คนที่อยู่บนเวทีสูงก็เห็นหยุนถิงแล้วเช่นกัน จงใจยิ้มให้นาง และร้องงิ้วต่อไป ถึงแม้เขาจะกำลังร้องงิ้ว แต่สายตากลับมองไปทางหยุนถิงตลอด ไม่เคยละสายตาออกไป
หยุนถิงรู้สึกได้ถึงสายตาที่เร่าร้อนของเขา หัวใจทั้งดวงเกร็งตึงเล็กน้อย
มาที่นี่นานขนาดนี้ หยุนถิงพบกับจวินหย่วนโยว ตอนนี้ก็มีลูกอีกสองคน นางแทบจะลืมเลือนคนและเรื่องราวในยุคปัจจุบันไปแล้วด้วยซ้ำ เวลานี้เห็นคนที่อยู่บนเวทีสูง ความคิดของหยุนถิงก็กลับไปในยุคปัจจุบัน
ในยุคปัจจุบัน นางคือดอกเตอร์ทางการแพทย์และพิษวิทยา มีรุ่นพี่แผนกเดียวกันคนหนึ่ง และก็เป็นรักแรกของนางเช่นกัน
เขาอ่อนโยนเอาใจใส่ มีความรู้กว้างขวาง พูดจาสุภาพไพเราะ รูปร่างหน้าตาก็ยิ่งสูงใหญ่หล่อเหลา คือเทพบุตรในใจของผู้หญิงมากมาย แน่นอนว่าหยุนถิงก็ไม่ข้อยกเว้น
หยุนถิงกับรุ่นพี่ปรึกษาหารือเกี่ยวกับการวิจัยเชิงวิชาการร่วมกัน พูดคุยเรื่องต่างๆด้วยกัน วาดฝันถึงอนาคตด้วยกัน------
พวกเขาคืออัจฉริยะที่ทุกคนอิจฉา ยิ่งเป็นหญิงสวยชายเก่งที่คนอื่นพูดถึง หยุนถิงเองก็คิดว่าพวกเขาจะแต่งงานมีลูกด้วยกัน แต่ในตอนที่พวกเขาหารือกันเรื่องแต่งงาน รุ่นพี่กลับขโมยงานวิจัยของหยุนถิงไปใช้ ปิดบังนางเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติ แต่ลงแค่ชื่อของรุ่นพี่คนเดียวเท่านั้น
ในตอนที่หยุนถิงรู้เรื่องนี้ รุ่นพี่ก็ยืนรับรางวัลบนเวทีระดับโลกแล้ว นั่นคือสิ่งที่นางทุ่มเทวิจัยมาเป็นสิบปี ยิ่งเป็นความปรารถนาสุดท้ายของคุณพ่อนาง
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า รุ่นพี่จะทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้
ต่อมาหยุนถิงอยากจะเปิดโปงเขา แต่รุ่นพี่คุกเข่าขอร้องนาง บอกว่านี่เป็นโอกาสเพียงหนึ่งเดียวของเขา เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่แค่ในห้องทดลองตลอดชีวิต เขาอยากให้ผู้คนทั่วทั้งโลกเห็นความสามารถของเขามากยิ่งขึ้น
หลังจากได้รับรางวัล รุ่นพี่ก็ยิ่งตอบตกลงรับข้อเสนอเงินเดือนสูงของประเทศแห่งหนึ่ง ร้องไห้ขอร้องให้หยุนถิงอย่าเปิดโปงเขา
แต่หยุนถิงพูดเพียงแค่ประโยคเดียวเท่านั้น นั่นคือความปรารถนาสุดท้ายของคุณพ่อ ไม่มีทางมอบให้ใครเด็ดขาด
ดังนั้นหยุนถิงจึงนำยาแก้พิษใหม่ล่าสุดที่สกัดขึ้นออกมา ต้องการจะมอบหลักฐานให้กับคณะกรรมการตรวจสอบ เปิดโปงความผิดของรุ่นพี่ แต่แล้วก็ฉวยโอกาสตอนที่หยุนถิงหันหลัง ก็ใช้กระแสไฟฟ้าของห้องทดลองช็อตไปทางร่างกายของหยุนถิง
ตอนนั้นหยุนถิงรู้สึกเพียงร่างกายชาไปหมดทั้งตัว คนทั้งคนยังไม่สามารถตอบสนองกลับมา ก็หมดสติไป
ตื่นขึ้นมาอีกที นางก็อยู่ในจวนหลีอ๋อง มองดูหลีอ๋องมีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากับหญิงนางโลม
ตอนนี้นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา หยุนถิงรู้สึกเพียงว่าสรรพสิ่งยังเหมือนเดิมแต่คนเปลี่ยนแปลงไป ใจคนยากแท้หยั่งถึง
หากเขามาที่นี่จริงๆ หยุนถิงไม่มีทางเมตตาและใจอ่อนต่อเขาเด็ดขาด
คิดถึงตรงนี้ ดวงตาของหยุนถิงเคร่งขรึม ก้าวเท้าเดินไปที่เวทีสูง
เมื่อคนร้องงิ้วที่อยู่บนเวทีสูงเห็นหยุนถิงเดินเข้ามา นัยน์ตาดอกท้อมีความยินดีเล็กน้อยแว๊บผ่านไป และขยิบตาให้นาง
สีหน้าของหยุนถิงเย็นยะเยือก แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น
คนผู้นั้นเดินตรงลงมาจากเวที เดินมาถึงข้างกายหยุนถิง ร้องท่อนสุดท้ายจบโดยที่ล้อมนางเอาไว้
ทุกคนมองด้วยความตื่นตกใจ นักแสดงงิ้วคนนี้รนหาที่ตายหรือ ถึงกับกล้าแทะโลมซื่อจื่อเฟย
หยุนถิงหยิบเข็มเงินที่อยู่บนเส้นผมทันที แทงไปที่จุดฝังเข็มของคนผู้นั้น
“โอ้ย เจ็บจัง ซื่อจื่อเฟยไว้ชีวิตด้วย!” คนผู้นั้นคร่ำครวญร้องขอความเมตตาทันที เสียงที่ดังออกมากลับเป็นเสียงของผู้ชาย
เมื่อครู่นี้เขาร้องเพลงงิ้วของผู้หญิง รูปร่างอรชร ดวงตาสวยหยาดเยิ้มมีเสน่ห์ คนที่ฟังงิ้วทุกคนล้วนคิดว่าเป็นผู้หญิง
“เจ้าเป็นใครกันแน่?” หยุนถิงกล่าวอย่างเย็นชา
ฮวาเชียนจั่นมองไปทางนางด้วยใบหน้าที่ไร้เดียงสา “ซื่อจื่อเฟย ข้าก็เป็นแค่นักแสดงงิ้วที่อาศัยการร้องงิ้วในการหาเลี้ยงชีพ ขอท่านโปรดอย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย?”
หยุนถิงได้ยินคำพูดประโยคนี้ ก็รู้แล้วว่าเขาไม่ใช่คนที่ตัวเองตามหา เพียงแต่สายตาคู่นั้นคล้ายคลึงกันมากก็เท่านั้น
ท้ายที่สุดรุ่นพี่ก็เป็นผู้ชายซื่อบื้อ ไม่มีทางกล่าวคำพูดเช่นนี้ออกมาอย่างแน่นอน
“ไสหัวไป!” หยุนถิงกล่าวอย่างเย็นชา หันหลังก็จากไป
วินาทีต่อมาฮวาเชียนจั่นก็ยื่นมือไปจับแขนของหยุนถิงเอาไว้ “ซื่อจื่อเฟย ท่านจะจากไปเช่นนี้ไม่ได้นะ หากท่านจากไปแล้ว ต่อไปใครยังจะกล้าฟังข้าร้องงิ้วอีก ขอซื่อจื่อเฟยโปรดให้ทางรอดแก่ข้าด้วยเถิด”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา บรรดาชาวบ้านที่มุงดูอยู่ก็ตระหนักได้ว่านักแสดงงิ้วคนนี้สร้างสถานการณ์หลอกเอาเงิน เมื่อครู่ถึงกับแสร้งทำเป็นขาหักต้องการจะกรรโชกทรัพย์ซื่อจื่อเฟย ล้วนพากันดูถูก ตำหนิ และเกลียดชังเขา
ฮวาเชียนจั่นในเวลานี้ไหนเลยจะมีเวลาสนใจ รีบวิ่งออกไปทันที
จากนั้นผู้คนก็ได้เห็น นักแสดงงิ้วคนหนึ่งวิ่งไปรอบถนน
มุมปากของหยุนถิงยกขึ้นอย่างพึงพอใจเล็กน้อย กล้าสร้างสถานการณ์หลอกลวงนาง รนหาเรื่องทรมาน
หลังจากที่ฮวาเชียนจั่นวิ่งไปสามรอบกลับมาที่ลานแสดงงิ้ว หยุนถิงก็จากไปนานแล้ว ชาวบ้านคนอื่นๆในลานแสดงงิ้วก็แยกย้ายกันไปแล้วเช่นกัน
ถึงอย่างไรก็เป็นคืนก่อนวันตรุษจีน ทุกคนย่อมกลับบ้านไปเฉลิมฉลองกันแต่เนิ่นๆแล้ว
หัวหน้าของคณะละครงิ้วเดินออกมา เห็นฮวาเชียนจั่นหายใจเหนื่อยหอบ ก็ยื่นชาเข้ามาให้หนึ่งถ้วย
“ทำไมนายน้อยจะต้องวิ่งจริงๆด้วย?”
“ในเมื่อหยุนถิงต้องการให้ข้าวิ่ง เช่นนั้นก็วิ่งเถอะ อย่างไรเสียข้าก็อยากเห็นเหมือนกันว่าพิษของซื่อจื่อเฟยหมอเทวดาอันดับหนึ่งในสี่แคว้นจะร้ายกาจแค่ไหน” ฮวาเชียนจั่นแกว่งแขนที่บวมแดงของตัวเอง และกล่าวออกมาอย่างเย็นชา
พิษนี่ร้ายกาจมากจริงๆ แต่สำหรับเขาแล้วมันไม่ถือเป็นอะไรเลย
เห็นเพียงฮวาเชียนจั่นหยิบขวดเครื่องเคลือบที่พกติดตัวออกมา กินยาแก้พิษไปหนึ่งเม็ด แขนที่บวมแดงก็หายเป็นปกติจริงๆ
ผู้หญิงที่บีบให้เจว๋กู่กับวี่อู๋เสียจำต้องยอมรับความพ่ายแพ้ น่าสนใจจริงๆด้วย
ตั้งแต่ครั้งก่อนตอนที่เจว๋กู่ฆ่าผิงหนานอ๋อง ฮวาเชียนจั่นก็สังเกตเห็นหยุนถิงแล้ว ช่วงเวลาที่ผ่านมาก็ให้คนไปตรวจสอบหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวตลอด
ผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงน่าทึ่งไร้เทียมทาน ทักษะทางการแพทย์และทักษะการใช้พิษก็ยิ่งอยู่เหนือคนทั่วไป ยังมีพรสวรรค์ทางการค้าอย่างมาก ตอนนี้ทรัพย์สินภายใต้ชื่อของนางมีมากกว่าจวินหย่วนโยวไปแล้ว แสดงให้เห็นว่าเป็นคนเก่งกาจคนหนึ่งเลย
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ อาวุธที่นางสร้างขึ้นมามีอนุภาพทรงพลัง นี่ก็เป็นสาเหตุที่ฮวาเชียนจั่นเข้าหาหยุนถิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ
อัพต่อด้วยจ้า...
รอตอนต่อจ้า...
แต่ละบทที่่อ่านแล้ว ควรมีสีหรือเครื่องหมายที่แตกต่างกัน ผู้อ่านจะได้ทราบว่าเรืื่องนี้อ่านไปถึงบทไหนแล้ว...
รำคานโฆษณาที่เลื่อนเข้ามา เข้าใจได้ว่าต้องหารายได้ แต่ควรนำไปวางไว้ด้านล่างสุด ไม่ด้านซ้ายก็ด้านขวา จะได้ไม่เสียอารมณ์ในการอ่าน ปกติโฆษณาที่อยู่ระหว่างหน้าก็ใหญ่และมากอยู่แล้ว...
ขอร้องทงทีมงานช่วยอัพเดทจนจบด้วยนะคะ😭😭😭😭😭...
เรื่องนี้ทางทีมงานจะอัพเดทต่อมั้ยค่ะ😭...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ😭🙏🏻...
เมื่อไหร่จะอัพเพิ่มค่ะหายไปเป็นเดือนแล้วนะ...
รอค่ะ ตามเรื่องนี้มานานมาก อัพตอนต่อจาก 1070 ให้หน่อยค่ะ...
สนุกมากค่ะ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะรบกวนลงต่อให้จบด้วยค่ะ กำลังสนุก...