จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 961

ทีแรกก็แค่อยากจะทำลวก ๆ ไป แต่ว่าโหลวซิงเจ๋อรู้สึกถึงความอ่อนนุ่มจากเรียวปากขององค์หญิงใหญ่ ที่แฝงรสชาติหวานหอมปานน้ำผึ้งไว้เสี้ยวหนึ่ง ก็ทำให้เขารู้สึกลุ่มหลงและคะนึงหาขึ้นมาอัตโนมัติ

ตอนนี้ในหัวสมองของเขา ได้กะพริบภาพของค่ำคืนเมื่อสองปีก่อนขึ้นมาอีกครั้ง

ตอนนั้นองค์หญิงใหญ่ไปหาเขาที่ทางตอนเหนือตัวคนเดียว จึงทำให้เขารู้สึกซาบซึ้งจริง ๆ ตอนนั้นเขายึดชนเผ่าแห่งหนึ่งได้และเป็นหัวหน้าเผ่าอยู่ จากนั้นพวกลูกน้อยก็โอ่ร้องขึ้นว่าจะให้องค์หญิงใหญ่เป็นฮูหยินเผ่าของพวกเขา

คืนนั้นโหลวซิงเจ๋อเองก็มีความสุขมาก ก็เลยดื่มเยอะไปเยอะมาก แล้วลูกน้องอยากจะช่วยให้เรื่องประสบความสำเร็จ ก็เลยใส่อะไรลงไปในเหล้า ดังนั้นน้ำมันกับไฟอยู่ใกล้กันบวกกับแรงสนับสนุนจากคนอื่น โหลวซิงเจ๋อกับองค์หญิงใหญ่ก็เลยข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกไป

พอเช้าวันที่สอง โหลวซิงเจ๋อมองเห็นคราบเลือดราวกับดอกเหมยที่อยู่บนเตียง แล้วก็ทำอะไรไม่ถูกไปทันที

เขาได้ยินมาว่าองค์หญิงใหญ่เป็นคนมีพฤติกรรมปล่อยตัว เลี้ยงชายหนุ่มไว้มากมาย ก็เลยนึกว่านาง……แต่กลับนึกไม่ถึงว่านี่จะเป็นครั้งแรกของนาง

ก็เลยทำให้โหลวซิงเจ๋อไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับองค์หญิงใหญ่ยังไงไปชั่วขณะ บวกกับองครักษ์ลับส่งข่าวมาบอกเขา ว่ามีคนกำลังตรวจสอบเรื่องแผ่นหยกที่มารดาของหยุนถิงเหลือทิ้งไว้ให้ แล้วส่งนักฆ่าออกมาเป็นร้อยคน โหลวซิงเจ๋อไม่อยากทำให้องค์หญิงใหญ่ซวยไปด้วย ก็เลยหลบหนีไปโดยไม่บอกไม่กล่าว

แต่คิดไม่ถึง ว่าองค์หญิงใหญ่จะตามหาตัวเองมาตลอดสองปี เรื่องนี้ทำให้โหลวซิงเจ๋อรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก แต่เขาไม่อยากทำให้นางซวยไปด้วย ก็เลยไม่ได้บอกความจริงออกไป

วินาทีนี้ พอรู้สึกถึงการตอบสนองของริมฝีปาก โหลวซิงเจ๋อก็รู้สึกว่าเลือดในตัวร้อนแรงขึ้นมาทันที ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ รู้สึกว่าตรงท้องน้อยเสียวซ่านขึ้นมาอย่างรุนแรง

เขารู้ว่าตัวเองไม่ควรทำเช่นนี้ เพราะในจวนอ๋องมีคนมากขนาดนี้ จึงอยากผลักองค์หญิงใหญ่ออกตามสัญชาตญาณ แต่คิดไม่ถึงว่ามือขององค์หญิงใหญ่ที่กอดเขาไว้จะกระชับแน่นมากขึ้น

“ท่านหลบหน้าข้ามาสองปี ตอนนี้ยังอยากจะหนีข้าอีกหรือ ข้าแค่อยากได้ตัวท่านเท่านั้น” องค์หญิงใหญ่เปิดปากพูดขึ้นมาอย่างวางอำนาจ อยู่ ๆ ก็หมุนตัวมา โถมตัวใส่โหลวซิงเจ๋อจนล้มลงไป

เพราะไม่ทันได้ตั้งตัว ทั้งตัวโหลวซิงเจ๋อจึงล้มลงไปกับพื้น องค์หญิงใหญ่ก็ล้มตามเขาไปด้วย แต่มือของโหลวซิงเจ๋อกลับกอดปกป้ององค์หญิงใหญ่ไว้แน่นโดยอัตโนมัติ

การกระทำนี้ทำให้องค์หญิงใหญ่รู้สึกซาบซึ้งมาก ว่าแล้วว่าผู้ชายนี่มีแต่ปากไม่ตรงกับใจทั้งนั้น ทั้ง ๆ ที่เจ้าหมอนี้ใส่ใจตัวเองมากขนาดนี้ แต่กลับทำเป็นเกี่ยงงอน

องค์หญิงใหญ่ไม่ได้คิดที่จะปล่อยเขาไปเลยสักนิด ยื่นมือไปก็ถอดเสื้อผ้าของโหลวซิงเจ๋อเลย

“อย่าเล่นซิ มีคนอยู่เยอะแยะขนาดนี้” โหลวซิงเจ๋อรีบห้ามปรามขึ้นมา

“ข้ายังไม่กลัวเลย เจ้าจะกลัวอะไร ใครกล้ามาดู เดี๋ยวข้าจะควักลูกตาทั้งคู่ของมันออกซะ!” องค์หญิงใหญ่พูดขึ้นมาอย่างวางอำนาจ แล้วดึงเสื้อผ้าของโหลวซิงเจ๋อออกทันที

โหลวซิงเจ๋อรู้สึกเบื่อหน่าย ถึงแม้สติจะบอกว่าทำไม่ได้ แต่ร่างกายกลับตอบสนององค์หญิงใหญ่ไปอย่างจริงจัง

ทำกันกลางวันเสก ๆ ในสวนแบบนี้ เป็นครั้งแรกจริง ๆ ทั้งแปลกใหม่และตื่นเต้น ไม่นานเสียงกรีดร้องขององค์หญิงใหญ่ก็ดังไปทั่วสวน ดังอยู่นานก็ไม่หายไป

…………

ที่จวนซื่อจื่อ

ทีแรกเริ่นเซวียนเอ๋อร์กับกู้จิ่วเยวียนยังอยากมาดูว่าหยุนถิงมอบของขวัญวันเกิดอะไรให้จวินหย่วนโยว แต่พอพวกเขาตื่นขึ้นมากลับได้รับรายงานว่า ครอบครัวหยุนถิงทั้งสี่คนได้ออกไปแล้ว ส่วนในจวนก็ไม่งานเลี้ยงใหญ่เอิกเกริกอะไร กลับสงบเงียบเหมือนกับทุกวัน แม้แต่คนมาให้ขวัญสักคนก็ยังไม่มี เรื่องนี้ทำให้เริ่นเซวียนเอ๋อร์รู้สึกไม่เข้าใจจริง ๆ

“ซื่อจื่อของพวกเจ้านี่ช่างไม่ได้รับความชื่นชมจากผู้คนเลย แม้แต่คนมาอวยพรวันเกิดสักคนก็ไม่มี?”

“ซื่อจื่อของเราไม่เคยจัดงานวันเกิดมาก่อน ดังนั้นจึงไม่ได้บอกคนอื่น ซื่อจื่อแค่อยากอยู่กันครอบครัวสี่คน ไม่อยากให้คนอื่นมารบกวน ดังนั้นจึงไม่ได้บอกกับท่านและเซ่อเจิ้งอ๋อง ซื่อจื่อเฟยของเราฝากจดหมายไว้ให้ท่านขอรับ” พ่อบ้านตอบกลับมา

“หยุนถิงนี่ช่างไม่มีน้ำใจเลย ของขวัญวันเกิดคืออะไรก็ยังต้องปิดบังข้ากับเสด็จอาเก้าด้วย” เริ่นเซวียนเอ๋อร์พร่ำบ่นขึ้นมา แล้วยื่นมือไปรับจดหมายมาเปิดดู ใบหน้าที่ไม่พอใจในตอนแรกก็ตื่นเต้นดีใจขึ้นมาทันที

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นพวกเราก็ควรจะกลับแล้ว ช่วงนี้รบกวนเกินไปแล้วนะ” กู้จิ่วเยวียนเปิดปากพูดขึ้นมา

“ท่านลุง ไม่ทราบว่า ในเมืองนี้มีเรื่องมงคลอะไรหรือ ทำไมถึงได้แขวนผ้าแดงล่ะ?” หยุนถิงหันไปถามลุงคนหนึ่งที่ขายโคมไฟ

“แม้นางเจ้าเป็นคนมาจากนอกเมืองใช่ไหม วันนี้เป็นวันหมั้นของคุณชายที่รวยที่สุดของเมืองเรา ดังนั้นตั้งแต่สามวันก่อน เมืองเราจึงแขวนผ้าแดงและโคมไฟสีแดงให้เต็มเมือง เพื่อให้ดูเป็นสิริมงคล”

“ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง” หยุนถิงพยักหน้าเล็กน้อย พวกคนรวยนี่ช่างมือเติบจริง ๆ

พวกเขาเดินไปข้างหน้าต่อ จากที่ไกล ๆ ก็มองเห็นจวนใหญ่หลังหนึ่ง หน้าประตูมีสิงโตหินสองตัววางอยู่ ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก ประตูใหญ่ปิดไปด้วยทอง หน้าประตูมีคำว่าจวนตระกูลกัวสีทองติดอยู่ ดูหรูหราเป็นอย่างมาก

“น่าจะเป็นบ้านคนรวยที่สุดนั่นแน่ ๆ” หยุนถิงพึมพำขึ้นมาประโยคหนึ่ง แล้วก็บังเอิญไปได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่งเข้า

ตรงที่ไม่ไกลนัก จ้าวเม่ยเอ๋อร์มีท่าทางโกรธแค้น ในมือถือกระบี่ยาวเอาไว้ เดินท้องโย้ตรงมาทางจวนตระกูลกัว

หยุนถิงอยากจะร้องเรียกนางเอาไว้ แต่กลับเห็นว่านางไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร แล้วก็ลงมือกับองครักษ์ที่เฝ้าประตูเลย แล้วปราบองครักษ์สองคนนั่นล้มลงไปกับพื้น แล้วก็บุกเข้าไปเลย

“ท่านพี่ คนเมื่อกี้นั่นคือจ้าวเม่ยเอ๋อร์ ข้าอยากไปดูสักหน่อย” ในน้ำเสียงของหยุนถิงมีกังวลอยู่หลายเสี้ยว

เพราะว่าตอนนี้จ้าวเม่ยเอ๋อร์กำลังตั้งครรภ์อยู่ แล้วนางก็เป็นคนที่อารมณ์ร้อน ถ้าเป็นเรื่องที่สามารถใช้กำลังได้จะไม่ใช่ปากเด็ดขาด ดูท่าทางแล้วน่าจะไปต่อสู้แน่

“เจ้าไปก่อนเลย เดี๋ยวข้าจะพาพวกลูก ๆ ตามไปเดี๋ยวนี้” จวินหย่วนโยวพยักหน้าเล็กน้อย ในมือถือของไว้กองหนึ่ง แล้วก็รีบตะโกนเรียกลูก ๆ ทั้งสอง

หยุนถิงรีบบุกเข้าไป องครักษ์ที่เฝ้าประตูยังร้องโอดครวญอยู่บนพื้น หยุนถิงเข้าไปในจวนได้อย่างราบรื่นมาก

“กัวมู่ไป๋ ท่านจะหมั้นกับผู้หญิงคนนี้จริง ๆ หรือ?” น้ำเสียงเย็นชาที่คุ้นเคยดังลอยมา แล้วก็เห็นจ้าวเม่ยเอ๋อร์ยืนอยู่ด้านนอกห้องโถง จ้องมองไปที่คู่บ่าวสาวในห้องอย่างเย็นชาแล้วถามขึ้นมา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ