“ท่านพี่ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?” หยุนถิงสังเกตเห็นความผิดปกติของจวินหย่วนโยว แล้วก็เดินเข้ามาถามอย่างเป็นกังวล
จวินหย่วนโยวยื่นแผ่นกระดาษในมือมา หยุนถิงก็รับมาดูเล็กน้อย แล้วสีหน้าก็เย็นชาลง “นี่มันมีคนคอยรายงานความเคลื่อนไหวของเราให้ตระกูลเวินรู้นี่ ถึงว่าตอนนั้นทำไมเวินเหลียงหยาถึงได้มาปรากฏตัวได้เหมาะเจาะขนาดนั้น”
ที่จริงหยุนถิงเองก็เดาออกแล้ว เพราะว่าพวกเขานั่งบอลลูนมาตลอดทาง ความเคลื่อนไหวไม่แน่นอน แล้วทำไมถึงมีคนมารู้เรื่องได้โดยบังเอิญขนาดนี้
พอเห็นจวินหย่วนโยวมีสีหน้าเย็นชาราวกับน้ำแข็ง แต่ไม่พูดอะไร หยุนถิงก็รู้สึกสงสัย “ท่านพี่ แผ่นกระดาษนี่เป็นของปลอมหรือ?”
“ไม่ใช่ มันคือของจริง นี่คือลายมือของพ่อบ้าน!” จวินหย่วนโยวตอบกลับมา
เขาเคยสัญญากับหยุนถิงไว้ จะไม่ปิดบังซึ่งกันและกันต่างหาก เพราะฉะนั้นจวินหย่วนโยวจึงบอกตามความจริงไป
คราวนี้หยุนถิงนิ่งอึ้งไปเลย “พ่อบ้าน พ่อบ้านของจวนซื่อจื่อ มันเป็นไปได้ยังไง?”
“เกี่ยวข้องกันหรือเปล่า กลับไปถามก็รู้เรื่องเอง” น้ำเสียงของจวินหย่วนโยวแฝงความเย็นชาเอาไว้หลายส่วน
คิดดูแล้วก็รู้สึกกลัว หยุนถิงรู้สึกว่าฝ่าเท้าเย็นยะเยือกไปหมด พ่อบ้านอยู่ในจวนซื่อจื่อมาหลายสิบปี สามารถพูดได้ว่าเฝ้ามองจวินหย่วนโยวเติบโตขึ้นมาเลยก็ว่าได้ แล้วปฏิบัติต่อเสี่ยวเหยียนกับเสี่ยวเทียนราวกับเป็นหลานชายหลานสาวแท้ ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะจวินหย่วนโยวบอกว่าเป็นลายมือของพ่อบ้าน ตีให้ตายหยุนถิงก็ไม่เชื่อหรอก
อยู่ในจวนซื่อจื่อมาหลายสิบปี จนได้รับความไว้วางใจจากจวินหย่วนโยวอย่างลึกซึ้ง ถ้าเขาอยากต่อกรกับจวินหย่วนโยวก็เป็นง่ายดาย ผ่านมานานหลายปีขนาดนี้ พ่อบ้านก็ไม่ลงมือ ทำไมอยู่ ๆ ถึงมาติดต่อกับตระกูลเวิน แถมยังส่งจดหมายหาตระกูลเวิน เรื่องนี้ช่างทำให้คนรู้สึกสงสัยจริง ๆ
“ท่านพี่ ท่านอย่าคิดมากไปเลย บางทีนี่อาจจะเป็นลายมือที่คนอื่นลอกเลียนแบบพ่อบ้านก็ได้” หยุนถิงพูดปลอบโยนไป
นางเองก็ไม่เชื่อ พ่อบ้านที่ดูแลท่านพี่มาอย่างละเอียดยิบทุกเรื่อง แล้วรักใคร่เด็กทั้งสองมากเช่นนี้ จะมาเป็นคนทรยศหรือไส้ศึกไปได้
“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” จวินหย่วนโยวพึมพำขึ้นมาประโยคหนึ่ง
เพราะว่าเป็นพ่อบ้านที่เฝ้ามองตัวเองมาตั้งแต่เล็กจนโต สำหรับจวินหย่วนโยวแล้วเปรียบเสมือนกับพ่อคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ แล้วจู่ ๆ ก็มารู้ว่าเขาทรยศตัวเอง ทรยศจวนซื่อจื่อ แถมยังทำร้ายหยุนถิง ในพริบตาเดียวจวินหย่วนโยวจึงทำใจยอมรับไม่ได้จริง ๆ
…………
แคว้นเป่ยลี่
ตั้งแต่รั่วเฟิงซีตั้งครรภ์มา เป่ยหมิงฉี่ก็ดูแลเอาใจใส่นางเป็นอย่างมาก และใส่ใจมากเป็นพิเศษ พอจัดการงานประชุมเช้าเสร็จก็ไปอยู่เป็นเพื่อนรั่วเฟิงซีเลย
รั่วเฟิงซีเองก็รู้สึกตกใจที่ได้เป็นคนพิเศษ และซาบซึ้งเป็นอย่างมาก ความรู้สึกของทั้งสองคนก็เพิ่มพูนขึ้นมาไม่น้อย
วันนี้พอเป่ยหมิงฉี่ประชุมเช้าเสร็จแล้ว ก็มากินอาหารเช้าเป็นเพื่อนรั่วเฟิงซี รั่วเฟิงซีตักน้ำซุปให้เองกับมือไปถ้วยหนึ่ง “ฝ่าบาทลองชิมอันนี้ดูซิเพคะ?”
“นี่คือซุปที่เหนียงเหนียงไปตุ๋นเองที่ห้องครัวเล็ก ตุ๋นไปตั้งหนึ่งชั่วยามเลยนะเพคะ” สาวใช้ซูหรงรีบเปิดปากพูดขึ้นมา
“ต่อไปเรื่องพวกนี้พวกบ่าวทำก็พอแล้ว เจ้าคอยพักผ่อนให้ดี ๆ ก็พอแล้ว” เป่ยหมิงฉี่รับซุปถ้วยนั้นไปก็ดื่มเลย
“หมอหลวงบอกว่าให้หม่อมฉันคอยออกกำลังทุกวันบ้าง ไม่งั้นถ้าเอาแต่นอนอย่างเดียวมันจะไม่ดีต่อครรภ์สักเท่าไหร่” รั่วเฟิงซีพูดอธิบายขึ้นมา
“ได้ งั้นเจ้าก็คอยระวังไว้ อย่าให้เหนื่อยมากเกินไปล่ะ” เป่ยหมิงฉี่พูดแล้วก็แหงนหน้าดื่มซุปถ้วยนั้นไปจนหมดเลย
“เพค่ะ” รั่วเฟิงซียังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นเป่ยหมิงฉี่ขมวดคิ้วขึ้นมากะทันหัน และสีหน้าขาวซีดไป นางก็ตกใจจนสะดุ้งขึ้นมา “ฝ่าบาท ฝ่าบาทเป็นอะไรไปเพคะ?”
พอคำพูดจบลง เป่ยหมิงฉี่ก็กระอักเลือดแดงสด ๆ ออกมาคำหนึ่ง แล้วเอามือไปจับโต๊ะไว้โดยอัตโนมัติ พยายามที่จะนั่งให้มั่งคง
“ฝ่าบาท ฝ่าบาทเป็นอะไรไป ทำไมถึงกระอักเลือดออกมาได้ ใครก็ได้รีบไปตามหมอหลวงมาเร็ว!” รั่วเฟิงซีประคองเป่ยหมิงฉี่ไว้อย่างเป็นกังวล
สาวใช้ซูหรงกับพวกบ่าวตกใจกันจนลนลานไปเลย
เป่ยหมิงฉี่ขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปม แล้วมองไปที่ซุปถ้วยนั้นโดยอัตโนมัติ “ในซุปมียาพิษ!”
รั่วเฟิงซีจ้องมองไปที่เป่ยหมิงฉี่ที่นอนหมดสติอยู่บนเตียง ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา “ทหาร ไปตามกองทัพหลวงมารับคำสั่ง!”
องครักษ์ที่อยู่นอกประตูรีบไปปฏิบัติตามทันที ไม่นานผู้บัญชาการฟ่านปู้แห่งกองทัพหลวงก็มาถึงอย่างเร่งรีบ “เหนียงเหนียงมีอะไรจะรับสั่งหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“ผู้บัญชาการฟ่านเป็นคนที่ฝ่าบาทเชื่อถือที่สุด ตอนนี้ฝ่าบาทถูกพิษแล้ว ข้าต้องการให้ผู้บัญชาการฟ่านให้ความร่วมมือด้วย!” ฮองเฮารั่วเฟิงซีเปิดปากพูดขึ้นมา
ฟ่านปู้เป็นมือขวาที่เก่งกาจของเป่ยหมิงฉี่ ตอนนี้ในวังมีเขาคนเดียวเท่านั้นที่เชื่อถือได้
ฟ่านปู้นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบทำความเคารพขึ้นมาอย่างนอบน้อม “หม่อมฉันน้อมรับคำสั่งฮองเฮาเหนียงเหนียง!”
“ข้าขอสั่งท่าน ให้ปิดประตูวังไว้ อย่าให้ใครเข้ามาในวังเด็ดขาด และห้ามใครออกทั้งนั้น ท่านจงส่งคนไปแอบตรวจค้นในวังจะต้องจับตัวคนวางยาพิษมาให้ได้
และบอกกับคนภายนอกว่าของมีค่าของข้าสูญหาย เช่นนี้ก็จะไม่ทำให้เกิดหวาดกลัวขึ้นมา ท่านต้องเฝ้าตำหนักของข้าไว้ด้วยตัวเอง ก่อนฝ่าบาทยังไม่ฟื้น ห้ามใครเข้ามาทั้งนั้น!” ฮองเฮารั่วเฟิงซีพูดออกคำสั่งไป
“พ่ะย่ะค่ะ!” ฟ่านปู้รีบรับคำสั่งไปทันที
รั่วเฟิงซีรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก ถ้าไม่เพราะอยากตุ๋นซุปให้ฝ่าบาทกิน บางทีฝ่าบาทอาจจะไม่ถูกพิษก็ได้
จ้องมองพวกหมอหลวงปรึกษากันไป นางก็รีบเขียนจดหมายขึ้นมาฉบับหนึ่ง แล้วให้ซูหรงใช้นกพิราบส่งจดหมายออกไป
“ตอนนี้เหนียงเหนียงตั้งครรภ์อยู่ ไปนั่งพักก่อนเถอะ ถ้าท่านเหน็ดเหนื่อยไม่สบายไป พอฝ่าบาทตื่นขึ้นมาจะต้องเป็นกังวลแน่เลย” สาวใช้ซูหรงพูดขึ้นมาอย่างเป็นห่วง
“เป็นความผิดของข้าทั้งนั้น ข้าเป็นคนทำร้ายฝ่าบาทเอง” รั่วเฟิงซีรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก
“ฝ่าบาท ข้าจะขอเข้าเฝ้าฝ่าบาท!” เสียงแหลมสูงเสียงหนึ่งดังลอยมา ซูเฟยที่สวมใส่ชุดกระโปรงสีแดงทั้งตัว แล้วเดินเข้ามาในลานด้วยความโกรธเกรี้ยว
รั่วเฟิงซีสีหน้าเย็นชา ซูเฟยมาในเวลาแบบนี้ทำไมกัน คาดว่าคงจะไม่ธรรมดาแน่ หรือว่าคนที่วางยาคืนนางหรือ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนางข้ามพิภพ
อัพต่อด้วยจ้า...
รอตอนต่อจ้า...
แต่ละบทที่่อ่านแล้ว ควรมีสีหรือเครื่องหมายที่แตกต่างกัน ผู้อ่านจะได้ทราบว่าเรืื่องนี้อ่านไปถึงบทไหนแล้ว...
รำคานโฆษณาที่เลื่อนเข้ามา เข้าใจได้ว่าต้องหารายได้ แต่ควรนำไปวางไว้ด้านล่างสุด ไม่ด้านซ้ายก็ด้านขวา จะได้ไม่เสียอารมณ์ในการอ่าน ปกติโฆษณาที่อยู่ระหว่างหน้าก็ใหญ่และมากอยู่แล้ว...
ขอร้องทงทีมงานช่วยอัพเดทจนจบด้วยนะคะ😭😭😭😭😭...
เรื่องนี้ทางทีมงานจะอัพเดทต่อมั้ยค่ะ😭...
รอตอนใหม่อยู่นะคะ😭🙏🏻...
เมื่อไหร่จะอัพเพิ่มค่ะหายไปเป็นเดือนแล้วนะ...
รอค่ะ ตามเรื่องนี้มานานมาก อัพตอนต่อจาก 1070 ให้หน่อยค่ะ...
สนุกมากค่ะ รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะรบกวนลงต่อให้จบด้วยค่ะ กำลังสนุก...