จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 1030

ฉีเทียนเจียวตกตะลึง มองไปทางดอกไม้ไฟกลางอากาศโดยสัญชาตญาณ “หมายความว่า เจ้าเจตนาถูกข้าจับมางั้นหรือ?”

“ถ้าไม่อย่างงั้นล่ะ ระหว่างที่เดินทางมาข้าก็ส่งคนไปตรวจสอบชัดเจนแล้ว ระยะนี้ชายแดนระหว่างแคว้นเทียนจิ่วมีโจรกำลังอาละวาดอยู่ หากจับพวกเจ้าโดยตรง พวกเจ้ายังจะไม่ซ่อนตัวกันหรอกหรือ ในเมื่อเจ้าเสนอตัวถึงที่ ข้าก็ใช้แผนซ้อนแผนได้พอดี” โม่ฉือหานกล่าวอย่างเย็นชา

“ต่ำช้า!” ฉีเทียนเจียวกล่าวด้วยความโกรธแค้น

“โจรอย่างพวกเจ้าต่ำช้ายิ่งกว่า!” โม่ฉือหานโต้กลับ

ฉีเทียนเจียวยังอยากจะพูดอะไร ลูกน้องคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาด้วยความตื่นตระหนก “แย่แล้วประมุข มีคนลอบโจมตีเราถูกล้อมเอาไว้แล้ว!”

“น่าชิงชังนัก!” ฉีเทียนเจียวต่อยหมัดไปทางโม่ฉือหานอย่างแรง

โม่ฉือหานรีบหลบออกไป ไม่เก็บซ่อนความสามารถอีก พลิกมือกลับมาโจมตีหนึ่งฝ่ามือ

ฉีเทียนเจียวรีบหลบออกไปทันที ฝ่ามือนั่นกระแทกไปบนเสาที่อยู่ด้านหลังของนางพอดี เสาที่หนาเท่าต้นขาหักเป็นสองท่อนทันที

โจรทุกคนล้วนตกใจแทบแย่ “ประมุข ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ย่อมต้องมีความหวัง รีบถอยกันก่อนเถอะ!”

ถึงแม้ฉีเทียนเจียวจะไม่เต็มใจ แต่พี่น้องเหล่านี้ล้วนร่วมเป็นร่วมตายกับนางทั้งนั้น นางจ้องมองโม่ฉือหานด้วยความโกรธแค้นครู่หนึ่ง “ความแค้นในวันนี้ ข้าจะต้องเอาคืนเป็นสองเท่าอย่างแน่นอน ทุกคนรีบถอยเร็ว!”

“คิดจะหนี ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก” โม่ฉือหานวิ่งเข้าไปทันที ขวางทางล่าถอยของฉีเทียนเจียวเอาไว้ ทั้งสองคนต่อสู้กันขึ้นมา

บรรดาทหารที่ติดตามหลีอ๋องโอบล้อมเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง เหล่าโจรต่างก็พากันหยิบดาบและกระบี่ยาวขึ้นมา ต่อสู้กับบรรดาทหารในทันที

แสงดาบเงากระบี่ เลือดไหลเป็นแม่น้ำ นาทีนี้ทั่วทั้งภูเขาเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวนที่น่าสังเวช และการลอบสังหารที่พลุ่งพล่าน

ฉีเทียนเจียวเห็นพี่น้องมากมายขนาดนั้นถูกฆ่า รู้สึกโกรธแค้นสุดขีด หยิบดาบของลูกน้องที่ตายไปขึ้นมาจากพื้น ก็ฟันไปทางโม่ฉือหาน

สายตาของโม่ฉือหานเย็นชามืดมน จับข้อมือของฉีเทียนเจียวเอาไว้ด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ ชิงดาบเล่มนั้นมาจากมือของนางโดยตรง พลิกมือพาดเอาไว้บนคอของนาง

“หยุดเดี๋ยวนี้ หากขยับอีกข้าจะฆ่านางซะ!” โม่ฉือหานคำรามออกมา

เมื่อเหล่าโจรเห็นประมุขของตัวเองถูกจับ พวกเขาก็หยุดลงทันที “ประมุข!”

“ไม่ต้องสนใจข้า พวกเจ้าฝ่าออกไปเลย!” ฉีเทียนเจียวตะโกนเสียงดัง

“ทำเช่นนั้นได้อย่างไร จะไปก็ไปพร้อมกัน จะตายก็ตายพร้อมกัน!” ลูกน้องคนหนึ่งตะโกนเสียงดัง

“ตายกันหมดแล้วยังจะแก้แค้นกันอย่างไร พวกเจ้าไม่ต้องสนใจความเป็นความตายของข้า หากข้าตายไปก็ช่วยฆ่าผู้ชายคนนี้แทนข้าก็พอ จะให้พี่น้องทุกคนมาทิ้งชีวิตเพราะข้าไม่ได้เด็ดขาด!” ฉีเทียนเจียวตะโกนเสียงดัง

โม่ฉือหานที่อยู่ด้านข้างหรี่ตาลงเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าโจรสาวคนนี้ค่อนข้างมีคุณธรรมอยู่ไม่น้อย

“ทุกคนฝ่าออกไป!” ลูกน้องคนหนึ่งตะโกนเสียงดัง โจรทุกคนพากันต่อสู้อย่างสุดชีวิต ต่อสู้กับบรรดาทหารอีกครั้ง

โม่ฉือหานเห็นพวกเขาไม่สนใจความเป็นความตายของฉีเทียนเจียวจริงๆ ก็รู้แล้วว่าตนเองใช้ฉีเทียนเจียวข่มขู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ ยกมือขึ้นมาสกัดจุดฉีเทียนเจียว จากนั้นก็เข้าร่วมการต่อสู้

เดิมทีก็เป็นโจรที่ไร้ระเบียบวินัยกลุ่มหนึ่งอยู่แล้ว ย่อมไม่สามารถเทียบได้กับค่ายทหารที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีอยู่แล้ว ชั่วครู่หนึ่งเหล่าโจรก็ถูกโม่ฉือหานและคนอื่นๆจับตัวเอาไว้

“ท่านอ๋อง จะจัดการคนพวกนี้อย่างไร?” ทหารนายหนึ่งถามขึ้นมา

“กุมตัวพวกเขาออกไปให้หมด ไต่สวนให้ชัดเจน ที่มั่นบนภูเขาน่าจะปล้นสิ่งของมาได้ไม่น้อย พวกเจ้าส่งคนไปคืนชาวบ้านละแวกนี้ให้หมด คืนนี้เราจะพักผ่อนที่นี่ พรุ่งนี้ค่อยวางแผนระยะยาวต่อไป” โม่ฉือหานออกคำสั่ง

“ขอรับ!”

บรรดาทหารกุมตัวเหล่าโจรทั้งหมดออกไป รวมถึงฉีเทียนเจียวด้วย

“ท่านอ๋อง เหตุใดถึงไม่ฆ่าโจรพวกนี้โดยตรงล่ะ?” คนสนิทเข้ามาสอบถาม

“เจ้าคิดว่าโจรกลุ่มเล็กๆกลุ่มหนึ่ง กล้าก่อปัญหาที่ชายแดนระหว่างสองแคว้นหรือ?” โม่ฉือหานถามกลับ

คนสนิทตกตะลึง “ท่านอ๋องสงสัยว่า เบื้องหลังของพวกเขายังมีคนหรือ?”

“เตรียมพร้อมเรียบร้อยหมดแล้ว รอแค่คำสั่งของนายท่านเท่านั้น!” คนผู้นั้นตอบด้วยความเคารพนบนอบ

“ตกลง ในเมื่อหลีอ๋องเสนอตัวมาถึงที่ เช่นนั้นก็ลงมือกับเขาก่อนเลย!” นัยน์ตาของป๋อจิ้งมีความโหดเหี้ยมเล็กน้อยแว๊บผ่านไป

จากนั้นเหล่าทหารที่หลีอ๋องส่งออกไปคืนสิ่งของชาวบ้าน ก็ถูกลอบสังหารจนหมด ทักษะการต่อสู้ของอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าโจรพวกนั้นมาก ใช้พิษใช้ยา บางคนถึงขั้นปลอมตัวเป็นชาวบ้าน ใช้วิธีการทุกอย่างเท่าที่จะทำได้........

เวลาแค่หนึ่งวัน ต้าเยียนก็สูญเสียเหล่าทหารไปเกือบครึ่ง

คนของป๋อจิ้งล้วนนับถือเขาจนอยากจะก้มลงกราบเลยทีเดียว “นายท่านปราดเปรื่องยิ่งนัก เวลานี้หลีอ๋องกำลังเต้นเร่าๆด้วยความโกรธอยู่เลย”

ป๋อจิ้งยิ้มเย้ยหยัน “ทหารของต้าเยียนได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี หากอยู่ด้วยกันย่อมไม่สามารถโจมตีได้ง่าย แต่เมื่อพวกเขาแยกจากกันก็จะเป็นเวลาที่ดีที่สุด”

“นายท่าน เราจะทำอย่างไรต่อไป?” ลูกน้องคนหนึ่งกล่าวถามขึ้นมา

“ให้คนส่งจดหมายไปที่ต้าเยียน บอกว่าหลีอ๋องถูกจับเป็นเชลยแล้ว หากต้องการช่วยคนก็ให้หยุนไห่เทียนนำทหารมาที่นี่!” เสียงที่เย็นยะเยือกของป๋อจิ้ง ไม่มีความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย

“ขอรับ!” ลูกน้องคนหนึ่งรีบเขียนจดหมายให้นกพิราบสื่อสารส่งไปทันที

และในตอนที่เมืองหลวงแคว้นต้าเยียนได้รับข่าว ก็เป็นเวลาสิบวันให้หลังแล้ว

วันนี้เป็นวันที่โม่หลานอยู่ไฟหลังคลอดครบหนึ่งเดือนพอดี ตอนเช้าตรู่เฉินอ๋องก็ให้บ่าวรับใช้ส่งข้าวของอยู่ไฟหลังคลอดทั้งหมดของโม่หลานออกไป

โม่หลานสวมชุดอยู่ไฟที่หยุนถิงเตรียมเอาไว้ให้นาง ห่อเอาไว้อย่างแน่นหนา “หนึ่งเดือนมานี้รบกวนพวกเจ้าแล้ว หากไม่ใช่เพราะกลัวรบกวนการพักผ่อนของพวกเจ้า ข้าอยากจะอยู่ในจวนซื่อจื่อไม่จากไปไหนจริงๆ”

“หากเจ้ายังไม่กลับไปอีก จวนซื่อจื่อคงจะถูกเจ้ากินจนล้มละลายแล้ว” หยุนหลีกล่าวเย้าแหย่

ได้เห็นท่าทางดื่มซุปขาหมูมื้อละสามถ้วยของโม่หลาน หยุนหลีมีปมในใจต่อการอยู่ไฟหลังคลอดจริงๆ

“เฉินอ๋องของข้ามีเงิน ให้เขาจ่ายเงินก็พอ” โม่หลานกล่าวอย่างไม่เห็นด้วย หันหน้ามองไปทางหยุนถิง “ขอบใจเจ้ามาก เจ้าคือผู้มีพระคุณที่ช่วยลูกชายของข้า ต่อไปหากมีความต้องการอะไรก็บอกมาได้เลย บุกน้ำลุยไฟข้าไม่มีปฏิเสธแน่นอน!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ