จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 145

ซูหลินตัวแข็งทื่อทันที มองไปทางหยุนถิงที่จ้องมองลูกที่อยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง นางกอดลูกเอาไว้แน่นขึ้นโดยสัญชาตญาณ สีหน้าตึงเครียดขึ้นมาเล็กน้อย

“ไม่ต้องหรอกคุณหนูใหญ่ เด็กก็แค่เป็นไข้นิดหน่อย ข้าจะพานางไปหาหมอเดี๋ยวนี้แหละ” ซูหลินกล่าวด้วยความตื่นตระหนก

ในอดีตหยุนถิงกลั่นแกล้งทำให้นางอับอายอย่างไร จนถึงตอนนี้ก็ยังคงเด่นชัดในความทรงจำของซูหลิน ความเชื่อใจและความคาดหวังครั้งแล้วครั้งเล่าสุดท้ายก็ถูกทำให้อับอายเหยียบย่ำดูถูก ท้ายที่สุดก็กลายเป็นความผิดหวัง และสิ้นหวัง

วันเวลาเช่นนั้น นางจะไม่ให้ลูกสาวของตัวเองต้องแบกรับเด็ดขาด

หยุนถิงเห็นนางเช่นนี้ ในใจด่าว่าร่างเดิมอย่างแรงแล้ว นี่ล้วนเป็นคนที่แม่ของนางทิ้งเอาไว้ให้ทั้งนั้น ตามหลักแล้วน่าจะใกล้ชิดกับนางที่สุด ตอนนี้กลับระมัดระวังตัวจากนางราวกับระมัดระวังโจร สิ่งนี้ทำให้หยุนถิงอดดูถูกร่างเดิมไม่ได้

“โธ่เอ้ย เจ้ายังจะไปเชิญหมออีกหรือ เจ้าเอาเงินจากไหนไปเชิญหมอ ที่บ้านยากจนจนไม่มีข้าวปลาอาหารจะกินอยู่แล้ว ยังทำเป็นหน้าใหญ่อีก หรือว่าเจ้ามีเงินแอบเก็บอยู่ รีบเอาออกมาให้ข้าเลยนะ มิเช่นนั้นข้าจะ------” หลิวชิงพูดไปด่าไปพร้อมกับพุ่งตัวเข้ามา

ซูหลินยังไม่ทันได้ตอบโต้ หยุนถิงก็เตะออกไปอย่างแรงแล้ว เตะหลิวชิงลอยกระเด็นออกไป

“อ๊าก!” ได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องของหลิวชิง คนทั้งคนลอยออกไปหลายเมตร ล้มลงบนพื้นอย่างแรง ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้

ซูหลินมองอย่างประหลาดใจ มองไปทางหยุนถิงอย่างไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย

“ขอโทษด้วยนะ กากเดนมนุษย์คนนี้เสียงดังเกินไป ทุกสิ่งทุกอย่างในอดีตล้วนเป็นความผิดของข้าทั้งนั้น เป็นเพราะข้าอายุน้อยไม่ประสีประสา ไม่รู้จักหนักเบา ขอเจ้าโปรดให้โอกาสข้าได้ชดเชยสักครั้ง” หยุนถิงกล่าวขอโทษและตำหนิตัวเองอย่างยิ่ง

ซูหลินฟังจนสงสัยหูของตัวเองแล้ว นางต้องเกิดภาพหลอนแน่ๆ

คุณหนูใหญ่หยุนที่อาศัยว่าเป็นคนโปรดก็ทำตัวโอหัง หยิ่งผยองเอาแต่ใจ จองหองบ้าระห่ำไม่เห็นใครในสายตา ไม่เคยปฏิบัติต่อพวกนางกองทัพขนหงส์ในฐานะมนุษย์ ยังมักจะเปลี่ยนวิธีเหยียดหยามทรมานและทำให้พวกนางอับอายขายหน้าตลอด จู่ๆทำไมถึงเปลี่ยนนิสัยได้ ยังลดตัวมาขอโทษตัวเองอีก นี่มันน่ากลัวยิ่งกว่าสี่แคว้นทำสงครามกันเสียอีก หรือว่านางคิดกลอุบายใหม่มาทำให้ตัวเองอับอายขายหน้าได้แล้ว

“คุณหนูใหญ่ท่านจะข่มเหงรังแกทำให้ข้าอับอายขายหน้าอย่างไรก็ไม่เป็นไร แต่ว่าซีหลิ่วยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง ขอท่านโปรดเมตตาปล่อยนางไปเถอะ” ซูหลินคุกเข่าลงไปบนพื้นทันที

หยุนถิงมองดูสีหน้านางตกตะลึง ประหลาดใจ ท่าทีระมัดระวัง และป้องกันตัว ก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น รีบประคองซูหลินลุกขึ้นมาทันที

“ครั้งนี้ข้าอยากจะช่วยลูกของเจ้าจริงๆ เจ้าก็น่าจะเคยได้ยินมาแล้ว ข้ารักษาใบหน้าของซูชิงโยวจนหายดี วันนี้ฝ่าบาทก็เชิญช้าไปรักษาหลิ่วเฟยที่พระราชวัง หากว่าเจ้าไม่วางใจ สามารถมองดูข้าอยู่ด้านข้างได้ ข้าแค่อยากจะชดเชยความผิดที่ตัวเองเคยทำเอาไว้เท่านั้น

ข้าเห็นสีหน้าลูกสาวของเจ้าแดงก่ำ น่าจะเป็นไข้สูงแล้วไม่ลด จำเป็นต้องทำให้ไข้ลดและรักษาทันที มิเช่นนั้นปล่อยให้ล่าช้าต่อไป เกรงว่าเด็กจะเป็นไข้สูงจนชักเกร็งได้ หรือว่าเจ้าอยากจะให้ลูกสาวกลายเป็นคนโง่?”

ซูหลินมองไปทางหยุนถิงด้วยความตกตะลึงและประหลาดใจ นางย่อมได้ยินมาว่าหยุนถิงมีทักษะทางการแพทย์อยู่แล้ว ร่างกายของหลิ่วเฟยซูหลินก็รู้ดีเช่นกัน หมอหลวงใช้ยาสมุนไพรล้ำค่ายื้อเอาไว้ตลอดปีแต่กลับรักษาไม่หาย หากแม้แต่ฝ่าบาทก็ยังเชิญคุณหนูหยุน นั่นก็หมายความว่าทักษะทางการแพทย์ของนางดีมากจริงๆ

“คุณหนูใหญ่ ท่านสามารถช่วยลูกสาวของข้าจริงหรือ?” ซูหลินกล่าวถามด้วยความสงสัยเล็กน้อย มีแม่คนไหนไม่อยากจะให้ลูกของตัวเองหายเร็วๆ

“แน่นอนอยู่แล้ว เจ้าวางใจ ข้าจะต้องคืนลูกสาวที่กระโดดโลดเต้นให้กับเจ้าอย่างแน่นอน” หยุนถิงให้คำมั่น

ใบหน้ายังคงดำมืดราวกับถ่าน แต่ดวงตาคู่สวยคู่นั้นชัดเจน แน่วแน่ มั่นใจในตัวเอง ราวกับไม่กลัวทุกสิ่ง

“ตกลง เช่นนั้นข้าจะเชื่อใจท่านสักครั้ง หากท่านคิดร้ายกับลูกสาวของข้าจริงๆ ถึงแม้จะผิดต่อฮูหยินที่เสียไปแล้ว ข้าก็จะไม่ปล่อยท่านไป” ซูหลินกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยวไม่คำนึงถึงอะไรทั้งนั้น

ในฐานะแม่นางแข็งแกร่งดังเหล็กกล้า ลูกคือเนื้อหนังที่ร่วงหล่นลงมาจากร่างกายของนาง คือต่อมโมโหของนาง ถึงแม้จะสู้สุดชีวิตก็จะให้เกิดเรื่องกับลูกไม่ได้

“วางใจ เอาเด็กมาให้ข้าตรวจดูหน่อย” หยุนถิงเอ่ยปาก

ความอ่อนโยนของเขามีให้แค่หยุนถิงเท่านั้น สิ่งที่คนอื่นๆเห็นย่อมเป็นใบหน้าเย็นยะเยือกอยู่แล้ว

ซูหลินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย คนนอกล้วนร่ำลือกันว่าจวินซื่อจื่อโปรดปรานคุณหนูใหญ่ วันนี้ได้เห็นก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ตอนนี้นางก็วางใจได้แล้ว

“เด็กเป็นเช่นนี้มากี่วันแล้ว เป็นไข้ตลอด หรือว่าเพิ่งเป็นไข้ ไอหรือไม่?” หยุนถิงสอบถาม

ซูหลินรีบตอบทันที ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่อย่างนี้ รถม้าวิ่งไปตลอดทางจนถึงจวนซื่อจื่อ

หยุนถิงพาซูหลินมุ่งหน้าไปยังห้องรับแขก ให้พ่อบ้านไปต้มน้ำร้อน เช็ดฝ่ามือฝ่าเท้า คอ รักแร้ ข้อพับขาให้เด็กด้วยตัวเอง------

ซูหลินที่อยู่ด้านข้างมองจนเบ้าตาแดงก่ำแล้ว เมื่อครู่นี้นางยังสงสัยว่าคุณหนูใหญ่อยากจะรักษาลูกสาวของตัวเองจริงหรือไม่ เวลานี้เห็นท่าทางที่ลงมือทำเองกับมือของนาง ซูหลินรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง

ไม่ว่าในอดีตนางเคยทำอะไรกับกองทัพขนหงส์และตัวเองอย่างไร แค่สิ่งที่นางปฏิบัติกับลูกของตัวเองเช่นนี้ ซูหลินก็รู้สึกว่าอดีตล้วนไม่สำคัญ ขอเพียงลูกสาวดีขึ้นมาได้ก็สำคัญกว่าทุกสิ่งแล้ว

“เช็ดตามสถานที่ที่ข้าเช็ดไปเมื่อครู่นี้ คอยเช็ดตัวให้ลูกใหม่เป็นระยะๆ นางเป็นไข้สูงไม่ลดห้ามใส่เสื้อผ้ามากเกินไป และอย่าห่มหนาเกินไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้ามปิดเอาไว้ มิเช่นนั้นหากระบายความร้อนไม่ได้ก็จะทำให้เกิดอาการขาดน้ำ เช่นนั้นเด็กก็จบแล้วจริงๆ” หยุนถิงกล่าวกำชับ

“เจ้าค่ะ ข้าจำเอาไว้หมดแล้ว ขอบคุณคุณหนูใหญ่มากสำหรับบุญคุณที่ช่วยชีวิต” ซูหลินรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างไร้ที่เปรียบ

“ไม่ต้องขอบคุณข้า นี่เป็นสิ่งที่ข้าควรต้องทำอยู่แล้ว เมื่อก่อนข้าปฏิบัติต่อเจ้าเช่นนั้น เจ้าไม่ซักไซ้เอาโทษ ก็ถือว่าเป็นการชดใช้หนี้แล้วกัน ใช่แล้วทำไมเจ้าถึงตกต่ำถึงเพียงนี้ กองทัพขนหงส์ในอดีตเก่งกาจมากไม่ใช่หรือ?” หยุนถิงถามด้วยความไม่เข้าใจ

ตามหลักแล้วแม่ของนางเป็นผู้ก่อตั้งกองทัพขนหงส์ แต่ก็เป็นสิ่งที่ราชสำนักจัดตั้งขึ้นมาเช่นกัน ถึงแม้หลังจากที่แม่ของนางจะเสียชีวิตไป ทุกคนก็น่าจะมีค่าจ้างในฐานะทหาร ไม่น่าจะอนาถเช่นนี้ แม้แต่เงินจะพาลูกไปหาหมอก็ยังไม่มี

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ