จอมนางข้ามพิภพ นิยาย บท 972

ตอนนี้เริ่นเซวียนเอ๋อร์ในชุดผู้ชาย เนื่องจากนางคิดว่าการใส่ชุดผู้ชายจะสะดวกกว่า ดังนั้นคำพูดของนางจึงทำให้ผู้หญิงทุกคนตกใจไปหมด

ทุกคนมองไปที่เริ่นเซวียนเอ๋อร์และกู้จิ่วเยวียนด้วยความไม่เชื่อ “เขา เขาชอบผู้ชายเลยหรือ”

“โอ้พระเจ้า เป็นผู้ชายที่หล่อเหลาขนาดนี้ แต่กลับมีนิสัยรักเพศเดียวกัน เสียดายจริงๆ”

“น่าอับอายขายหน้าเลย”

ผู้หญิงที่ล้อมชมพูดคุยกันไม่จบ รู้สึกทั้งเสียใจและผิดหวังกับกู้จิ่วเยวียนทันที ในที่สุดพวกนางก็แยกย้ายกันไปหมดโดยไม่เอาน้ำตาลปั้นแล้ว

กู้จิ่วเยวียนมองเริ่นเซวียนเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆกำลังทำหน้าลำพองใจ เขาไม่ได้อธิบายอะไร ตราบใดที่นางมีความสุขก็พอแล้ว

เริ่นเซวียนเอ๋อร์คว้าแขนของเสด็จอาเก้าอย่างอิ่มอกอิ่มใจ “วิธีของข้าสุดยอดใช่ไหม”

“อืม สุดยอดจริงๆ” กู้จิ่วเยวียนใช้มืออีกข้างหนึ่งเพื่อโกยน้ำตาลปั้นขึ้นมา แล้วก็ยื่นมันให้นาง

เริ่นเซวียนเอ๋อร์รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง และยื่นมือไปรับ “ว้าว เสด็จอา เออท่านเก้าทำน้ำตาลปั้นได้ดีมากเลย นี่เป็นคุณหนูที่มาจากไหนนะหน้าตาสวยจังเลย ข้าแทบจะทำใจกินไม่ลง”

ตอนนี่พวกเขายังอยู่ในข้างนอก นางจึงไม่สามารถเรียกเขาว่าเสด็จอาเก้าได้โดยธรรมชาติ กลัวจะทำให้ชาวบ้านเกิดความหวาดกลัว

“แน่นอนแล้วว่าเป็นผู้หญิงที่ข้าชื่นชอบ” กู้จิ่วเยวียนพูดด้วยความโปรดปราน และหยิบเงินหนึ่งชิ้นออกมาและมอบให้กับเจ้าของร้าน

เจ้าของร้านตื่นเต้นไปหมด “ขอบคุณ ขอบคุณคุณชายมากๆ”

ฉากนี้บังเอิญถูกอานอ๋องที่อยู่ไม่ไกลเห็นเข้าพอดี เขามองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าสองคนนี้เป็นซ่อเจิ้งอ๋องและเริ่นเซวียนเอ๋อร์ หว่างตาของเขามีความมืดมัววาบผ่าน

“เจ้าสั่งคนไปกระจายข่าวว่า ซ่อเจิ้งอ๋องชอบผู้ชาย ข้าจะรอดูว่า ทีนี้เขาจะแต่งงานกับฝ่าบาทได้อย่างไร” อานอ๋องออกคำสั่ง

คนรับใช้ที่อยู่ข้างหลังเขาตัวสั่นด้วยความตกใจ “ท่านอ๋อง เขาเป็นซ่อเจิ้งอ๋องเลยนะ ถ้าเขารู้เรื่องนี้ไป หัวของข้าน้อยคงรักษาไว้ไม่ได้แล้ว”

“เจ้าไปกลัวอะไร พวกเข้ากล้าทำก็ไม่ควรกลัวจะมีคนนินทา อีกอย่าง มีผู้หญิงหลายคนได้เห็นมาแล้ว ใครจะไปรู้ว่าเจ้าเป็นคนกระจายข่าว ไอ้ขยะ!” อานอ๋องตะโกนด้วยความโกรธ

“ขอรับ!” คนรับใช้รีบไปจัดการเรื่องนี้

เช้าวันรุ่งขึ้น ทรงว่าราชกิจตอนเช้า

เริ่นเซวียนเอ๋อร์เข้าท้องพระโรงพลางหาว “ขุนนางที่รักทุกคน เรื่องการเตรียมงานแต่งของข้าและซ่อเจิ้งอ๋องเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”

“ฝ่าบาท โปรดยกโทษให้ในการเสียมารยาทของกระหม่อมด้วย ท่านไม่ควรแต่งงานกับซ่อเจิ้งอ๋องเลย!” ใต้เท้าเฉิงเซี่ยงเป็นคนแรกที่ออกมาคัดค้าน

เริ่นเซวียนเอ๋อร์ผงะไปครู่หนึ่ง “ทำไมหรือ”

กู้จิ่วเยวียนที่ยืนฟังอยู่ด้านข้างทำหน้าเย็นชาในชั่วขณะนั้น “เฉิงเซี่ยง ท่านควรพูดให้ชัดเจนหน่อย มิฉะนั้น-------”

เฉิงเซี่ยงรีตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว รีบคุกเข่าลงและนำหัวจรดพื้น “ฝ่าบาท สวรรค์ก็สามารถพิสูจน์ความภักดีที่กระหม่อมมีต่อท่าน สาเหตุที่กระหม่อมเสี่ยงชีวิตเพื่อเกลี้ยกล่อมท่านก็เป็นเพราะว่าซ่อเจิ้งอ๋องชอบผู้ชาย

มีคนเห็นมากับตาในเมื่อคืนนี้ บอกว่าได้เห็นซ่อเจิ้งอ๋องและผู้ชายอีกคนหนึ่งเดินควงแขน ซ่อเจิ้งอ๋องยังได้ทำน้ำตาลปั้นให้ชายคนนั้นด้วย โปรดฝ่าบาททบทวนใหม่!”

ขุนนางคนอื่นที่ได้ยินข่าวนี้ ต่างก็คุกเข่าลงเพื่อแสดงความเห็นด้วยกับคำพูดของเฉิงเซี่ยง

เริ่นเซวียนเอ๋อร์หัวเราะโดยพลัน “เฉิงเซี่ยง พวกเจ้าได้ยินอะไรมาเล็กน้อยก็เชื่อโดยง่ายจริงๆ บางที่สิ่งที่ได้เห็นกับตามันอาจไม่ใช่ความจริงก็ได้ นับประสาอะไรกับสิ่งที่ได้ยินมา

ข้าจะบอกพวกเจ้าเดี๋ยวนี้ว่า ซ่อเจิ้งอ๋องไม่ได้ชอบผู้ชายเอาซะเลย คนที่เขาชอบมาโดยตลอดคือข้า เพราะผู้ชายที่เดินเล่นกับเขาในเมื่อคืนนั้นก็คือข้าเอง

ข้าคิดว่าการใส่ชุดหญิงไปข้างนอกไม่สะดวกจึงเลือกใส่ชุดชาย เดิมทีข้าอยากจะไปหาซื้อเครื่องเล็กๆน้อยๆมาประดับวังกับซ่อเจิ้งอ๋อง เมื่อเห็นน้ำตาลปั้น ซ่อเจิ้งอ๋องก็เกิดความคิดที่อยากจะลองทำบ้าง น้ำตาลปั้นที่เขาทำออกมานั้นก็เป็นรูปภาพของข้าเอง”

“แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวาน ในเมื่อมู่ไป๋ไม่อยากแต่งงานกับหลันรั่ว ก็อย่าไปบังคับแล้ว ไม่อย่างนั้น แม้จะฝืนใจแต่งงานกันแล้วก็จะไร้ความสุข แต่เรื่องนนี้พูดไปพูดมาแล้ว ตระกูลกัวก็เป็นฝ่ายผิดอยู่ดี เพื่อชดเชยความผิด ตระกูลกัวจะยกเส้นทางธุรกิจที่ไปยังเมืองหลวงให้ตระกูลไป๋”กัวฮูหยินพูดคล้อยตาม

ทั้งๆที่นายท่านกัวจะไม่เต็มใจ แต่พวกเขาเป็นฝ่ายที่ทำผิดก่อน จึงไม่สามารถต่อว่าอะไรได้โดยธรรมชาติ

ท่านพ่อไป๋เริ่มแรกยังโมโหจัด พอได้ยินคำพูดนี้ ความโกรธก็หายไปกว่าครึ่งแล้ว พอดีเขากำลังปวดหัวเรื่องวิธีขนส่งสิ่งของของตระกูลเวินไปยังเมืองหลวง โอกาสดีๆก็เข้ามาหาแล้ว

“ในเมื่อพวกเจ้าพูดเช่นนั้น ข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว พวกเด็กๆก็โตแล้ว เรื่องการแต่งงานก็ปล่อยให้พวกเขาตัดสินใจเองเถอะ” ท่านพ่อไป๋เอ่ย

“สหายไป๋พูดถูก”

ไป๋หลานรั่วอยู่ในบ้าน เดิมทีนางยังรู้สึกสะเทือนใจมากในเมื่อได้ยินว่าพ่อไปตระกูลกัวเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับนาง แต่คาดไม่ถึงเลยว่าพอเขากลับมาแล้วบอกว่าการแต่งงานระหว่างพวกเขาสิ้นสุดลงแล้ว และให้นางไปหาคู่ครองที่ดีๆใหม่

ไป๋หลานรั่วจะยอมรับได้อย่างไร นางร้องไห้ดิ้นรนก็ไม่สามารถเปลี่ยนการตัดสินใจของท่านพ่อไป๋ได้ นางจึงรีบสั่งให้คนสนิทไปสอบสวนว่าวันนี้ในตระกูลกัวได้เกิดอะไรขึ้น

เมื่อได้ยินว่าตระกูลกัวยอมยกเส้นทางธุรกิจให้ตระกูลไป๋ ไป๋หลานรั่วก็รู้สึกเรื่องนี้มันน่าชวนหัวเลย

เส้นทางธุรกิจสายเดียวแลกเปลี่ยนการถอนหมั้น และพ่อก็ได้ยอมรับอย่างว่าง่ายแบบนี้ด้วย ในใจของเขา ธุรกิจสำคัญกว่าลูกสาวอีกหรือ

ไป๋หลานรั่วรู้สึกทั้งหงุดหงิดและโมโห นางเกลียดกัวมู่ไป๋มาก แต่คนที่นางเกลียดที่สุดคือจ้าวเม่ยเอ๋อร์

หากไม่ใช่ว่าจ้าวเม่ยเอ๋อร์มาแย่งยิงพี่มู่ไป๋และยังตั้งท้องลูกของเขาอีกด้วย พี่มู่ไป๋จะใจร้ายต่อนางขนาดนี้ได้อย่างไร ในชั่วขณะนี้ ไป๋หลานรั่วสาบานในใจว่านางจะต้องจับจ้าวเม่ยเอ๋อร์มาแล่เนื้อเอาเกลือทาให้ได้

ส่วนจ้าวเม่ยเอ๋อร์ที่กำลังเดินเที่ยวอย่างสบายอยู่นั้น จู่ๆก็จามสองครั้ง “โอ๊ย ไอ้เลวคนไหนด่าข้านะ”

สิ้นเสียงพูด นางก็ได้สังเกตถึงกลิ่นอายอันตรายที่ลอยอยู่ในอากาศ จึงทำหน้าเย็นชา “ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ออกมาเลยสิ!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ