ใบหน้าที่เดิมซีดเผือดของชางหลันเย่พลันทะมึนหนักขึ้น เขาในตอนนี้แม้แต่เรี่ยวแรงจะยกมือขึ้นยังไม่มีเลย ดังนั้นเลยได้แต่ถ่วงเวลา เขาเหล่มองหนุ่มน้อยที่หน้าตาไม่ชัดเจนข้างหน้าว่า “หากเจ้าช่วยข้าออกไปได้ ข้าจะให้รางวัลเจ้าสิบเท่า”
“สิบเท่าสูงมากจริงๆ แต่ข้าต้องมีชีวิตไว้ใช้ด้วยสิ นักฆ่าพวกนั้นที่มาตามฆ่าเจ้าด้านนอกน่ะยังหาตัวเจ้าอยู่เลยนะ” วี่รั่วฉิงตอบอย่างทีเล่นทีจริง
นับจากออกมาจากเขตทะเลนิรนาม นางก็ท่องเที่ยวไปทั่ว ระยะนี้มาอยู่ในแคว้นชางเยว่พอดี แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอชางหลันเย่โดนลอบฆ่า
ชางหลันเย่รู้สึกอวัยวะภายในร่างปั่นป่วนอย่างหนัก และกระอักเลือดสีดำออกมาอีกคำ
คราวนี้วี่รั่วฉิงไม่ล้อเล่นกับเขาอีก รีบพุ่งเข้ามาย่อตัวลงข้างเขาทันที
ชางหลันเย่คิดว่าเขาจะลอบทำร้ายตน พยายามต่อต้านด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมด แต่กลับถูกวี่รั่วฉิงคว้าหมับข้อมือเข้าให้ และจับชีพจรให้เขาไปด้วยเลย
“จะตายอยู่แล้วยังคิดขัดขืนอีก หากข้าจะฆ่าเจ้าจริงๆ ง่ายกว่าขยี้มดตัวหนึ่งอีก” วี่รั่วฉิงบอก สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันที
“นี่มันเม่ยซิงฮัว เป็นพิษอัศจรรย์ของแคว้นนอก พิษนี้ร้ายนัก คนโดนเข้าไปหากไม่ได้ยาถอนพิษในช่วงเวลาหนึ่งก้านธูป ต้องเลือดไหลออกเจ็ดทวารจนตาย โชคดีนะที่เจ้ามาเจอข้าน่ะ” วี่รั่วฉิงบอกพลางจี้จุดชีพจรใหญ่บนตัวชางหลันเย่ทันที
นางควักขวดกระเบื้องออกมาจากในอก และเทยาออกมาหนึ่งเม็ด “กินมันลงไป มันจะช่วยถอนพิษในตัวเจ้าได้”
ดวงตาคมปลาบของชางหลันเย่ฉายแววหวาดระแวง เพราะอย่างไรคนผู้นี้ก็มีที่มาไม่แน่ชัด และยังปรากฏตัวได้อย่างประจวบเหมาะเช่นนี้ แถมมียาถอนพิษพอดี มันทำให้ชางหลันเย่อดสงสัยไม่ได้
วี่รั่วฉิงเห็นท่าทางหวาดระแวงของเขา ก็เริ่มรำคาญ ยกมือขึ้นบีบคางชางหลันเย่เปิดออก พลางยัดยาลงไปทันที
“หากไม่เห็นแก่ที่ว่าหยุนถิงเคยช่วยเจ้าไว้นะ ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะเป็นหรือตายหรอก!”
พอได้ยินชื่อหยุนถิง ชางหลันเย่เลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ “เจ้ารู้จักหยุนถิงรึ?”
“อืม”
“เจ้าเป็นอะไรกับนาง?” ชางหลันเย่ถาม
วี่รั่วฉิงยิ้มขมขื่น “ไม่เป็นอะไรกัน คิดซะว่าข้ายุ่งไม่เข้าเรื่องแล้วกัน”
ชางหลันเย่ไม่รู้จักวี่รั่วฉิงที่อยู่ตรงหน้านี้ หากเขากลับรู้สึกได้ว่านางไม่ได้คิดฆ่าเขา ถึงได้กลืนยาเม็ดนั้นในคอลงไป
“ข้าช่วยเจ้าทำความสะอาดแผลนะ” วี่รั่วฉิงพูดพลางควักมีดสั้นที่พกติดตัวออกมา
ชางหลันเย่มองดูวี่รั่วฉิงในระยะประชิด และเห็นรูใส่ตุ้มหูที่หูขวานางพอดี เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เป็นสตรีหรือนี่
วี่รั่วฉิงยกมือขึ้นลง และถอนธนูหักนั้นออกไปทันที จากนั้นใช้มีดสั้นตัดเนื้อเละที่แขนเขาออก ทำชางหลันเย่เจ็บจนสะท้านหายใจเยือก
“หากรู้สึกเจ็บก็ร้องไห้ออกมาเถอะ ข้าไม่หัวเราะเยาะเจ้าหรอก” วี่รั่วฉิงโพล่งออกมา
ชางหลันเย่ที่กำลังกัดฟันทนความเจ็บหลุดหัวเราะออกมาทันที “ข้าเป็นฮ่องเต้แห่งแคว้น จะร้องไห้ได้อย่างไรกัน?”
“ทำไมจะไม่ได้เล่า ฮ่องเต้ก็เป็นคนเหมือนกัน มีอารมณ์ความรู้สึกความปรารถนา ความโกรธ ความสนุก ความเศร้า ความดีใจอย่างปุถุชนทั่วไปเหมือนกัน ต้องนั่งอยู่บนนั้นต่างหากถึงจะเป็นคนโดดเดี่ยวเดียวดาย ไม่เป็นอิสระอย่างแท้จริง” วี่รั่วฉิงพูดไปพลาง ช่วยใส่ยาให้เขาอย่างรวดเร็วไปด้วย
ชางหลันเย่ตะลึงไปเลย ไม่คิดว่าสตรีเช่นนางจะพูดจาเช่นนี้ออกมา
“เจ้านี่น่าสงสารจริงๆ โดนพ่อแท้ๆส่งมาเป็นตัวประกันที่แคว้นต้าเยียนตั้งแต่เล็ก ตอนนี้กลับแคว้นเป็นฮ่องเต้แล้วยังโดนลอบฆ่าอีก โชคร้ายชะมัด!” วี่รั่วฉิงบ่นออกมา ฉีกเสื้อคลุมตนออกมาหนึ่งชุดมาพันแผลให้เขา
ชางหลันเย่ใบ้กิน นังหนูนี่กล้าพูดว่าตนเป็นคนโชคร้าย
“เอาล่ะ เรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็ระวังหน่อยแล้วกัน” วี่รั่วฉิงลุกขึ้นจะจากไป
“ประเดี๋ยวก่อน วันนี้เจ้าช่วยข้าไว้ ข้าจะให้สัญญากับเจ้าหนึ่งข้อ” มีเสียงชางหลันเย่ดังมาจากด้านหลัง
“เกิดอะไรขึ้นรึ?” หยุนถิงขมวดคิ้วถาม
คนรับใช้รีบเข้ามาพลางมองหน้าซื่อจื่อเฟยอย่างลำบากใจ “ซื่อจื่อเฟย ด้านนอกม่คนมาหา บอกว่าเป็นคนของท่าน และต้องให้ท่านออกไปรับที่หน้าประตูให้ได้”
“หือ ใครใจกล้าขนาดนี้?” หยุนถิงลุกขึ้นเดินออกไป
สุดท้ายก็เห็นชายผู้หนึ่งในชุดคลุมสีแดงสดยืนอยู่หน้าประตูจวน กำลังแหกปากร้องปาวๆหน้าจวนซื่อจื่อว่า “ข้าเป็นคนของซื่อจื่อเฟยนะ ต่อให้จวินซื่อจื่อเจอข้ายังต้องเรียกข้าว่าพี่ใหญ่เลย ข้ารู้จักซื่อจื่อเฟยก่อนเขาเสียอีก”
ชาวบ้านที่ผ่านไปมาพากันมาห้อมล้อม ชายผู้นี้หน้าตาดีนัก มีเสน่ห์เย้ายวน สวมใส่เสื้อผ้าหรูหรา แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา แต่พูดจาเหิมเกริมเช่นนี้ต่อหน้าจวนซื่อจื่อ นี่หาเรื่องตายชัดๆ
“โหลวซิงเจ๋อ หากเจ้ากล้าพูดจาเหลวไหล ข้าจะให้คนตัดลิ้นเจ้าซะ!” หยุนถิงตะคอกดังอย่างเดือดดาล
พอโหลวซิงเจ๋อเห็นนาง ก็รีบพุ่งเข้ามาประจบประแจงทันที “ถิงเอ๋อร์คนงาม ไม่เจอกันหลายวันทำไมดุอย่างนี้เล่า ข้ากลัวนะ” พูดพลางจะเอนพิงไหล่หยุนถิง
เพียงแต่เขายังไม่ทันได้แตะต้องหยุนถิง ก็โดนจวินหย่วนโยวที่รีบมาหิ้วคอเสื้อจากด้านหลัง และโยนออกไปทันที
“อ๊าก!” โหลวซิงเจ๋อร้องอย่างเจ็บปวด แต่ก็แค่ลอยออกไปหลายเมตร เขาหมุนตัวลงพื้นอย่างมั่นคง
“จวินซื่อจื่อ ท่านนี่ช่างรุนแรงจริงนะ ข้าอุตส่าห์ดั้นด้นมาหาถิงเอ๋อร์คนงามแต่ไกล ท่านรับรองแขกอย่างนี้รึ” โหลวซิงเจ๋อแสร้งโอดครวญ
“หากเจ้ายังกล้าพูดจาเหลวไหลอีก ข้าไม่รังเกียจจะส่งซากศพเจ้ากลับไป” จวินหย่วนโยวตะคอกดังอย่างเดือดดาล
“ไอ้หยา อย่าโกรธสิ แค่ล้อเล่นเท่านั้นเอง ครั้งนี้ข้ามีเรื่องสำคัญมาหาถิงเอ๋อร์คนงามนะ พวกเราเข้าไปพูดกันเถอะ” โหลวซิงเจ๋อพูดจบ ก็เดินตรงเข้าประตูใหญ่จวนซื่อจื่อเลย ไม่เห็นตนเองเป็นคนนอกเลยสักนิด
องครักษ์หน้าประตูสกัดไว้ทันที หยุนถิงบอก “ให้เขาเข้าไปเถอะ ทางที่ดีคือเจ้ามีเรื่องสำคัญจริงๆ มิเช่นนั้นข้าไม่ละเว้นเจ้าแน่”
ฉากอึกทึกครึกโครมจบสิ้นลง แต่ทั่วทั้งเมืองหลวงกลับเหมือนระเบิดลง มีคนกล้าเรียกซื่อจื่อเฟยว่าคนงามอย่างเปิดเผย ท้าทายจวินซื่อจื่อ สุดท้ายกลับเข้าจวนซื่อจื่อได้ นี่มันไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อนเลย ชาวบ้านพากันพูดปากต่อปาก พูดคุยกันไปทั่ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ
อัพต่อด้วยจ้า...
รอตอนต่อจ้า...
แต่ละบทที่่อ่านแล้ว ควรมีสีหรือเครื่องหมายที่แตกต่างกัน ผู้อ่านจะได้ทราบว่าเรืื่องนี้อ่านไปถึงบทไหนแล้ว...
รำคานโฆษณาที่เลื่อนเข้ามา เข้าใจได้ว่าต้องหารายได้ แต่ควรนำไปวางไว้ด้านล่างสุด ไม่ด้านซ้ายก็ด้านขวา จะได้ไม่เสียอารมณ์ในการอ่าน ปกติโฆษณาที่อยู่ระหว่างหน้าก็ใหญ่และมากอยู่แล้ว...
ขอร้องทงทีมงานช่วยอัพเดทจนจบด้วยนะคะ😭😭😭😭😭...
เรื่องนี้ทางทีมงานจะอัพเดทต่อมั้ยค่ะ😭...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ😭🙏🏻...
เมื่อไหร่จะอัพเพิ่มค่ะหายไปเป็นเดือนแล้วนะ...
รอค่ะ ตามเรื่องนี้มานานมาก อัพตอนต่อจาก 1070 ให้หน่อยค่ะ...
สนุกมากค่ะ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะรบกวนลงต่อให้จบด้วยค่ะ กำลังสนุก...