สุดท้ายนางก็มิได้บอกเรื่องแผนการร้ายขององค์ชายรองกับหยางเฟยออกมา ชางหลันเย่ที่เฉลียวฉลาด ไม่ต้องให้ชางหยุนสี่เตือน เขาก็เดาได้
ชางหยุนสี่ยังถือว่ามีความจริงใจอยู่บ้าง อยากจะส่งข่าวให้ตน
เพียงแต่ชางหลันเย่กลับไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งเลย หากมิใช่เพราะหยางเฟย เสด็จแม่ของเขาจะส่งเขาไปแคว้นต้าเยียนเป็นตัวประกันได้อย่างไร ร่างกายของเสด็จแม่จะล้มป่วยติดเตียงอยู่หลายปีได้อย่างไรกัน
ดังนั้นต่อให้ชางหยุนสี่ทำเช่นนี้ ชางหลันเย่ยังคงเกลียดหยางเฟยเข้ากระดูกดำอยู่ดี เขาใช้ชีวิตที่แย่เสียยิ่งกว่าหมูกว่าหมาที่แคว้นต้าเยียน โดนขันทีนางกำนัลเหยียดหยาม ด่าทอ เสียดสีทุกวัน ได้กินแต่อาหารเหลือข้าวบูด หากมิใช่ได้พบหยุนถิง น่ากลัวว่าเขาคงตายที่แคว้นต้าเยียนไปแล้ว
วันเวลาที่อยู่ไม่สู้ตายนั่น ชางหลันเย่จดจำได้ทั้งชาติไม่มีวันลืมแน่นอน
“ไท่จื่อ พวกเราไปเมืองอู่หนิง ระหว่างทางหยางเฟยต้องวางแผนฆ่าแน่!” เมืองอู่หนิงเตือน
สีหน้าชางหลันเย่เย็นเยียบดุจน้ำแข็งพันปี “บอกทุกคนให้เตรียมพร้อม ครั้งนี้จะต้องให้หยางเฟยสาหัส ข้าจะกราบทูลเสด็จพ่อขอให้เซียวซ่างซูเดินทางไปด้วย”
เจว๋เฟิงสีหน้าชะงักกึก “ไท่จื่อ เซียวซ่างซูเป็นคนของหยางเฟยนะขอรับ”
“ต้องมีคนมาเป็นพยานยืนยันความผิดของหยางเฟยหน่อยมิใช่รึ” ชางหลันเย่อธิบาย
“ไท่จื่อทรงพระปรีชายิ่ง!”
......
แคว้นต้าเยียน จวนซื่อจื่อ
หยุนถิงและจวินหย่วนโยวกลับถึงจวนซื่อจื่อ หยุนถิงรีบให้ซูหลินเรียกรวมตัวกองทัพขนหงส์ในเมืองหลวงทันที รวมถึงคนใหม่ที่เข้ามาฝึกฝนตอนหลังด้วย
คืนนี้ทุกคนพากันมารวมตัวที่จวนซื่อจื่อ หยุนถิงให้คนซื้อผักและเนื้อมามากมาย พอประตูใหญ่ปิดลง ก็พาทุกคนไปห้องครัว
จวินหย่วนโยวกังวลว่าหยุนถิงจะเหนื่อย จึงอยู่ข้างๆตลอด และยังตั้งใจยกเก้าอี้มาให้หยุนถิงนั่งโดยเฉพาะอีกด้วย
หยุนถิงสั่งการให้ทุกคนหั่นผักให้ละเอียดคั้นน้ำออก เอาฟักทองไปนึ่งให้สุก บีทรูทเอาไปแช่น้ำ จากนั้นเอาน้ำผักมานวดรวมกับผงแป้งและบะหมี่ จากนั้นเริ่มทำไส้เนื้อ สุดท้ายใช้แป้งสีรุ้งมาห่อเกี๊ยว----
นี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนเห็นวิธีการทำเช่นนี้ ต่างประหลาดใจกันยิ่งนัก พอเห็นเกี๊ยวสีเขียว สีแดง สีเหลืองเหล่านั้นออกจากเตา ทุกคนยินดีตกใจกันยิ่งนัก
“สวรรค์ ข้าอยู่มานานหลายปีขนาดนี้ เป็นครั้งแรกที่รู้ว่ามีเกี๊ยวสีรุ้งด้วย ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยจริงๆ!” พ่อครัวจวนซื่อจื่อชมเชยพลางถอนหายใจออกมา
“ก็ใช่ไง นี่น่ะทำจากน้ำผักนะ สีสันสวยงามมากเลย แค่ดูก็อยากกินแล้ว”
“ซื่อจื่อเฟยของเราเก่งยิ่ง มีหนึ่งเดียวในสี่แคว้นเลย อาศัยแค่สีสันนี่ก็ต้องได้รับความนิยมแน่!”
ได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคนแล้ว หยุนถิงพอใจมาก “ทุกคนมาลองชิมดูสิว่ารสชาติเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ดีเลย!” ทุกคนหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบกินกัน ต่างพากันชมเชยไม่ขาดปาก
หยุนถิงเองก็หยิบตะเกียบมาคีบชิ้นหนึ่งส่งถึงปากจวินหย่วนโยว “ซื่อจื่อ ท่านลองกินดูสิ!”
“ได้!” จวินหย่วนโยวงับกินจากมือของหยุนถิงเลย
“เป็นอย่างไร?”
“สิ่งที่ถิงเอ๋อร์ทำ ย่อมต้องเป็นของเลิศรสหนึ่งเดียวในสี่แคว้นแน่นอน”
“ซื่อจื่อพูดขนาดนี้แล้ว งั้นข้าก็วางใจละ” หยุนถิงบอก
“คืนนี้ข้าเรียกทุกคนมารวมตัวกัน และบอกสูตรเคล็ดลับของเกี๊ยวสีรุ้งให้กับทุกคน เพื่อต้องการให้เกี๊ยวสีรุ้งนี่เปิดร้านกลุ่มร้านค้าไปทั่วทั้งสี่แคว้น ราคาสูงกว่าเกี๊ยวธรรมดาเล็กน้อยก็พอ คนกินเป็นชาวบ้านธรรมดาหรือคนเดินทาง
ส่วนพวกเจ้าเป็นคนแนะนำของเกี๊ยวสีรุ้งนี้ ร้านและคนข้าจัดเตรียมให้ พวกเจ้าเพียงสืบทอดฝีมือนี้ต่อไปก็พอแล้ว” หยุนถิงบอกเรื่องต้องระวังมากมายกับทุกคนอีก
จวินหย่วนโยวที่อยู่ข้างๆฟังอย่างตั้งใจเช่นกัน มองเห็นถิงเอ๋อร์คิดพิจารณาอย่างถี่ถ้วนรอบคอบทุกด้านแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งร้าน คนงาน รสชาติ จวินหย่วนโยวเต็มไปด้วยความเลื่อมใส
ถิงเอ๋อร์ช่างมีพรสวรรค์ในการทำมาค้าขายยิ่งนัก
หลิงเฟิงพึ่งจะคลายจุดให้เขา โม่ฉือชิงอ้าปากด่ากราด “เจ้าสารเลวจวินหย่วนโยว---“
“องค์ชายสี่ กรุณาระวังคำพูดด้วย!” หลิงเฟิงแค่นเสียงเย็น
โม่ฉือชิงถึงเปลี่ยนคำ พูดไปขี้มูกน้ำตาไหลพรากไป “หลิงเฟิง มีคนแย่งการค้าซื่อจื่อเฟยของเจ้า มาเปิดร้านแบบเดียวกันตรงข้ามร้านชานมไก่ย่าง ไม่เพียงการตกแต่งคล้ายคลึงกัน ราคายังถูกกว่ามาก ตอนนี้ทุกคนพากันไปร้านพวกมันหมดแล้ว การค้าของเราย่ำแย่แล้ว!”
หลิงเฟิงสีหน้าเย็นชา “ผู้ใดกัน กล้ามาแย่งการค้ากับซื่อจื่อเฟย?”
“ตระกูลเก๋อของแปดตระกูลใหญ่ ว่ากันว่าคุณชายใหญ่ตระกูลเก๋อมีพรสวรรค์ด้านการทำมาค้าขาย ตอนนี้เขาพึ่งกลับจากท่องเที่ยวไปทั่วสี่แคว้น เลยให้คนเปิดร้านเนื้อไก่ พรสวรรค์ด้านการทำมาค้าขายอะไรกัน ขโมยความคิดซื่อจื่อเฟยของเจ้าชัดๆ คุณชายเก๋อไอ้สารเลวนี่ชั่วร้ายนัก!” โม่ฉือชิงพูดอย่างกัดเขี้ยวเคี้ยวฟัน
พอหลิงเฟิงได้ยินดังนั้นก็โกรธจัดทันที “ตระกูลเก๋อหาเรื่องตาย!”
“พูดถูกต้องแล้ว รังแกกันมากไปแล้ว! เจ้าส่งคนไปซัดมันให้หมอบ เผาร้านมันเลยดีไหม?” โม่ฉือชิงยุยง
ยังไม่รอหลิงเฟิงเอ่ยปาก รั่วจิ่งผ่านมาได้ยินเข้าพอดี เดือดดาลทันที “กล้ามาแย่งการค้ากับซื่อจื่อเฟยของเรา ตอนนี้ข้าจะไปจับมันมาซัดให้น่วมจนพ่อแม่มันยังจำไม่ได้เลย!”
หลิงเฟิงไม่ห้ามปราม ตระกูลเก๋อสมควรโดนอัดแล้ว
รั่วจิ่งพึ่งจะออกจากเรือนไป ก็เจอกับซื่อจื่อเข้า แอบใจสั่น
ซื่อจื่อคงมิใช่ได้ยินแล้ว ไม่ยอมให้ตนลงมือกระมัง
สุดท้ายได้ยินซื่อจื่อเอ่ยปาก “ตระกูลเก๋อ อัดให้ตาย ทุกกิจการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลเก๋อทั้งหมดทำลายซะอย่าให้เหลือ!”
รั่วจิ่งตื่นเต้นยิ่งนัก ซื่อจื่อช่างอหังการ์ยิ่ง “รับคำสั่ง ซื่อจื่อ!”
โม่ฉือชิงทนไม่ไหวยกนิ้วโป้งให้ “จวินหย่วนโยวเจ้านี่เหี้ยมจริง!”
จวินหย่วนโยวเหล่มองเขาอย่างดูถูก “องค์ชายแห่งแคว้นหนึ่งกลับโดนตระกูลเก๋อบีบคั้นถึงเพียงนี้ น่าขายหน้านัก!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ
อัพต่อด้วยจ้า...
รอตอนต่อจ้า...
แต่ละบทที่่อ่านแล้ว ควรมีสีหรือเครื่องหมายที่แตกต่างกัน ผู้อ่านจะได้ทราบว่าเรืื่องนี้อ่านไปถึงบทไหนแล้ว...
รำคานโฆษณาที่เลื่อนเข้ามา เข้าใจได้ว่าต้องหารายได้ แต่ควรนำไปวางไว้ด้านล่างสุด ไม่ด้านซ้ายก็ด้านขวา จะได้ไม่เสียอารมณ์ในการอ่าน ปกติโฆษณาที่อยู่ระหว่างหน้าก็ใหญ่และมากอยู่แล้ว...
ขอร้องทงทีมงานช่วยอัพเดทจนจบด้วยนะคะ😭😭😭😭😭...
เรื่องนี้ทางทีมงานจะอัพเดทต่อมั้ยค่ะ😭...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ😭🙏🏻...
เมื่อไหร่จะอัพเพิ่มค่ะหายไปเป็นเดือนแล้วนะ...
รอค่ะ ตามเรื่องนี้มานานมาก อัพตอนต่อจาก 1070 ให้หน่อยค่ะ...
สนุกมากค่ะ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะรบกวนลงต่อให้จบด้วยค่ะ กำลังสนุก...