รั่วชูสีหน้าตึงเครียด “ใช่! แต่ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย ต่อให้ข้าต้องตายก็ไม่มีวันทำร้ายพระองค์เด็ดขาด”
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนผู้นั้นคือใคร?” ชางหลันเย่ถามประเด็นสำคัญ
รั่วชูส่ายหัวบอก “ข้าไม่เคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเขามาก่อน ครั้งนั้นที่เจอเขา เขาใส่หน้ากากไว้ มองไม่เห็นโฉมหน้าเลย ต่อมาก็มีคนอื่นมาส่งข้าวส่งน้ำส่งเสื้อผ้าให้ข้า ก็ทำแค่วางไว้หน้าประตูแล้วก็ไป ไม่เคยเห็นคนอื่นเลย ดังนั้นข้าเลยไม่รู้ว่าเขาคือใคร”
ชางหลันเย่คิ้วขมวดเป็นปม ดวงตาดำขลับราวความมืดมิดทุ้มลึกนัก ไม่ได้พูดอะไรอีก
ทันใดนั้น รั่วชูพลันคลานขึ้นมาคุกเข่าลงหน้าชางหลันเย่ “ฝ่าบาท ผิดมากผิดน้อยก็เป็นความผิดของรั่วชูทั้งหมด รั่วชูสมควรตาย ข้ารู้ดีว่าตนไม่มีหน้าอยู่ข้างกายฝ่าบาทอีกแล้ว ข้าแค่ขอให้ฝ่าบาททรงประหารข้าเถิด!”
เจว๋เฟิงมองมาอย่างเย็นชาและไม่คิดขอร้องเลยสักนิด
หลายปีมานี้ฝ่าบาทใช้ชีวตอย่างอยู่ไม่สู้ตายที่แคว้นต้าเยียน ไม่ง่ายเลยที่จะกลับมาเจอคนคุ้นเคยที่นี่ หากนางกลับเป็นไส้ศึกที่คนอื่นจัดวางไว้ข้างกายพระองค์ หากมิใช่เพราะเมื่อครู่รั่วชูเสี่ยงอันตรายเข้าช่วยไว้ ตอนนี้เจว๋เฟิงก็คงฆ่ารั่วชูอย่างไม่ลังเลแน่นอน
คนของกองทัพขนหงส์เองก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะอย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องของแคว้นชางเยว่
ชางหลันเย่เห็นสีหน้าทุกข์ทรมานจนซีดเผือดของรั่วชู พลางถอนหายใจออกมา “ลุกขึ้นเถอะ เมื่อครู่หากมิใช่เจ้า ข้าคงตายไปแล้ว ถือว่าความชอบลบล้างความผิดกันไป”
รั่วชูมองมาอย่างตกตะลึง “ฝ่าบาท ไม่โทษหม่อมฉันรึ?”
“ทำไมต้องโทษเจ้าด้วย เจ้าเองก็ไม่ได้มีอิสระอะไร ลุกขึ้นเถอะ ยังบาดเจ็บอยู่ด้วยนี่” ชางหลันเย่ตอบ
“ขอบพระทัยฝ่าบาท” รั่วชูกะพริบตาแดงๆถี่ๆอย่างซาบซึ้ง ก่อนจะคลานขึ้นมาจากพื้น
เช้าวันต่อมา ชางหลัวอวี้เข้าวังแต่เช้าตรู่ ตั้งแต่ชางหลันเย่ขึ้นครองบัลลังก์ ชางหลัวอวี้ก็ได้รับแต่งตั้งเลื่อนขั้นจากองค์ชายสี่เป็นอวี้อ๋อง
“เสด็จพี่ วันนี้ข้าได้ยินว่าเมื่อคืนมีนักฆ่าลอบเข้าวังมาแต่เช้าตรู่เลย ท่านได้รับบาดเจ็บหรือไม่?” ชางหลัวอวี้พูดด้วยสีหน้ากังวล
“ข้ามิเป็นไร” ชางหลันเย่ตอบ
ชางหลัวอวี้มองสำรวจทั่วตัวชางหลันเย่ ก่อนจะโล่งอก “ท่านไม่เป็นไรก็ดี สืบรู้หรือไม่ว่าเป็นฝีมือใคร กล้ามาลอบฆ่าในวัง ไม่อยากมีชีวิตแล้วกระมัง?”
“สำนักยมบาล!” ชางหลันเย่ตอบตามตรง
ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด เจ้าสี่ดีกับเขาที่สุด ดังนั้นชางหลันเย่เลยไม่ได้ปิดบัง
“สำนักยมบาล นั่นมันองค์กรนักฆ่าอันดับหนึ่งของยุทธภพมิใช่รึ หรือว่าเสด็จพี่ท่านไปมีเรื่องกับคนที่ไม่ควรข้องเกี่ยวด้วยงั้นรึ?” ชางหลัวอวี้ถามอย่างสงสัย
ชางหลันเย่ส่ายหัวบอก “ข้าเองก็อยากรู้คำตอบ”
“งั้นเสด็จพี่ท่านหนีรอดมาได้ยังไงล่ะ หรือว่ามุดรูหมาหนี?” ชางหลัวอวี้ถามเย้าเล่น
“กองทัพขนหงส์น่ะ คนของหยุนถิงมาช่วยข้าไว้”
“เสด็จพี่ปลอดภัยก็ดีแล้ว ซื่อจื่อเฟยนี่มาช่วยได้ทันเวลาจริงนะ ช่วยฝ่าบาทไว้อีกแล้ว ระยะนี้หม่อมฉันคิดค้นของเล่นมากมาย ไว้จะส่งมาให้เสด็จพี่สักหลายชิ้นนะ” ชางหลัวอวี้บอกอย่างภูมิใจ
“สมบัติพวกนั้นของเจ้าน่ะเก็บไว้ให้ตนเองเถอะ ไม่มีอะไรก็อย่าเข้าวังล่ะ ระยะนี้ในวังไม่ค่อยสงบเท่าไหร่” ชางหลันเย่กำชับ
“ในเมื่ออันตรายขนาดนี้ เสด็จพี่ย้ายไปจวนข้าดีหรือไม่?”
“หากข้าไป น่ากลัวจะไม่ปลอดภัยแล้วล่ะ หากสมบัติพวกนั้นของเจ้าโดนทำลาย เจ้าไม่ลุกขึ้นมาด่ากราดรึ” ชางหลันเย่กระเซ้า
นั่นไงพอได้ยินอย่างนั้น ชางหลัวอวี้ทำหน้างกขึ้นมาทันที “เช่นนั้นไม่ได้นะ นั่นน่ะสมบัติข้าทั้งนั้น เสด็จพี่คิดซะว่าไม่ได้ยินข้าพูดก่อนหน้านี้แล้วกัน ข้ายังมีงานต้องทำ ไปก่อนนะ”
ชางหลันเย่มองตามแผ่นหลังหนีแจ้นอ้าวไปเลย ยิ้มหน่ายใจออกมา
“ฝ่าบาท ในหมู่ท่านอ๋องและองค์หญิง อวี้อ๋องสนิทกับท่านที่สุด พอเกิดเรื่องเขาก็มาเป็นห่วงทันที ช่างเป็นพี่น้องที่รักปรองดองกันจริงๆ!” เจว๋ไห่คนสนิทบอก
“พ่อก็คิดถึงพวกเจ้า” จวินหย่วนโยวบอก และยกมือโอบหยุนถิงกับลูกทั้งสองเข้ามาในอ้อมกอด
แสงตะวันอบอุ่นสาดส่องเข้ามา สาดลงมาที่ครอบครัวนี้ ดูอบอุ่นยิ่งนัก บรรยากาศดียิ่ง
“ซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟยกลับมาแล้ว!” รั่วจิ่งร้องตะโกนเสียงดัง ทั่วทั้งจวนซื่อจื่อครึกครื้นขึ้นมาทันที พวกหลิงเฟิงเร่งรุดมาทันที พอเห็นซื่อจื่อเฟยกับจวินซื่อจื่อกลับมาอย่างปลอดภัย ทุกคนยินดีกันยิ่งนัก
รั่วจิ่งรีบให้ห้องครัวทำอาหารทันที หลิงเฟิงกลับส่งคนไปบอกตระกูลหยุน ซูหลินและเยว่เอ๋อร์เร่งรีบมาด้วยกัน
“ซื่อจื่อเฟย พวกท่านไปกันครั้งนี้นานขนาดนี้ เจออันตรายหรือไม่ ครั้งหน้าไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะไปกับพวกท่านด้วยได้หรือไม่?” ซูหลินถามอย่างเป็นห่วง
หยุนถิงยิ้มบาง “วางใจเถอะ ทุกอย่างเรียบร้อยดี พวกข้ากลับมากันอย่างปลอดภัยแล้วมิใช่รึ”
“พี่หญิงใหญ่ ท่านกลับมาได้เสียที ข้าเป็นห่วงแทบตาย” ด้านนอกประตู หยุนหลีวิ่งเข้ามา
นางผ่านมาทางจวนซื่อจื่อพอดี เดิมอยากมาถามว่าพี่หญิงใหญ่กลับมาหรือยัง และได้เห็นทุกคนที่ยืนอยู่หน้าประตู เลยรีบพุ่งเข้ามาหาทันที
หยุนถิงเห็นน้องหญิงสี่ ย่อมดีใจอยู่แล้ว “พวกเราพึ่งเข้าจวนมาเอง เจ้ามาได้อย่างไรน่ะ ข้ากำลังจะให้คนมาเรียกพวกเจ้ามากินข้าวที่จวนซื่อจื่อพอดีเลย”
“พีหญิงใหญ่ดีที่สุดเลย ไม่ต้องเรียกหรอก ข้ามาเองแล้ว” หยุนหลียิ้มแหะๆ “พี่หญิงใหญ่ ข้าบอกท่านเรื่องหนึ่งเลยนะ ระยะนี้วี่รั่วฉิงชอบไปปีนกำแพงจวนซวนอ๋องบ่อยๆ ดูท่ากำแพงคงทรุดแน่เลย”
“หยุนถิงสีหน้าประหลาดใจ “วี่รั่วฉิงชอบพอซวนอ๋อง น่าสนใจนะ แล้วซวนอ๋องล่ะ?”
“ซวนอ๋องยังคงไม่เปิดช่องโหว่เลยสักนิดอยู่อย่างนั้น ว่ากันว่าสตรีไล่ตามขอความรักบุรุษนั้นง่ายเพียงผ้าบางๆขวางกั้น แต่วี่รั่วฉิงน่ะใช้ทุกวิถีทางแล้วจริงๆนะ ซวนอ๋องไม่หวั่นไหวเลยสักนิด ข้าสงสัยว่าเขาคงโดดเดี่ยวไปจนตายแน่แล้ว!” หยุนหลีบ่นอุบ
พอได้ยินคำว่าโดดเดี่ยวไปจนตาย หยุนถิงรู้สึกปวดใจนัก
นางไม่อยากให้โม่เหลิ่งเหยียนต้องโดดเดี่ยวไปจนตาย คนยอดเยี่ยมอย่างเขาไม่ควรจะเป็นอย่างนี้ เขาควรจะมีความสุขเป็นของตัวเองสิ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ
อัพต่อด้วยจ้า...
รอตอนต่อจ้า...
แต่ละบทที่่อ่านแล้ว ควรมีสีหรือเครื่องหมายที่แตกต่างกัน ผู้อ่านจะได้ทราบว่าเรืื่องนี้อ่านไปถึงบทไหนแล้ว...
รำคานโฆษณาที่เลื่อนเข้ามา เข้าใจได้ว่าต้องหารายได้ แต่ควรนำไปวางไว้ด้านล่างสุด ไม่ด้านซ้ายก็ด้านขวา จะได้ไม่เสียอารมณ์ในการอ่าน ปกติโฆษณาที่อยู่ระหว่างหน้าก็ใหญ่และมากอยู่แล้ว...
ขอร้องทงทีมงานช่วยอัพเดทจนจบด้วยนะคะ😭😭😭😭😭...
เรื่องนี้ทางทีมงานจะอัพเดทต่อมั้ยค่ะ😭...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ😭🙏🏻...
เมื่อไหร่จะอัพเพิ่มค่ะหายไปเป็นเดือนแล้วนะ...
รอค่ะ ตามเรื่องนี้มานานมาก อัพตอนต่อจาก 1070 ให้หน่อยค่ะ...
สนุกมากค่ะ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะรบกวนลงต่อให้จบด้วยค่ะ กำลังสนุก...