เป่ยหมิงฉี่เลิกคิ้วมองมา “เจ้าอยากให้ข้าตอบแทนอย่างไร”
“ยกพื้นแผ่นดินของแคว้นเป่ยลี่สักครึ่งหนึ่งมาเสียก่อน แล้วก็ม้าหลายแสนตัว และแก้วแหวนเงินทองแสนกล่องด้วย” เริ่นเซวียนเอ๋อร์พูดอย่างไม่เกรงใจ
เป่ยหมิงฉี่กลอกตาทันที “เจ้าไปปล้นดีกว่าไหม”
“เจ้าเป็นฮ่องเต้ของแคว้นเป่ยลี่ ชีวิตของเจ้ายังสู้พวกของนอกกายต่ำต้อยเหล่านี้ไม่ได้หรือ” เริ่นเซวียนเอ๋อร์ย้อนถาม
“ยกม้าและแก้วแหวนเงินทองให้เจ้าก็ได้ แต่ยกพื้นแผ่นดินไม่ได้ แคว้นเป่ยลี่สถาปนาขึ้นด้วยชีวิตและเลือดของบรรดาทหารของแคว้นเป่ยลี่ จะไม่ยกให้เจ้าแม้แต่น้อย” เป่ยหมิงฉี่แค่นเสียงหึอย่างเย็นชา
“ขี้เหนียวเชียวเลย ไม่แกล้งเจ้าแล้ว เจ้าแค่ดูแลรั่วเฟิงซีและเด็กน้อยก็พอแล้ว ข้าไม่ต้องการอย่างอื่น แคว้นเทียนจิ่วของข้ามีดินแดนกว้างใหญ่และมีทรัพยากรที่สมบูรณ์ ใครจะไปสนใจของที่ไร้ค่าของเจ้าล่ะ” เริ่นเซวียนเอ๋อร์เม้มริมฝีปาก
“ข้าจะรักใคร่และดูแลฮองเฮาของข้าเป็นอย่างดี เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวล” เป่ยหมิงฉี่ตอบ
“งั้นก็ดีแล้ว ตอนนี้สารพิษที่อยู่ร่างของเข้าถูกถอนออกมาแล้ว เจ้าไปสั่งคนเตรียมอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มและวางไว้ในบอลลูนอากาศร้อน ข้ายังต้องไปเที่ยวภูเขาเที่ยวแม่น้ำกับเสด็จอาเก้าเลย” เริ่นเซวียนเอ๋อร์พูด
“ได้ ข้าจะสั่งคนไปเตรียมเดี๋ยวนี้” เป่ยหมิงฉี่ออกคำสั่งทันที
“เซวียนเอ๋อร์ สุขภาพของฝ่าบาทยังไม่หายดี เจ้าและเซ่อเจิ้งอ๋องค้างอยู่ที่นี่อีกสักสองสามวันดีไหม” รั่วเฟิงซีถามอย่างกังวลใจ
“ไม่จำเป็นหรอก สุขภาพของเขาแข็งแกร่งราวกับวัว เพียงแค่ถูกพิษจึงอ่อนแออยู่ พักผ่อนสักสองสามวันและกินอาหารบำรุงร่างกายเยอะๆก็จะหายดีอย่างแน่นอน เขาก็ได้กินยาถอนพิษของหยุนถิงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพิษที่รุนแรงแค่ไหนก็คงถอนออกมาแล้ว วางใจเถอะ” เริ่นเซวียนเอ๋อร์อธิบาย
“งั้นก็ดี” รั่วเฟิงซีถึงได้รู้สึกโล่งใจ
เป่ยหมิงฉี่รีบสั่งคนไปเตรียมอาหารมากมายหลายชนิดเต็มโต๊ะ เริ่นเซวียนเอ๋อร์และกู้จิ่วเยวียนกินจนอิ่มดื่มจนพอถึงขึ้นบอลลูนอากาศร้อน
เป่ยหมิงฉี่ไปอำลาพวกเขาด้วยตนเอง เมื่อเห็นบอลลูนอากาศร้อนบินขึ้นอากาศ ในใจของเป่ยหมิงฉี่ก็เกิดความคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา เมื่อพวกเขาได้บินออกไปไกล เขาก็รีบไปเขียนจดหมายถึงหยุนถิง และสั่งให้คนส่งมันไปให้อย่างเร่งด่วน
“ฝ่าบาท สารพิษเพิ่งถอนออกมาไม่นาน ควรพักผ่อนให้มากขึ้น” รั่วเฟิงซีพูดอย่างเอาใจใส่
“ช่วงนี้ลำบากเจ้าแล้ว ตอนนี้ข้าตื่นแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงอีก พักผ่อนให้ดีๆเถอะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าก็อยู่ที่นี่!” เป่ยหมิงฉี่มองเบ้าตาคล้ำของรั่วเฟิงซี และพูดอย่างทุกข์ใจ
“ฝ่าบาททรงปลอดภัย หม่อมฉันก็สบายใจแล้ว”
…………………………
ณ แคว้นต้าเยียน ตระกูลหยุน
แม่ว่าหยุนซูเป็นลูกสาวที่เกิดจากอนุภรรยา แต่นางก็เป็นน้องสาวของหยุนถิงด้วย บรรยากาศของทั่วตระกูลหยุนสนุกสนานร่าเริงอย่างเต็มที่ มีคนมากมายมาส่งของขวัญทุกวัน
ณ ห้องหนังสือ ซูนฟั่งมองไปที่หยุนเฉิงเซี่ยงด้วยสายตาเอาจริงเอาจัง “หยุนเฉิงเซี่ยง ข้าอยากเลื่อนงานแต่งงานได้ไหม”
สีหน้าของหยุนเฉิงเซี่ยงเปลี่ยนไปทันที “ทำไม เจ้ากลับใจและไม่อยากแต่งงานกับซูเอ๋อร์แล้วหรือ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ข้ารักซูเอ๋อร์ที่สุด ชาตินี้ข้าจะแต่งงานกับนางคนเดียวเท่านั้น จะกลับใจได้อย่างไร” ซูนฟั่งรีบยืนยันความในใจทันที
“งั้นคือเพราะอะไรหรือ หากเจ้าไม่มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผล ข้าจะตีให้ขาของเจ้าหัก” หยุนเฉิงเซี่ยงโกรธจัด
“เพราะข้าได้ข่าวว่า คนของตระกูลเวินกำลังขนส่งพวกม้า อาวุธ และกำลังคนไปยังเมืองหลวงของแคว้นต้าเยียนด้วยช่องทางหลากหลาย บัดนี้พวกซวนอ๋องและแม่ทัพโม่กำลังจัดการเรื่องนี้อยู่ คงจะต้องเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด
ตระกูลเวินหายตัวนานกว่าสิบปีและหวนกลับคืนมาอีก มันต้องมีการเตรียมตัวอย่างดีแน่ พอดีงานแต่งของข้าและซูเอ๋อร์จะจัดขึ้นในไม่กี่วันให้หลัง ข้ากลัวว่าพวกเขาจะฉวยจังหวะนี้ทำอะไรซูเอ๋อร์หรือตระกูลหยุน
เดี๋ยวแขกจะรวมตัวกันและกลายเป็นความยุ่งเหยิง ทำให้ยากที่จะป้องกันได้ เดิมทีข่าวเหล่านี้เป็นความลับของหอข่าวกรอง และไม่ควรเปิดเผยให้ใครรู้ แต่ท่านเป็นบิดาของซูเอ๋อร์ และเป็นบิดาของซื่อจื่อเฟยด้วย ดังนั้นข้าคิดไปคิดมา รู้สึกว่าไม่ควรปิดบังท่าน” ซูนฟั่งเล่าทุกสิ่งที่เขารู้ออกมา
หยุนเฉิงเซี่ยงฮัมเพลงและเดินจากไป อารมณ์ของเขาสดใสขึ้นทันที และได้ไปเที่ยวจวนซื่อจื่อก่อนกลับไป
ซูนฟั่งได้ยินหยุนเฉิงเซี่ยงบอกว่างานแต่งจะดำเนินการตามปกติ แล้วก็ได้ข่าวว่าหยุนเฉิงเซี่ยงเพิ่งเข้าวังมาด้วย ดูเหมือนน่าจะได้รับอนุญาตจากฝ่าบาทแล้ว ดังนั้นเขาจึงรีบไปจัดการทันที
โม่หลานถือดาบไว้ในมือและมาถึงตระกูลหยุน “หยุนซู เจ้าวางใจได้เลย งานแต่งของเจ้ามีข้ามารักษาการณ์ ข้าจะไม่มีวันปล่อยให้ใครมาทำลายงานแต่งของเจ้าหรอก”
เมื่อหยุนซูเห็นท่าทางก้าวร้าวของนางก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ว่า “เจ้ากำลังจะคลอด ทำไมยังดุร้ายขนาดนี้ ระวังจะส่งผลไม่ดีต่อทารกในครรภ์นะ”
“คนที่ไม่รู้เห็นแล้วคิดว่าเจ้าไม่ใช่มาเข้าร่วมงานแต่ง แต่มาหาเรื่องต่างหาก” หยุนหลีเดินเข้ามาและแขวะ
“ข้ากลัวว่าจะมีคนมาสร้างปัญหาไง ก่อนหน้านี้ฮูหยินจูเก่อมาหาเจ้าหลายครั้งหลายครา บัดนี้หยุนถิงไม่อยู่ ข้าก็ต้องไม่ปล่อยให้คนมาแกล้งเจ้า” โม่หลานพูดอย่างกล้าหาญ
หยุนซูรู้สึกสะเทือนใจ “โม่หลาน ขอบคุณมากนะ แต่ตระกูลหยุนมีองครักษ์ลับและองครักษ์เงามังกร ปลอดภัยมาก เจ้าควรพักผ่อนให้ดีๆสิ ใกล้จะคลอดลูกแล้ว อย่าวิ่งไปวิ่งมาเลย”
“ไม่เป็นไร อย่างไรตระกูลหยุนห่างจากจวนเฉินอ๋องเพียงถนนสองสาย ถ้าปวดท้องค่อยกลับไปคลอดก็ยังทันอยู่” โม่หลานพูดอย่างเฉยเมย
“เจ้าทำให้ข้าไม่รู้ต้องตอบอย่างไรแล้วจริงๆ” หยุนหลีหมดคำจะพูด ไม่เคยเห็นมีคนเไม่รู้สึกทุกข์ร้อนขนาดนี้มาก่อน
เสวี่ยเชียนโฉวยืนอยู่เคียงข้างหยุนหลีอย่างเงียบๆ
เดิมทีโม่หลานยังอยากจะพูดอะไรอีก เฉินอ๋องก็วิ่งเข้ามาจากข้างนอกอย่างกระวนกระวาย “โม่หลาน ทำไมเจ้าถือดาบอีกแล้วนะ อย่าทำให้ลูกของข้าตกใจ”
โม่หลานกลอกตาใส่เขา “ถ้าลูกชายตกใจง่ายขนาดนี้ เมื่อคลอดเกิดมาข้าจะทุบตีเขาให้ตายเลย”
“เจ้ากล้าหรือ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ
อัพต่อด้วยจ้า...
รอตอนต่อจ้า...
แต่ละบทที่่อ่านแล้ว ควรมีสีหรือเครื่องหมายที่แตกต่างกัน ผู้อ่านจะได้ทราบว่าเรืื่องนี้อ่านไปถึงบทไหนแล้ว...
รำคานโฆษณาที่เลื่อนเข้ามา เข้าใจได้ว่าต้องหารายได้ แต่ควรนำไปวางไว้ด้านล่างสุด ไม่ด้านซ้ายก็ด้านขวา จะได้ไม่เสียอารมณ์ในการอ่าน ปกติโฆษณาที่อยู่ระหว่างหน้าก็ใหญ่และมากอยู่แล้ว...
ขอร้องทงทีมงานช่วยอัพเดทจนจบด้วยนะคะ😭😭😭😭😭...
เรื่องนี้ทางทีมงานจะอัพเดทต่อมั้ยค่ะ😭...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ😭🙏🏻...
เมื่อไหร่จะอัพเพิ่มค่ะหายไปเป็นเดือนแล้วนะ...
รอค่ะ ตามเรื่องนี้มานานมาก อัพตอนต่อจาก 1070 ให้หน่อยค่ะ...
สนุกมากค่ะ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะรบกวนลงต่อให้จบด้วยค่ะ กำลังสนุก...