จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 240

พอมองดูอาหารในมือ หยุนถิงสายตากระตุก เมื่อกี้เธอยังเซ็งว่าทำไมกงกงนั่นไม่ถามชื่อเธอสักนิด ก็ให้เธอตามมาเลย ดูท่าจะอยากฆ่าปิดปาก และจับเธอมาเป็นแพะรับบาปพอดี

“ใครกัน?” องครักษ์คนหนึ่งเข้ามาถาม

“พี่ชาย ข้ามาส่งอาหาร รบกวนเปิดประตูด้วย” หยุนถิงพูดเสียงกดต่ำ

องครักษ์มองเขา ก่อนเปิดประตูคุก “รีบๆเข้าล่ะ อย่าชักช้า”

“ขอรับ ขอรับ”

พอองครักษ์ไป หยุนถิงเดินเข้าไป “กินข้าวเถอะ”

สาวใช้ตกใจแทบตาย วิ่งเข้ามาจับมือเธอเอาไว้ “กงกง ขอร้องท่านช่วยข้าด้วย ท่านบอกนายท่านนะ ข้าไม่ได้พูดอะไรเลย ข้าไม่อยากตาย ขอร้องท่านช่วยข้าด้วย”

“วางใจเถอะ นายท่านบอกว่าจะดูแลครอบครัวของเจ้า ขอเพียงเจ้าไม่ปริปาก อีกไม่กี่วันก็จะหาทางช่วยเจ้าออกไป” หยุนถิงแกล้งปลอบ

“ท่านให้นายท่านวางใจได้เลย ข้าจะไม่พูดอะไรเด็ดขาด” สาวใช้พูดอย่างตื่นเต้น

หยุนถิงอาศัยตอนนางไม่สังเกต วินาทีที่เปิดฝาอาหารออก ก็ซ่อนอาหารเดิมไว้ในมิติ และเปลี่ยนเป็นของใหม่ จากนั้นใส่ของบางอย่างลงไป

“กินทั้งที่ยังร้อนเถอะ กินอิ่มแล้วถึงจะออกไปได้”

“ได้” สาวใช้ยกชามขึ้นมากินคำโต หยุนถิงก็ไม่ได้มองนาง ยกถาดอาหารหมุนตัวจากไป

หยุนถิงเดินไปถึงมุม มีมือหนึ่งพลันปรากฏตัว คว้าแขนเธอไว้ “ช่วยข้าด้วย---“

คนผู้นั้นสกปรกไปทั้งตัว ผมเผ้าปิดบังใบหน้า มองเห็นหน้าไม่ชัด ใบหน้าครึ่งหน้าโดนเผาไหม้ไป ดูน่ากลัวนัก เหลือเพียงดวงตาสีอำพันคู่นั้นดูมั่นคง ไม่ยอมแพ้ เด็ดเดี่ยว

เขาดูทรมานมาก สองมือออกกุมหน้าอกอย่างแรง รอยเล็บนับไม่ถ้วนตรงหน้า ดูบิดเบี้ยว รอยเลือดและเนื้อ ดูแล้วน่าหวาดเสียวนัก

หยุนถิงไม่ได้หวาดกลัว ยื่นมือไปจับข้อมือเขา ช่วยจับชีพจรให้เขา

หยุนถิงสะดุ้งตกใจทันที “เจ้าโดนพิษไฟ?”

คนผู้นั้นตกใจ มองมาอย่างระแวง ขันทีน้อยคนหนึ่งกลับรู้จักพิษไฟ นี่มันเรื่องบังเอิญหรือแผนการร้ายกัน?

“พิษร้ายในตัวเจ้ามาถึงเส้นหัวใจแล้ว ข้าทำได้แค่สกัดมันให้เจ้าชั่วคราว” หยุนถิงควักเข็มเงินที่เสียบผมอยู่ออกมาลงเข็มชีพจรให้เขา

คนที่ทุกข์ทรมานอยู่พลันรู้สึกผ่อนคลายความเจ็บลงไปบ้าง ในเวลาเดียวกัน็ยิ่งสงสัยในตัวหยุนถิงหนักขึ้น

หยุนถิงควักยาเม็ดหนึ่งมายัดใส่ปากเขา “กินลงไป มันจะช่วยบรรเทาความเจ็บของเจ้า”

คนผู้นั้นลังเลชั่วครู่ พลางเหล่มองหยุนถิง เห็นสายตานางใสกระจ่าง สีหน้าเข้มงวด ไม่มีวี่แววตื่นตระหนกหรือปิดบังใดๆ เลยกลืนลงไป

พอยาเข้าลำคอ มีกลิ่นอายเย็นๆ ทำให้เขาสบายขึ้นมาก

หยุนถิงหยิบขวดกระเบื้องสีดำยื่นให้เขาอีก “นี่คือยาแกล้งตาย หลังจากกินไปแล้ว ชีพจรและลมหายใจจะหยุดลง รอจนเจ้าอยากออกไปก็กินมันแล้วกัน”

คนผู้นั้นสีหน้าแข็งเกร็ง มองนางอย่างสงสัย “เจ้าเป็นใครกันแน่ เหตุใดต้องช่วยข้าด้วย?”

“ข้าไม่ใช่คนของพระราชวัง แค่มาช่วยส่งข้าวแทนผู้อื่นเท่านั้น ช่วยเจ้าเป็นแค่เรื่องบังเอิญ เชื่อหรือไม่ก็ตามใจเจ้า” หยุนถิงพูดจบ หมุนตัวเดินออกไป

มองตามแผ่นหลังบอบบางของนางแล้ว คนผู้นั้นสายตาทุ้มลึก มือที่ถือขวดกระเบื้องไว้ออกแรงบีบเล็กน้อย

พอได้ยินเสียงคุ้นเคยนี่ โม่ฉือชิงกับ ฟู่อี้เฉินต่างมีสีหน้าตกใจระคนยินดี เบิกตากว้างมองนาง “เจ้า เจ้าคือ---“

หยุนถิงจุ๊มือให้เบาเสียง “ข้าเอง รอออกจากวังก่อนค่อยอธิบายกับพวกเจ้า ตอนนี้ต้องรีบออกจากวังให้เร็วที่สุด”

“ได้ ได้” โม่ฉือชิงตื่นเต้นยิ่งนัก ลืมความเหนื่อยไปเลย ลุกขึ้นออกไปทันที

ฟู่อี้เฉินวางใจเสียที ใครจะคิดว่าจู่ๆหยุนถิงก็ปรากฏตัวขึ้น แถมยังใส่ชุดองครักษ์ หากไม่ใช่นางพูดเองกับปาก พวกเขาให้ตายก็จำไม่ได้

ดังนั้นฟู่อี้เฉินกับโม่ฉือชิงเลยเดินนำหน้า หยุนถิงตามหลังอย่างนอบน้อม ทั้งสามคนมุ่งตรงไปประตูหน้าพระราชวังทันที

กองทัพหลวงที่หน้าประตูตรวจสอบ องค์ชายสี่สีหน้าไม่พอใจ “องครักษ์นี่เป็นคนของข้า เจ้าอยากหัวหลุดจากบ่ารึ กล้ามาค้นคนของข้า?”

กองทัพหลวงตกใจแทบตาย แต่องครักษ์ผู้นั้นไม่มีป้ายประจำตัว เขาก็ไม่กล้าปล่อยผ่าน กำลังกังวลลังเลก็เห็นซวนอ๋องเดินเข้ามาจากไม่ไกล

กองทัพหลวงรีบรายงานทันที โม่เหลิ่งเหยียนเหล่มององครักษ์ผู้นั้นหนึ่งที ดวงตาคมปลาบมองสำรวจเขา “ในเมื่อเป็นคนขององค์ชายสี่ เช่นนั้นก็ปล่อยผ่านแล้วกัน”

“ซวนอ๋องเจ้ารู้งานดีนี่” โม่ฉือชิงพูดอย่างพอใจ รีบพาคนจากไปทันที

พอเห็นองครักษ์นั่นออกนอกประตูวัง คิ้วที่ขมวดมุ่นมาทั้งคืนของโม่เหลิ่งเหยียนถึงคลายลง “บอกทุกคนว่าไม่ต้องทำการหาแล้ว ข้ามีธุระต้องกลับก่อน”

“พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ข้างตัวรีบไปจัดการทันที

พวกโม่ฉือชิงสามคนขึ้นรถม้า หยุนถิงรีบถอดหมวกเกราะบนหัวลงมาทันที “เจ้านี่หนักจริง เหนื่อยจะตายละ”

โม่ฉือชิงกอดหยุนถิงอย่างตื่นเต้น “เจ้าออกมาสักที ข้ายังนึกว่าจะไม่ได้เจอเจ้าอีกแล้ว เมื่อคืนเจ้ากับจวินหย่วนโยวไปที่ใดกัน ในห้องเหตุใดจึงมีบุรุษอีกคนโผล่มาได้ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ