“เจ้าแก่นี่ พวกเจ้าต้องโกงแน่!” แม่ทัพไท่ผิงมีสีหน้าเหลือเชื่อ
“ต่อหน้าสายตาทุกคน ทุกคนต่างเห็นกันอยู่นะ สู้ไม่ได้ก็หาว่าโกง เจ้าแก่ เจ้านี่หน้าไม่อายจริงๆ เมื่อครู่ตอนหลานข้าโดนอัด ทำไมเจ้าไม่บอกว่าหลานเจ้าขี้โกงบ้างล่ะ เรื่องสู้กันนี่หลานเจ้าเป็นคนเสนอนะ แพ้ไม่เป็นก็อย่าออกมาให้ขายขี้หน้าสิ!” หยุนเฉิงเซี่ยงบอกอย่างไม่ไว้หน้าเลย
แม่ทัพไท่ผิงสีหน้ากระดากอายยิ่งนัก คำพูดของหยุนเฉิงเซี่ยงเหมือนตบหน้าเขาฉาดใหญ่เลย
“อ๊าก เจ็บนะ ไม่สู้แล้ว ข้าไม่สู้แล้ว ท่านปู่ช่วยข้าด้วย ข้ายอมแพ้!” ชุยฉางเซิงร้องเสียงหลง
พอแม่ทัพไท่ผิงได้ยิน ก็สีหน้าบูดบึ้งหนักกว่าเดิม หลานของแม่ทัพไท่ผิงอย่างเขากลับแพ้ให้กับลูกเจี๊ยบอ่อนแอตัวหนึ่ง เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
“ไม่ได้เรื่อง ในสงคราม ต่อให้สู้จนตัวตาย ก็ไม่สามารถยอมแพ้ได้ เจ้ากลับดี แค่โดนไม่กี่หมัดก็ยอมแพ้แล้ว!” แม่ทัพไท่ผิงเดือดดาลหนัก
ชุยฉางเซิงแยกเขี้ยวบอกอย่างเจ็บปวด “แต่ท่านปู่ ข้าเจ็บจริงๆนะ!” พูดจบ ร้องไห้โฮเสียงดังทันที
“หุบปาก ทำไมข้ามีหลานไม่ได้เรื่องอย่างเจ้ากันนี่ บุรุษเราเสียเลือดไม่เสียน้ำตา” แม่ทัพไท่ผิงสั่งหน้าเย็นชา
“ท่านปู่ ท่านแม่ข้าบอกว่า ลูกผู้ชายเจ็บหรือปวด อยากร้องก็ร้องได้ อดทนไม่ร้องไห้น่ะจะทำให้ไม่สบายเอาได้” จวินเสี่ยวเทียนเดินเข้ามาบอก
แม่ทัพไท่ผิงสีหน้าดำมืด “เด็กอย่างเจ้าจะรู้อะไร?”
“ข้าย่อมเข้าใจสิ ท่านแม่บอกว่า ในสงครามน่ะไม่มีแม่ทัพที่ไร้พ่าย การแพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดา แพ้แล้วก็ไม่ต้องกลัว เพราะพวกข้ายังมีเวลาอีกมากนัก เป็นลูกผู้ชายต้องรู้จักยืดหยุ่น พลิกแพลงไปตามสถานการณ์ อย่าได้หลงตัวเองเด็ดขาด!” จวินเสี่ยวเทียนบอกอย่างขึงขัง
แม่ทัพไท่ผิงตะลึงไปเลย มองจวินเสี่ยวเทียนที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตนเองเลย
หน้าตาหล่อเหลา ใบหน้านั้นเหมือนจวินหย่วนโยวราวกับโขกออกมาเลย แต่อายุเพียงสี่ห้าขวบกลับสามารถพูดจาเช่นนี้ออกมาได้ มันทำให้แม่ทัพไท่ผิงตกใจจริงๆ
“ท่านปู่ อันที่จริงฉางเซิงของท่านฝีมือไม่เลว เขาเป็นคนแรกเพียงคนเดียวที่สามารถสู้กับข้าได้นานขนาดนี้ คนอื่นไม่นานก็โดนข้าซัดหมอบแล้ว” จวินเสี่ยวเทียนบอกอีกครั้ง
แม่ทัพไท่ผิงขบขันกับเขายิ่งนัก “พูดอย่างนี้ แสดงว่าเจ้าเก่งกาจมากล่ะสิ”
“แน่นอน” จวินเสี่ยวเทียนพูดอย่างภูมิใจ
“ไม่ดูเลยว่าเป็นหลานใคร หลานของตระกูลหยุนข้าน่ะเก่งที่สุดแล้ว” หยุนเฉิงเซี่ยงภาคภูมิใจ
แม่ทัพไท่ผิงมองค้อนหยุนเฉิงเซี่ยง “ไม่ได้ยินเด็กบอกรึว่าแม่เขาสอน เจ้าหนอนหนังสืออย่างเจ้ามาภูมิใจอะไร”
“แม่เขาข้าก็สอนมา ข้าต้องภูมิใจอยู่แล้ว” หยุนเฉิงเซี่ยงภูมิใจหนักมาก
“นิสัย!” แม่ทัพไท่ผิงขี้เกียจสนใจเขา หันไปมองหยุนถิง “เรื่องวันนี้ข้าวู่ว่ามเอง ไม่เข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่งอย่างเด็กคนหนึ่ง ซื่อจื่อเฟยสั่งสอนมาได้ดียิ่งนัก”
“ท่านแม่ทัพเกรงใจไปแล้ว ฝีมือของฉางเซิงน่ะไม่เลวเลย หากฝึกฝนให้ดี ต่อไปต้องเป็นเสาหลักของบ้านเมืองเป็นแน่!” หยุนถิงตอบ
แม่ทัพไท่ผิงถึงสีหน้าดีขึ้นหน่อย “ข้าก็คิดว่าฉางเซิงเป็นคนมีพรสวรรค์”
จวินเสี่ยวเทียนหยิบของสิ่งนั้นมา “ฉางเซิง ข้ามอบให้เจ้านะ”
ฉางเซิงชะงัก “เจ้าชนะแล้ว มันเป็นของเจ้าสิ เอามาให้ข้าทำไม?”
“นานๆจะได้เจอคู่ต่อสู้สักที วันนี้ข้าดีใจนัก ดังนั้นสิ่งนี้มอบให้เจ้านะ กลับไปฝึกกับท่านปู่เจ้าให้ดีล่ะ ไว้เราค่อยมาประลองกันใหม่” จวินเสี่ยวเทียนอธิบาย
ฉางเซิงยื่นมือไปรับของเล่นมา “ได้ เจ้ารอเลย ครั้งหน้าข้าจะอัดเจ้าให้ร้องไห้เลย”
พอคำพูดนี้ออกมา ผู้ใหญ่หลายคนพากันขบขันจนหัวเราะออกมา
“เจ้าหนู กลับไปฝึกมาให้ดีๆเถอะ” แม่ทัพไท่ผิงบอก และพาฉางเซิงกลับไป
“ตอนท่านคลอดไท่จื่อน้อยแล้วคลอดยากนั้น หมอหลวงหลิวทูลฝ่าบาทว่าสามารถรักษาได้เพียงคนเดียว ตอนนั้นซูผินก็อยู่ด้วย นางกลับทูลฝ่าบาทว่า เด็กในครรภ์ของท่านเป็นบุตรชายภรรยาเอก บอกเป็นนัยให้รักษาโอรสในครรภ์ไว้
ตอนนั้นข้าได้ยินเองกับหู โชคดีที่ในใจฝ่าบาทมีท่าน และให้หมอหลวงหลิวรักษาให้ได้ทั้งสองคน จากนั้นซื่อจื่อเฟยก็มาพอดี ส่วนซูผินเพราะโวยวายเลยโดนคนของจวินซื่อจื่อโยนออกไป เรื่องนี้เลยปล่อยเลยไป” มามาอธิบาย
ฮองเฮาสีหน้าเย็นชาเฉียบพลัน มือที่ถือผ้าเช็ดหน้าบิดจนเป็นก้อนกลม “ซูผินกล้าคิดเอาชีวิตข้าในตอนที่ข้ากำลังคลอดยาก เดิมข้าไม่เคยสนใจการแก่งแย่งชิงดีกันในวังหลัง แต่ในเมื่อนางกล้าคิดร้ายต่อข้าก่อน ก็โทษข้าไม่ได้ละ ความคิดโสมมของนางนั่นน่ะข้าดูออกนานแล้ว เจ้าหาทางให้ฝ่าบาททรงทราบซะ”
“เพคะ!” มามารีบไปจัดการทันที
คืนนั้นฮ่องเต้เสด็จมาเยี่ยมไท่จื่อน้อย และร่วมทานอาหารกับฮองเฮา อีกทั้งยังพักค้างแรมที่ตำหนักฮองเฮา
ฮองเฮาย่อมดีใจอยู่แล้ว พอทานอาหารกับฮ่องเต้เสร็จ ทั้งสองก็เดินเล่นในสวน จากนั้นก็เข้าพักผ่อน
เพียงแต่กลางดึก ก็มีสาวใช้นางหนึ่งวิ่งเข้ามาจากด้านนอก “มามาแย่แล้ว นายข้าไม่สบาย จู่ๆก็ปวดท้องมาก แถมยังอาเจียนเป็นเลือด นายข้าให้ข้ามาขอเข้าเฝ้าฝ่าบาท!”
“ฝ่าบาทกำลังพักผ่อน ห้ามรบกวนเด็ดขาด” มามาสกัดไว้
สาวใช้ตัวน้อยโขกศีรษะทันที โขกไปก็ร้องขอความช่วยเหลือไป
ฮ่องเต้ที่อยู่ในห้องย่อมโดนปลุกขึ้นมา สีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย ฮองเฮาบอกอย่างใจดีว่า “ฝ่าบาท พระองค์ไปดูหน่อยเถอะ เกิดเป็นอะไรถึงชีวิตขึ้นมาก็ไม่ดีแล้วล่ะ”
“ได้ ข้าไปครู่เดียวก็กลับ เจ้ายังต้องอยู่ไฟ พักผ่อนเถอะ” ฮ่องเต้บอกอย่างเอาใจใส่ ลุกขึ้นสวมเสื้อผ้า
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”
ฮ่องเต้ตามสาวใช้ตัวน้อยมุ่งตรงไปยังเรือนของซูผิน ด้านหน้าประตูไม่มีขันทีหรือสาวใช้ดูทางเลย ซูกงกงกำลังจะร้องบอก ฮ่องเต้ก็ได้ยินเสียงที่ทำให้ฟังแล้วหน้าแดงใจเต้นรัวจากด้านใน ก็เดือดดาลหนักมาก เตะประตูเปิดผ่างเข้าไปทันที!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ
อัพต่อด้วยจ้า...
รอตอนต่อจ้า...
แต่ละบทที่่อ่านแล้ว ควรมีสีหรือเครื่องหมายที่แตกต่างกัน ผู้อ่านจะได้ทราบว่าเรืื่องนี้อ่านไปถึงบทไหนแล้ว...
รำคานโฆษณาที่เลื่อนเข้ามา เข้าใจได้ว่าต้องหารายได้ แต่ควรนำไปวางไว้ด้านล่างสุด ไม่ด้านซ้ายก็ด้านขวา จะได้ไม่เสียอารมณ์ในการอ่าน ปกติโฆษณาที่อยู่ระหว่างหน้าก็ใหญ่และมากอยู่แล้ว...
ขอร้องทงทีมงานช่วยอัพเดทจนจบด้วยนะคะ😭😭😭😭😭...
เรื่องนี้ทางทีมงานจะอัพเดทต่อมั้ยค่ะ😭...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ😭🙏🏻...
เมื่อไหร่จะอัพเพิ่มค่ะหายไปเป็นเดือนแล้วนะ...
รอค่ะ ตามเรื่องนี้มานานมาก อัพตอนต่อจาก 1070 ให้หน่อยค่ะ...
สนุกมากค่ะ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะรบกวนลงต่อให้จบด้วยค่ะ กำลังสนุก...