแต่งงานที่ล้มเหลวในครั้งนี้จนสำเร็จ และหลังจากที่ตั้งท้องก็ได้แต่งงานเข้าตระกูลหลี่

แต่เพราะว่าตระกูลหลี่เองก็เป็นตระกูลที่ร่ำรวยเช่นกัน ดังนั้น หลี่ซือหมิงจึงให้เธอปกปิดเรื่องของตน บอกเพียงแต่ว่าตนเป็นแค่นักศึกษาธรรมดาๆ ก็เพียงเท่านั้น

เนื่องด้วยเหตุนี้ เจียงซินเฉียวจึงไม่อาจที่จะไปแย่งเอาสิทธิ์เลี้ยงดูไป๋ซินหรานมาได้ เพราะว่าเธอเองไม่สามารถที่จะเลี้ยงดูลูกได้ ถ้าหากว่าคิดอยากที่จะเก็บไป๋ซินหรานเอาไว้ งั้นเธอก็ไม่มีทางที่จะแต่งงานกับหลี่ซือหมิงได้ และก็ไม่อาจที่จะใช้ชีวิตที่มีกินมีใช้อย่างไร้กังวลเช่นนี้ได้ ชีวิตเธอในตอนนี้ ผู้คนต่างพากันอิจฉาริษยาเธอไปเสียทุกวัน

ตอนแรกเจียงซินเฉียวก็รู้สึกผิดต่อไป๋ซินหราน เธอรู้ว่าถ้าหากยังอยู่กับบ้านนั้นต่อไปก็จะไม่ได้รับการปฏิบัติเป็นอย่างดีแน่นอน แต่ว่า สุดท้ายแล้วเธอก็ยังคงเห็นแก่ตัว เธอไม่อยากที่จะสูญเสียทั้งชีวิตในตอนนี้ของตนไป จึงบังคับให้ตัวเองไม่ไปนึกถึงลูกสาวเลย

ถึงขนาดที่ว่าบางครั้งก็จะสะกดจิตตนเองบอกว่า ไป๋ซินหรานเป็นลูกสาวของไอ้ผู้ชายสวะคนนั้น ที่เธอไม่จำเป็นที่จะต้องไปนึกถึงหรือว่าห่วงใย!

เดิมทีเรื่องราวในแต่ละวันก็ได้สงบมานานมากแล้ว ไม่คิดเลยว่า ตอนนี้จะมีคนโผล่มาคิดที่จะทำให้ชีวิตของเธอปั่นป่วน

“ตอนนี้เธออยู่กับพ่อใช้ชีวิตเป็นอย่างดีแล้ว ฉันเองก็ได้สร้างครอบครัวใหม่แล้ว เธอมาหาฉันแล้วต้องการอะไร”

ท่าทีที่ดุดันของเจียงซินเฉียวทำให้ตนเองรู้สึกเข้มแข็งขึ้นมา น้ำเสียงที่พูดออกมาก็ดูจะไม่เป็นมิตรเท่าไหร่นัก

“แต่ว่า พ่อของเธอก็ทำไม่ดีกับเธอ ชอบด่าทอทุบตีเธอ แล้วก็ยังไม่ให้เธอกินข้าวด้วยนะ ลูกของคุณทั้งสองคนตอนนี้อายุเท่าไหร่แล้ว

คุณรู้ไหมว่าซินหรานโตกว่าพวกเขา แต่ว่าขนาดตัวกลับแทบไม่ได้ต่างจากลูกทั้งสองคนของคุณเลยสักนิด ทั้งหมดก็เป็นเพราะว่าเธอไม่ได้รับการดูแลที่ดี”

เจียงซินเฉียวได้ยินดังว่าก็นิ่งขรึมไปสักพัก แต่ก็ยังคงไม่พูดอะไรออกมา

สถานการณ์เช่นนี้เธอเคยคาดเดาเอาไว้ว่ามันจะเกิดขึ้น แต่ว่าก็ไม่เคยที่จะเก็บเอามาใส่ใจ

“โอเค งั้นถือเอาเสียว่าที่ผ่านมาในอดีตคุณไม่เคยที่จะสนใจ แต่ว่าตอนนี้เธอได้รับอุบัติเหตุ และขณะนี้เองก็นอนป่วยอยู่บนเตียง เอาแต่เอ่ยปากเรียกหาแม่อยู่ตลอด คุณจะไม่ไปดูเธอสักหน่อยเลยเหรอ ตอนนี้เธอจำเป็นที่จะต้องได้รับการดูแลจากแม่.........”

และในขณะที่เวินหนิงกำลังอ้อนวอนอย่างขมขื่นนั้น เจียงซินเฉียวเองก็รู้สึกหวั่นไหวอยู่เล็กน้อย จากนั้นลูกทั้งสองคนของเธอก็ดึงชายเสื้อของเธอเอาไว้ “แม่ คุณพ่อโทรมาหา บอกว่าจะมารับพวกเราเอง”

เจียงซินเฉียวจึงได้สติกลับมา และก็นึกขึ้นได้ว่าหลี่ซือหมิงอาจมาเห็นเข้าได้ “ขอโทษด้วย คุณเป็นคนดีมากจริงๆ และในเมื่อก็เป็นเช่นนี้แล้ว งั้นเรื่องของเด็กฉันฝากคุณด้วยก็แล้วกันนะ”

กล่าวจบ ก็รีบจูงมือเด็กทั้งคนจากไปอย่างรีบร้อน

“เดี๋ยวสิ”

เวินหนิงเห็นดังว่าก็จึงดึงชายเสื้อของเธอเอาไว้ แต่เจียงซินเฉียวก็ราวกับกลัวว่าเธอจะได้เข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้ต่อ จึงผลักเธอออกไปในทันที

เวินหนิงที่ไม่ได้คาดคิดถึงการกระทำนี้ ทันทีที่ถูกผลักออกก็ล้มลงไปกับพื้น หัวไปกระแทกเข้ากับโต๊ะ ทำให้ชั่วขณะนั้นรู้สึกมึนหัวไปหมด

เหอจื่ออันที่เห็นเหตุการณ์ก็รีบวิ่งเข้ามาหา

เรื่องราวทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วมาก ตัวเขาเองก็เข้าไปช่วยเอาไว้ไม่ทัน

“หนิงหนิง เป็นอะไรไหม”

เวินหนิงที่แต่แรกเดิมทีก็รู้สึกไม่สบายอยู่แล้ว เมื่อล้มลงไปเช่นนี้ ก็รู้สึกเวียนหัวมากกว่าเดิม

ครุ่นคิดไปสักพัก จึงได้ถ่ายภาพฉากตรงหน้าเก็บเอาไว้ แล้วส่งต่อไปให้ลู่จิ้นยวน

ไม่แน่ว่า ถ้าหากให้พวกเขาเลิกกัน สำหรับนายใหญ่แล้วอาจจะเป็นเรื่องที่ดีกว่าก็เป็นได้

เมื่อเขาคิดเช่นนั้นแล้วก็ขับรถจากออกไป

……….

ลู่จิ้นยวนอยู่ในโรงพยาบาลและกำลังใช้คอมพิวเตอร์อยู่ แม้ว่าคุณหมอจะบอกให้ตัวเขาพักผ่อนเยอะๆ แต่ว่า เขาเป็นคนที่พักไม่เป็น อีกทั้ง ถ้าหากว่าต้องนอนพักอยู่บนเตียงเฉยๆ ก็คงจะหลีกเลี่ยงให้ต้องคอยรับมือหยงซือเหม่ยคนที่ไร้ความละอายเช่นเธอไม่ได้

ดังนั้น เขาจึงทำงานหลายอย่างอยู่ตรงนั้น เอางานมาเป็นข้ออ้าง หยงซือเหม่ยจึงไม่อาจหาเหตุผลที่จะมารบกวนเขาได้เลย

และในขณะที่ลู่จิ้นยวนกำลังมองดูเอกสารอยู่นั้น โทรศัพท์ก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นมา

เป็นรูปภาพหลายรูปถูกส่งเข้ามาในกล่องข้อความของเขา

ทันทีที่เปิดออกดู แววตาของลู่จิ้นยวนก็ปรากฏไฟโกรธอันโชติช่วงคุกรุ่น

ในรูปปรากฏภาพที่เหอจื่ออันกำลังอุ้มเวินหนิงอยู่ อีกทั้งยังเป็นท่าอุ้มเจ้าหญิง และสถานที่ที่ทั้งสองคนไปนั้นก็คือสวนสนุก

เป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งที่ลู่จิ้นยวนรู้สึกราวกับว่ามีมีดที่มีอยู่มากมายจนนับไม่ทั่วกำลังเชือดเฉือนร่างของเขาอยู่

ต่อให้เห็นภาพเวินหนิงคอยดูแลแม่อยู่ที่โรงพยาบาล หรือว่าดูแลลู่อันหรานที่โรงเรียน เขาก็ไม่มีทางที่จะรู้สึกทรมานได้เท่าเช่นนี้

เพราะว่าตัวเขาก็ยังคงที่จะกล่าวปลอบใจตนเองได้ว่าเป็นเพราะเวินหนิงยุ่งอยู่เอามากๆ มีธุระให้ทำถึงได้ไม่สามารถมาเยี่ยมเขาได้ และถึงขนาดที่ว่าไม่แม้แต่จะโทรมาหาเขาเลยสักครั้ง

แต่ว่า เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเธออยู่ที่สวนสนุก อีกทั้งยังอยู่ด้วยกันกับเหอจื่ออัน

“นายครับ ผมรู้สึกว่าการที่นายรอผู้หญิงคนนี้อย่างขมขื่น มันไม่คุ้มค่าเลยนะครับ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงแค้นแสนรัก