จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 132

ผู้จัดการร้านเห็นหยุนถิงต้องการจะท้าประลองจริงๆ ก็ตื่นเต้นอย่างมาก สั่งให้ลูกน้องไปเรียกคนมา เตรียมการท้าประลอง

หยุนถิงเดินขึ้นไปอย่างวางมาด เมื่อเทียบกับความแออัดในชั้นหนึ่งแล้วชั้นสองก็กว้างขวางกว่ามาก ทั่วทั้งชั้นสองที่กว้างใหญ่มีโต๊ะวางเรียงกันเก้าโต๊ะตามลำดับ ยังมีสถานที่สำหรับพักผ่อนอีกด้วย

“ซื่อจื่อ พวกท่านพักผ่อนที่นี่เถอะ” หยุนถิงเอ่ยปาก

“ได้” จวินหย่วนโยวเดินไปด้านข้างของโต๊ะ หลิงเฟิงกับหลงเอ้อก็ติดตามไปเช่นกัน

ผู้จัดการร้านสั่งให้คนรับใช้ยกน้ำชาติ่มซำ แล้วก็ผลไม้ขึ้นมา วางบนโต๊ะด้านหน้าของจวินหย่วนโยวทันที

“ผู้จัดการร้านรีบเริ่มกันเถอะ ข้ายังต้องกลับไปนอนกลางวันกับซื่อจื่อของข้า” หยุนถิงกล่าวเร่งเร้า

“ขอรับ ขอรับ” ผู้จัดการร้านจากไปให้คนขึ้นมา

ผู้ชายอายุสี่สิบเศษๆคนหนึ่งขึ้นมา รูปร่างเตี้ยเล็ก หน้าตาธรรมดาๆ ในดวงตารูปสามเหลี่ยมมีลักษณะที่เฉียบแหลม แค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นคนเฉลียวฉลาดมีไหวพริบ

“ฮูหยิน ข้าขอแจ้งท่านเอาไว้ก่อน ฐานของโต๊ะหมายเลขหนึ่งอยู่ที่หนึ่งหมื่นตำลึง เดาสูงต่ำลูกเต๋าสามลูก ท่านมีโอกาสสามครั้ง” คนผู้นั้นเอ่ยปากขึ้นมา

“เริ่มเลยเถอะ” หยุนถิงหยิบตั๋วเงินหนึ่งหมื่นตำลึงตบลงไปบนโต๊ะ

“ฮูหยินช่างเป็นคนเด็ดขาดตรงไปตรงมาจริงๆ เช่นนั้นข้าขอเริ่มเลย” คนผู้นั้นเขย่าตะแกรงทันที

ทุกคนที่อยู่ชั้นหนึ่งต่างก็พากันรู้สึกประหม่า ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่าหยุนถิงจะแพ้ แต่ในตอนที่ยังไม่เปิดฝาครอบออก ทุกคนก็ยังมีความคาดหวังอยู่เล็กน้อย

แต่แล้ว เมื่อฝาครอบเปิดออก คาดไม่ถึงว่าหยุนถิงจะชนะ

“โต๊ะหมายเลขสอง” หยุนถิงลุกขึ้นและตรงไปยังโต๊ะหมายเลขสอง

คนที่ทอยลูกเต๋าคนนั้นยังตกตะลึง จ้องมองลูกเต๋าที่อยู่ด้านในอย่างตะลึงงัน“เป็นไปได้อย่างไร?”

เขาทอยเป็นสูงแท้ๆ ทำไมถึงกลายเป็นต่ำได้

ผู้จัดการร้านเห็นท่าทางเห็นผีของเขา ใบหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ“โต๊ะหมายเลขหนึ่งฮูหยินชนะ เด็กๆ โต๊ะหมายเลขสอง”

ทุกคนที่อยู่ด้านล่างต่างก็ฮือฮากันขึ้นมา“คิดไม่ถึงว่าคุณหนูหยุนจะชนะ นี่คือเรื่องจริงหรือ ไม่ใช่ว่าข้าเกิดภาพหลอนใช่ไหม?” คนคนหนึ่งกล่าวถามขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“ใช่แล้ว ข้าก็เห็นเหมือนกัน เกรงว่าคงแค่โชคเข้าข้างเท่านั้น เมื่อครู่นี้นางก็เสียตลอดนี่นา”

ทุกคนต่างก็คิดว่าหยุนถิงเดามั่ว แค่โชคดี มองดูกันต่อไป

เป็นเช่นนั้นจริงๆตอนที่ถึงโต๊ะหมายเลขสอง หยุนถิงก็แพ้แล้ว และยังแพ้ไปถึงสองครั้ง ทุกคนก็ยิ่งแน่ใจว่าหยุนถิงเดามั่วเท่านั้น แต่ก็พากันประหม่าแทบแย่เช่นกัน ดีที่ครั้งที่สามหยุนถิงชนะ

“ทักษะการพนันของคุณหนูหยุนแย่เกินไปแล้ว ดูจนข้าประหม่าไปหมด ประหม่ายิ่งกว่าข้าเล่นเองเสียอีก” คนที่ชมความครึกครื้นอยู่ด้านล่างคนหนึ่งกล่าวขึ้นมา

“นั่นน่ะสิ ดีที่ครั้งนี้เดาถูก แต่ว่าข้างหลังยังมีอีกเจ็ดโต๊ะนี่นา ค่อยๆดูกันไปเถอะ”

ทุกคนไม่มีใครเล่นการพนันแล้ว ทุกคนล้วนมองดูหยุนถิงด้วยความประหม่าไร้ที่เปรียบ เห็นว่านางแพ้ก็จะอุทานว่านางล้างผลาญ เห็นนางชนะก็จะบอกว่านางโชคดี ทำเอาตัวหยุนถิงเองยังรู้สึกกระดากอายแล้ว

หยุนถิงชนะการเดิมพันในหนึ่งโต๊ะเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จากนั้นก็จงใจแพ้สองครั้ง ครั้งสุดท้ายก็ชนะ ในสายตาของทุกคนคือผ่านมาได้เพราะโชคเข้าข้าง ชนะมาตลอดทางจนถึงรอบที่ห้า

บนหน้าผากของผู้จัดการร้านมีเหงื่อเย็นผุดออกมา ดูท่าหยุนถิงจะมีความสามารถนี้อยู่เล็กน้อยจริงๆ เมื่อครู่นี้นึกว่านางแค่ฉลาดแกมโกงเล็กน้อย แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเล่นมาถึงโต๊ะหมายเลขห้าโดยตรง ผู้จัดการร้านในเวลานี้ก็ไม่กล้าประมาทแล้ว

ผู้จัดการร้านขยิบตาให้กับบ่าวรับใช้ชายที่อยู่ด้านข้าง บ่าวรับใช้ชายรีบถอยออกไปจากฝูงชนและตรงไปยังหน้าประตูทันที

จวินหย่วนโยวเห็นทุกอย่างนี้อยู่ในสายตา แต่กลับไม่ได้ขัดขวาง เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าใครคือปลาใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังบ่อนพนันฟู่กุ้ยแห่งนี้

“ฮูหยิน ข้อกำหนดของโต๊ะหมายเลขห้าคือวางเงินเดิมพันทั้งหมดที่ได้ไปจากบ่อนก่อนหน้านั้น ไม่สามารถเก็บเอาไว้ส่วนตัวได้” ผู้จัดการร้านรีบเอ่ยปากทันที

หยุนถิงยิ้มเย้ยหยัน นางรู้อยู่แล้วว่านี่คือจะวางอุบายให้ตัวเอง แต่ว่านางจะกลัวอะไร เมื่อครู่อาศัยตอนที่ทุกคนไม่ทันสังเกต นางทำสำเนาเอาไว้ในมิติหลายชุดแล้ว

“ตกลง” หยุนถิงโยนเงินที่ชนะการเดิมพันมาได้ก่อนหน้านี้ รวมไปถึงที่ได้มาจากห้องโถงชั้นหนึ่งทั้งหมดลงไปบนโต๊ะโดยไม่แม้แต่จะกะพริบตา

มองดูถุงเงินที่พองโตอันนั้น ทุกคนที่อยู่ในชั้นหนึ่งต่างก็ตกตะลึงไป

“สาวน้อย เจ้าต้องการจะเดิมพันเกมนี้จริงหรือ หากว่าแพ้ขึ้นมาเงินที่ได้ไปก่อนหน้านี้ก็จะเสียไปหมดเลยนะ?” ชายชราเอ่ยปาก

“ไม่เป็นไร ซื่อจื่อของข้ามีเงิน ไม่ขาดแคลนเงิน” หยุนถิงกล่าวตอบ

มุมปากของชายชรากระตุกขึ้นมาครู่หนึ่ง“เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เริ่มกันเถอะ”

เจ้ามือเริ่มทอยลูกเต๋า ชายชราหลับตาแล้วฟังอย่างจริงจัง ในขณะที่หยุนถิงเพียงแค่มองดูเจ้ามือที่ทอยลูกเต๋าอย่างสบายอารมณ์ ราวกับไม่ได้เป็นการแข่งขัน แต่เป็นการชมความครึกครื้น

เจ้ามือเขย่าครู่หนึ่งก็วางลง“ท่านสองท่านโปรดทายเถอะ”

ชายชราหลับตาลง สีหน้าเคร่งขรึมไร้ที่เปรียบ“สาวน้อย เจ้าเชิญก่อน”

“เช่นนั้นก็เกรงใจแย่ ต้องเคารพผู้อาวุโสและรักเมตตาเด็ก ท่านสูงวัยเชิญก่อนเถอะ” หยุนถิงกล่าวอย่างถ่อมตน

“ตกลง เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว ข้าทายสิบเอ็ด” ชายชราเอ่ยปาก

“เช่นนั้นข้าทายว่าสิบสอง” หยุนถิงกล่าวตาม

ชายชราขมวดคิ้วเล็กนั้น มองดูท่าทีที่ไม่ได้จริงจังแม้แต่น้อยของหยุนถิง คิดว่าตัวเองคงจะคิดมากไป

“ซื่อจื่อ ฮูหยินกับตาเฒ่าคนนี้ทายห่างกันเพียงหมายเลขเดียวเท่านั้น เช่นนี้ก็ได้หรือ?” หลงเอ้อกล่าวด้วยความกังวล

“นางย่อมพิจารณาได้ด้วยตัวเอง” จวินหย่วนโยวไม่เป็นกังวลแม้แต่น้อย มองมาทางนี้อย่างใจเย็น

“เปิดเถอะ” หยุนถิงกล่าว

เจ้ามือถึงได้เปิดฝาออก ผลลัพธ์คือตัวเลขสามตัวในนั้นรวมกันได้แปด ชายชราเข้าใกล้มากที่สุด ดังนั้นชายชราเป็นผู้ชนะ

หยุนถิงไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย แข่งขันต่อไป เกมที่สองก็ยังทายมากกว่าชายชราหนึ่งหมายเลขเหมือนเดิม ผลลัพธ์คือเกมที่สองหยุนถิงเป็นผู้ชนะ

ตอนนี้เหลือโอกาสเพียงครั้งสุดท้ายเท่านั้น ก็สามารถตัดสินแพ้ชนะแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ