จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 767

คนที่อยู่บนเวทีสูงก็เห็นหยุนถิงแล้วเช่นกัน จงใจยิ้มให้นาง และร้องงิ้วต่อไป ถึงแม้เขาจะกำลังร้องงิ้ว แต่สายตากลับมองไปทางหยุนถิงตลอด ไม่เคยละสายตาออกไป

หยุนถิงรู้สึกได้ถึงสายตาที่เร่าร้อนของเขา หัวใจทั้งดวงเกร็งตึงเล็กน้อย

มาที่นี่นานขนาดนี้ หยุนถิงพบกับจวินหย่วนโยว ตอนนี้ก็มีลูกอีกสองคน นางแทบจะลืมเลือนคนและเรื่องราวในยุคปัจจุบันไปแล้วด้วยซ้ำ เวลานี้เห็นคนที่อยู่บนเวทีสูง ความคิดของหยุนถิงก็กลับไปในยุคปัจจุบัน

ในยุคปัจจุบัน นางคือดอกเตอร์ทางการแพทย์และพิษวิทยา มีรุ่นพี่แผนกเดียวกันคนหนึ่ง และก็เป็นรักแรกของนางเช่นกัน

เขาอ่อนโยนเอาใจใส่ มีความรู้กว้างขวาง พูดจาสุภาพไพเราะ รูปร่างหน้าตาก็ยิ่งสูงใหญ่หล่อเหลา คือเทพบุตรในใจของผู้หญิงมากมาย แน่นอนว่าหยุนถิงก็ไม่ข้อยกเว้น

หยุนถิงกับรุ่นพี่ปรึกษาหารือเกี่ยวกับการวิจัยเชิงวิชาการร่วมกัน พูดคุยเรื่องต่างๆด้วยกัน วาดฝันถึงอนาคตด้วยกัน------

พวกเขาคืออัจฉริยะที่ทุกคนอิจฉา ยิ่งเป็นหญิงสวยชายเก่งที่คนอื่นพูดถึง หยุนถิงเองก็คิดว่าพวกเขาจะแต่งงานมีลูกด้วยกัน แต่ในตอนที่พวกเขาหารือกันเรื่องแต่งงาน รุ่นพี่กลับขโมยงานวิจัยของหยุนถิงไปใช้ ปิดบังนางเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติ แต่ลงแค่ชื่อของรุ่นพี่คนเดียวเท่านั้น

ในตอนที่หยุนถิงรู้เรื่องนี้ รุ่นพี่ก็ยืนรับรางวัลบนเวทีระดับโลกแล้ว นั่นคือสิ่งที่นางทุ่มเทวิจัยมาเป็นสิบปี ยิ่งเป็นความปรารถนาสุดท้ายของคุณพ่อนาง

แต่กลับคิดไม่ถึงว่า รุ่นพี่จะทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้

ต่อมาหยุนถิงอยากจะเปิดโปงเขา แต่รุ่นพี่คุกเข่าขอร้องนาง บอกว่านี่เป็นโอกาสเพียงหนึ่งเดียวของเขา เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่แค่ในห้องทดลองตลอดชีวิต เขาอยากให้ผู้คนทั่วทั้งโลกเห็นความสามารถของเขามากยิ่งขึ้น

หลังจากได้รับรางวัล รุ่นพี่ก็ยิ่งตอบตกลงรับข้อเสนอเงินเดือนสูงของประเทศแห่งหนึ่ง ร้องไห้ขอร้องให้หยุนถิงอย่าเปิดโปงเขา

แต่หยุนถิงพูดเพียงแค่ประโยคเดียวเท่านั้น นั่นคือความปรารถนาสุดท้ายของคุณพ่อ ไม่มีทางมอบให้ใครเด็ดขาด

ดังนั้นหยุนถิงจึงนำยาแก้พิษใหม่ล่าสุดที่สกัดขึ้นออกมา ต้องการจะมอบหลักฐานให้กับคณะกรรมการตรวจสอบ เปิดโปงความผิดของรุ่นพี่ แต่แล้วก็ฉวยโอกาสตอนที่หยุนถิงหันหลัง ก็ใช้กระแสไฟฟ้าของห้องทดลองช็อตไปทางร่างกายของหยุนถิง

ตอนนั้นหยุนถิงรู้สึกเพียงร่างกายชาไปหมดทั้งตัว คนทั้งคนยังไม่สามารถตอบสนองกลับมา ก็หมดสติไป

ตื่นขึ้นมาอีกที นางก็อยู่ในจวนหลีอ๋อง มองดูหลีอ๋องมีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากับหญิงนางโลม

ตอนนี้นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา หยุนถิงรู้สึกเพียงว่าสรรพสิ่งยังเหมือนเดิมแต่คนเปลี่ยนแปลงไป ใจคนยากแท้หยั่งถึง

หากเขามาที่นี่จริงๆ หยุนถิงไม่มีทางเมตตาและใจอ่อนต่อเขาเด็ดขาด

คิดถึงตรงนี้ ดวงตาของหยุนถิงเคร่งขรึม ก้าวเท้าเดินไปที่เวทีสูง

เมื่อคนร้องงิ้วที่อยู่บนเวทีสูงเห็นหยุนถิงเดินเข้ามา นัยน์ตาดอกท้อมีความยินดีเล็กน้อยแว๊บผ่านไป และขยิบตาให้นาง

สีหน้าของหยุนถิงเย็นยะเยือก แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น

คนผู้นั้นเดินตรงลงมาจากเวที เดินมาถึงข้างกายหยุนถิง ร้องท่อนสุดท้ายจบโดยที่ล้อมนางเอาไว้

ทุกคนมองด้วยความตื่นตกใจ นักแสดงงิ้วคนนี้รนหาที่ตายหรือ ถึงกับกล้าแทะโลมซื่อจื่อเฟย

หยุนถิงหยิบเข็มเงินที่อยู่บนเส้นผมทันที แทงไปที่จุดฝังเข็มของคนผู้นั้น

“โอ้ย เจ็บจัง ซื่อจื่อเฟยไว้ชีวิตด้วย!” คนผู้นั้นคร่ำครวญร้องขอความเมตตาทันที เสียงที่ดังออกมากลับเป็นเสียงของผู้ชาย

เมื่อครู่นี้เขาร้องเพลงงิ้วของผู้หญิง รูปร่างอรชร ดวงตาสวยหยาดเยิ้มมีเสน่ห์ คนที่ฟังงิ้วทุกคนล้วนคิดว่าเป็นผู้หญิง

“เจ้าเป็นใครกันแน่?” หยุนถิงกล่าวอย่างเย็นชา

ฮวาเชียนจั่นมองไปทางนางด้วยใบหน้าที่ไร้เดียงสา “ซื่อจื่อเฟย ข้าก็เป็นแค่นักแสดงงิ้วที่อาศัยการร้องงิ้วในการหาเลี้ยงชีพ ขอท่านโปรดอย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย?”

หยุนถิงได้ยินคำพูดประโยคนี้ ก็รู้แล้วว่าเขาไม่ใช่คนที่ตัวเองตามหา เพียงแต่สายตาคู่นั้นคล้ายคลึงกันมากก็เท่านั้น

ท้ายที่สุดรุ่นพี่ก็เป็นผู้ชายซื่อบื้อ ไม่มีทางกล่าวคำพูดเช่นนี้ออกมาอย่างแน่นอน

“ไสหัวไป!” หยุนถิงกล่าวอย่างเย็นชา หันหลังก็จากไป

วินาทีต่อมาฮวาเชียนจั่นก็ยื่นมือไปจับแขนของหยุนถิงเอาไว้ “ซื่อจื่อเฟย ท่านจะจากไปเช่นนี้ไม่ได้นะ หากท่านจากไปแล้ว ต่อไปใครยังจะกล้าฟังข้าร้องงิ้วอีก ขอซื่อจื่อเฟยโปรดให้ทางรอดแก่ข้าด้วยเถิด”

เมื่อคำพูดนี้ออกมา บรรดาชาวบ้านที่มุงดูอยู่ก็ตระหนักได้ว่านักแสดงงิ้วคนนี้สร้างสถานการณ์หลอกเอาเงิน เมื่อครู่ถึงกับแสร้งทำเป็นขาหักต้องการจะกรรโชกทรัพย์ซื่อจื่อเฟย ล้วนพากันดูถูก ตำหนิ และเกลียดชังเขา

ฮวาเชียนจั่นในเวลานี้ไหนเลยจะมีเวลาสนใจ รีบวิ่งออกไปทันที

จากนั้นผู้คนก็ได้เห็น นักแสดงงิ้วคนหนึ่งวิ่งไปรอบถนน

มุมปากของหยุนถิงยกขึ้นอย่างพึงพอใจเล็กน้อย กล้าสร้างสถานการณ์หลอกลวงนาง รนหาเรื่องทรมาน

หลังจากที่ฮวาเชียนจั่นวิ่งไปสามรอบกลับมาที่ลานแสดงงิ้ว หยุนถิงก็จากไปนานแล้ว ชาวบ้านคนอื่นๆในลานแสดงงิ้วก็แยกย้ายกันไปแล้วเช่นกัน

ถึงอย่างไรก็เป็นคืนก่อนวันตรุษจีน ทุกคนย่อมกลับบ้านไปเฉลิมฉลองกันแต่เนิ่นๆแล้ว

หัวหน้าของคณะละครงิ้วเดินออกมา เห็นฮวาเชียนจั่นหายใจเหนื่อยหอบ ก็ยื่นชาเข้ามาให้หนึ่งถ้วย

“ทำไมนายน้อยจะต้องวิ่งจริงๆด้วย?”

“ในเมื่อหยุนถิงต้องการให้ข้าวิ่ง เช่นนั้นก็วิ่งเถอะ อย่างไรเสียข้าก็อยากเห็นเหมือนกันว่าพิษของซื่อจื่อเฟยหมอเทวดาอันดับหนึ่งในสี่แคว้นจะร้ายกาจแค่ไหน” ฮวาเชียนจั่นแกว่งแขนที่บวมแดงของตัวเอง และกล่าวออกมาอย่างเย็นชา

พิษนี่ร้ายกาจมากจริงๆ แต่สำหรับเขาแล้วมันไม่ถือเป็นอะไรเลย

เห็นเพียงฮวาเชียนจั่นหยิบขวดเครื่องเคลือบที่พกติดตัวออกมา กินยาแก้พิษไปหนึ่งเม็ด แขนที่บวมแดงก็หายเป็นปกติจริงๆ

ผู้หญิงที่บีบให้เจว๋กู่กับวี่อู๋เสียจำต้องยอมรับความพ่ายแพ้ น่าสนใจจริงๆด้วย

ตั้งแต่ครั้งก่อนตอนที่เจว๋กู่ฆ่าผิงหนานอ๋อง ฮวาเชียนจั่นก็สังเกตเห็นหยุนถิงแล้ว ช่วงเวลาที่ผ่านมาก็ให้คนไปตรวจสอบหยุนถิงกับจวินหย่วนโยวตลอด

ผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงน่าทึ่งไร้เทียมทาน ทักษะทางการแพทย์และทักษะการใช้พิษก็ยิ่งอยู่เหนือคนทั่วไป ยังมีพรสวรรค์ทางการค้าอย่างมาก ตอนนี้ทรัพย์สินภายใต้ชื่อของนางมีมากกว่าจวินหย่วนโยวไปแล้ว แสดงให้เห็นว่าเป็นคนเก่งกาจคนหนึ่งเลย

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ อาวุธที่นางสร้างขึ้นมามีอนุภาพทรงพลัง นี่ก็เป็นสาเหตุที่ฮวาเชียนจั่นเข้าหาหยุนถิง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ