จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 849

แคว้นชางเยว่

ชางหลันเย่ได้รับข่าวว่าหยุนถิงและจวินหย่วนโยวกลับมาจากเขตทะเลไร้ขอบอย่างปลอดภัย ตื่นเต้นจนหัวเราะออกมา

ช่างดีจริงๆ ในที่สุดพวกเขาก็กลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว หลายเดือนมานี้ชางหลันเย่รู้สึกเป็นกังวล และเป็นห่วงมากมาโดยตลอด

ถือจดหมายที่เจว๋เฟิงเขียนให้กับตัวเอง มองดูสิ่งที่หยุนถิงกับจวินหย่วนโยวได้เห็นและได้กระทำ ชางหลันเย่ทั้งตื่นเต้นและประหลาดใจ สุดท้ายกลายเป็นความชื่นชม

สมกับที่เป็นหยุนถิง ห้าวหาญมากจริงๆ มีสติปัญญาเฉียบแหลม ถึงกับสามารถประดิษฐ์เรือใต้ทะเล แถมยังระเบิดเกาะสองเกาะในชั่วข้ามคืน ความสามารถนี่ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ

“ฝ่าบาท เข้านอนเร็วหน่อยเถอะ พรุ่งนี้เป็นวันคัดเลือกสนมของพระองค์ ยังต้องตื่นแต่เช้าตรู่” ขันทีที่อยู่ด้านข้างกล่าวเตือนสติ

“ตกลง!” ชางหลันเย่ลุกขึ้นกลับไปยังตำหนักบรรทม

ร่างกายของเสด็จแม่แย่ลงไปทุกวัน ถึงแม้จะมียาแก้พิษและยาบำรุงของหยุนถิง แต่เพราะนางถูกพิษมาตลอดทั้งปี ถึงแม้จะแก้พิษแต่หัวใจก็ได้รับความเสียหายไปแล้ว อย่างมากยังมีเวลาอีกหนึ่งปี

ความปรารถนาของหมิงเฟยในอดีต ไท่เฟยในตอนนี้ ก็คือหวังว่าจะได้เห็นชางหลันเย่แต่งงานมีลูก

ดังนั้นเพื่อที่จะให้เสด็จแม่สมความปรารถนา ชางหลันเย่จึงรับปากเลือกสนม

ชางหลันเย่ที่นอนอยู่ไม่ว่าอย่างไรก็นอนไม่หลับ ลุกขึ้นไปหยิบกระดาษข้อความที่หยุนถิงเขียนให้เขาแกล้งตายในตอนนั้นออกมาจากกล่อง ในความมืดมิดเขาไม่ได้จุดเทียน อาศัยแสงจันทร์มองดูข้อความบนกระดาษข้อความอยู่อย่างนั้น

ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เขาในฐานะที่เป็นไท่จื่อแห่งแคว้นชางเยว่ถูกกำหนดไว้แล้วว่าไม่อาจทำตามใจตัวเอง หากไม่มีหยุนถิง เกรงว่าชาตินี้ทั้งชาติเขาก็ไม่สามารถกลับมาได้

ผู้หญิงที่มีสติปัญญาฉลาดเฉลียวและน่าทึ่งเช่นนั้น ราวกับดวงดาวที่สว่างไสวที่สุดในท้องฟ้ายามค่ำคืน และก็มีเพียงจวินซื่อจื่อเท่านั้นที่สามารถสละทุกอย่างได้เพื่อนาง และเขาแบกภาระมากมายเกินไป มีสิ่งที่พัวพันมากมายเหลือเกิน ระหว่างหยุนถิงมันถูกกำหนดแล้วว่าเป็นไปไม่ได้

สำหรับเขาแล้วหยุนถิงคือผู้พระคุณ คือเพื่อน คือคนรู้ใจ คือการดำรงอยู่เหนือความเป็นความตาย

ดังนั้นชางหลันเย่จึงฝังความรักนี้เอาไว้ในส่วนลึกของหัวใจ ขอเพียงนางสบายดีก็อยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว

คืนนี้ ชางหลันเย่ไม่ได้นอน กำกระดาษข้อความนั่นนั่งอยู่อย่างนั้นทั้งคืน

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น นางกำนัลเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับชางหลันเย่ ชางหลันเย่แต่งตัวเต็มยศมุ่งหน้าตรงไปยังพระตำหนัก

เพราะวันนี้เป็นวันคัดเลือกสนม เหล่าขุนนางแต่ละตระกูลล้วนพาลูกสาวของตัวเองมากันแต่เช้าตรู่ หวังว่าจะถูกฝ่าบาทเลือก

และบรรดาคุณหนูพวกนั้นแต่ละคนก็มีเอกลักษณ์เฉลียวฉลาดเช่นกัน แต่งกายกันอย่างประณีตงดงาม หวังจะดึงดูดความสนใจของฝ่าบาท

ฝ่าบาททรงเยาว์วัยและหล่อเหลา ร่างกายแข็งแรงมีกำลัง มีสติปัญญาเฉียบแหลม กำหนดยุทธศาสตร์การต่อสู้ในแนวหลัง โค่นล้มหยางเฟยกับองค์ชายรองด้วยกำลังของตัวเอง ยิ่งกตัญญูและภักดีต่อหมิงเฟย ทำให้แคว้นชางเยว่อยู่เย็นเป็นสุข ย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในใจของสาวน้อยทุกคนเป็นธรรมดา

ชางหลันเย่เดินออกมาจากตำหนัก ก็เห็นบรรดาหญิงสาวทุกคนที่ยืนอยู่ด้านนอกพระตำหนัก เขากวาดมองผ่านผู้หญิงเหล่านั้นด้วยสีหน้าเย็นชา ไม่มีการแสดงออกทางสีหน้าใดๆ

ไท่เฟยเร่งมาถึง ชางหลันเย่ทำความเคารพทันที “กระหม่อมคำนับเสด็จแม่!”

“ไม่ต้องมากพิธี วันนี้เป็นวันสำคัญในการคัดเลือกสนมของเจ้า ข้ามาชมความครึกครื้น” หมิงไท่เฟยเอ่ยปาก

“พ่ะย่ะค่ะ เชิญเสด็จแม่นั่งลงเถิด” ชางหลันเย่ประคองหมิงไท่เฟยขึ้นไปนั่งบนที่นั่งสูง

กงกงที่อยู่ด้านข้างเห็นฝ่าบาทพยักหน้า ก็ยื่นมือไปตีฆ้อง “เริ่มพิธีคัดเลือกสนม ทุกคนเข้าแถวแสดงความสามารถของตัวเองตามลำดับ!”

“เพคะ!” หญิงสาวทุกคนเรียงแถวกันทันที พากันแสดงความสามารถที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง

ดีดพิณ วาดภาพ เล่นหมากรุก เขียนอักษร ท่องบทกลอน------สามารถพูดได้ว่ามากมายหลากหลาย

ไท่เฟยยังถามคำถามสองสามคำเป็นครั้งคราว แต่ชางหลันเย่กลับมีสีหน้าเย็นชาตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่พูดอะไรสักคำเดียว

จนกระทั่งหญิงสาวทุกคนแสดงจบแล้ว หมิงไท่เฟยถึงได้เอ่ยปากขึ้นมา “ฮ่องเต้ เจ้ามีผู้หญิงที่ถูกตาต้องใจหรือไม่?”

“หน้าตาอัปลักษณ์ขนาดนี้ ยังมีหน้าเข้าวังอีก ไม่รู้ว่ามามาผู้ดูแลเห็นชอบให้เจ้าเข้ามาได้อย่างไร”

“เห็นหน้าใบนี้ของเจ้าแล้วข้าก็รู้สึกสะอิดสะเอียน รีบเช็ดพื้นให้สะอาดเลย”

นางกำนัลที่อยู่บนพื้นรู้สึกเจ็บแทบตาย กำลังจะลุกขึ้นมา แต่กลับถูกนางกำนัลคนหนึ่งเหยียบมือเอาไว้ นางกำนัลคนนั้นบดขยี้มือของนางอย่างแรง

“อ๊า!” นางกำนัลอัปลักษณ์เจ็บจนร้องออกมาโดยสัญชาตญาณ

ชางหลันเย่เห็นภาพฉากนี้ จู่ๆก็นึกถึงตอนที่ตัวเองเป็นตัวประกันอยู่ที่แคว้นต้าเยียนในตอนนั้น ขันทีน้อยพวกนั้นก็ข่มเหงรังแกตนเองในลักษณะเดียวกันนี้เหมือนกัน

บางทีอาจเป็นเพราะเข้าใจถึงความรู้สึกแบบนั้น ชางหลันเย่ที่ไม่เคยสนใจเรื่องเล็กเหล่านี้มาโดยตลอดเดินก้าวใหญ่เข้ามา “หยุดนะ!”

เสียงที่เย็นยะเยือก แฝงไปด้วยความเย็นที่เสียดแทงกระดูก ทำให้คนฟังหวาดกลัวจนขนหัวลุก

ทันทีที่เหล่านางกำนัลเห็นว่าเป็นฝ่าบาท ก็ตกใจจนรีบคุกเข่าคำนับทันที “บ่าวคำ คำนับฝ่าบาท”

ผู้ดูแลที่อยู่ไม่ไกลออกไปเห็นภาพฉากนี้เข้า ก็รีบวิ่งเข้ามาทันที “บ่าวคำนับฝ่าบาท เด็กๆพวกนี้รบกวนฝ่าบาท เป็นความผิดของบ่าวทั้งนั้น ขอฝ่าบาทโปรดลงโทษด้วย!”

ดวงตาที่เฉือนคมของชางหลันเย่กวาดมองไปทางผู้ดูแลคนนั้น “ไล่นางกำนัลสองสามคนนี้ไปที่เรือนเคียง ชาตินี้ก็ไม่ต้องให้พวกนางออกมาอีก ส่วนเจ้าหักเงินเดือนครึ่งปี หากมีครั้งหน้าอีก ก็ถือศีรษะมาพบ”

ทันทีที่คำสั่งออกมา นางกำนัลสองสามคนนั้นก็ตกตะลึงกันหมด เรือนเคียงนั่นเป็นสถานที่ที่สกปรกที่สุดเหนื่อยที่สุดและลำบากที่สุดในพระราชวัง ว่ากันว่าเข้าไปที่นั่นแล้วก็เหมือนตายทั้งเป็น

“บ่าวขอบพระทัยฝ่าบาทที่ไม่ฆ่า”

องครักษ์สองสามคนที่อยู่ด้านข้างเดินเข้ามา พานางกำนัลพวกนั้นออกไปทันที ผู้ดูแลก็รีบจากไปเช่นกัน

มีเพียงนางกำนัลที่อยู่บนพื้นคนนั้น ก็ตกใจแทบแย่เช่นกัน ลุกขึ้นมาจากพื้นอย่างตัวสั่นงันงก “ฝ่าบาทไว้ชีวิตด้วย บ่าวรบกวนฝ่าบาทแล้ว บ่าวจะไปที่เรือนเคียงเดี๋ยวนี้”

ลมพัดมาเบาๆ พัดเส้นผมบนหน้าผากของนางขึ้นพอดี ชางหลันเย่เห็นใบหน้านั้นพอดี คนทั้งคนตัวแข็งทื่อไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ