จอมนักรบอหังการ นิยาย บท 160

ใครก็คิดไม่ถึงว่า ถังเสี่ยวไป๋จะพูดออกมาแบบนี้

ถังเสี่ยวไป๋......

เป็นคนโง่จริง ๆ? หรือว่าแกล้งโง่กันแน่?

ทว่า เรื่องนี้ก็ไม่สำคัญอะไรแล้ว ที่สำคัญก็คือ เย่อู๋เทียนกลับที่จะให้ถังเสี่ยวไป๋เรียกขานเขาว่าคุณปู่

เย่อู๋เทียนเองก็ถูกถังเสี่ยวไป๋พูดล้อเล่นจนตลกไปด้วยเหมือนกัน และพูดขึ้นว่า: “ฉันไม่ได้กำลังทำให้นายอับอาย”

เมื่อพูดจบ

ถังเสี่ยวไป๋ก็เรียกเย่อู๋เทียนว่า: “คุณปู่”

“......”

“......”

“......”

ทุกคนเงียบกริบกันไปทั้งหมด

ถังเสี่ยวไป๋ ที่เมื่อครู่มีท่าทางที่หยิ่งผยอง ตอนนี้กลับมาเรียกขานเย่อู๋เทียนว่าคุณปู่อย่างง่ายดายขนาดนี้?

หัวสมองของเขามีพัฒนาการที่ผิดปกติไปแล้วอย่างนั้นเหรอ?

เขามองไม่ออกหรือว่าเย่อู๋เทียนกำลังจงใจทำให้เขาอับอายอยู่?

เมื่อครู่เขานั้นต้องการจะลงมือฆ่าเย่อู๋เทียนเลยเชียวนะ!

เย่อู๋เทียนทำไมถึงจะรับเขาเข้าเป็นลูกศิษย์ได้ง่ายดายขนาดนี้เลยเหรอ?

เย่อู๋เทียนไม่ได้คืนคำ พยักหน้าเล็กน้อย แล้วก็หันหน้ามองไปที่เฉียนเป่ยเฉิน และพูดว่า: “เฉินเอ๋อร์ มานี่หน่อย”

เฉียนเป่ยเฉินเดินเข้ามาหา

ด้วยความประหม่าเล็กน้อย

เพราะเขารู้ว่า อาจารย์ของเขาเย่อู๋เทียนนั้นไม่เคยพูดล้อเล่นอะไรมาก่อน

หลังจากที่เฉียนเป่ยเฉินเดินเข้ามาแล้ว สายตาที่มองไปยังถังเสี่ยวไป๋นั้น ก็ค่อนข้างซับซ้อน และในแววตากลับมีความเคารพเลื่อมใสขึ้นมาบ้างด้วย

หมดหนทาง

เพราะคนธรรมดาที่นั่งกันอยู่ในที่แห่งนี้ บางทีอาจจะคิดว่าถังเสี่ยวไป๋นั้นเก่งกาจล้ำเลิศ

เพียงแค่ใช้ชี่กระบี่ก็สามารถที่จะฟันโต๊ะที่ทำมาจากหยกให้แตกหักออกเป็นสองส่วนได้ ซึ่งง่ายดายราวกับว่าหั่นเต้าหู้ แต่ในสายตาของเฉียนเป่ยเฉินแล้ว มันช่างน่าตื่นตกใจเป็นยิ่งนัก!

ผู้ที่เป็นนักบู๊ จะต้องอยู่ในแดนพลังปราณและมีพลังเหนือกว่าพลังตันสุดขอบ ถึงจะสามารถแผ่ซ่านพลังลมปราณได้ แต่พลังลมปราณประเภทนี้ ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำร้ายผู้อื่นได้

ซึ่งจะต้องถึงขั้นพลังปราณสุดขอบก่อนเป็นอย่างน้อย

ส่วนระดับที่จะสามารถใช้พลังลมปราณฆ่าคนได้นั้น จะต้องมีพลังขั้นแดนที่แข็งแกร่งมากขึ้นกว่านี้

นั่นก็คือพลังมืด

ก่อนหน้านี้ที่โรงแรมว่างไห่ เย่อู๋เทียนใช้มือข้างเดียวกดทับลงมา ราวกับว่าเป็นฝ่ามือปกคลุมท้องฟ้าในการเอาชนะถังเจิ้งเฟิงได้บนทะเล ซึ่งก็คือใช้พลังมืดนี้เอง!

ส่วนในวันนี้ พลังกระบี่ที่ถังเสี่ยวไป๋ใช้ฟาดฟันเย่อู๋เทียนนั้น ได้รวมชี่เป็นเส้นพลัง และขับเคลื่อนบนตัวกระบี่

ชัดเจนว่า......

พลังความสามารถของถังเสี่ยวไป๋นั้น ก็เข้าสู่ขั้นพลังมืดแล้ว!

ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งคนนี้ คิดไม่ถึงว่าจะนับถือเด็กหนุ่มที่อ่อนต่อโลกไร้ประสบการณ์แบบนี้เป็นอาจารย์?

ช่างน่าเหลือเชื่อมากจริง ๆ!

เวลานี้ ถังเสี่ยวไป๋ก็ได้สังเกตไปที่เฉียนเป่ยเฉิน โดยสังเกตประมาณสิบวินาที ใบหน้าก็กระตุกขึ้น

เขานึกว่าศิษย์รักของเย่อู๋เทียนจะเป็นถึงยอดฝีมือที่เก่งกาจอะไรนั่น

ตอนนี้ดูเหมือนว่า รูปร่างราวกับเป็นแท่งไม้ไผ่ ร่างกายก็ไม่มีท่วงท่าความเป็นนักบู๊อะไรเลย......

คนนี้เหรอ?

เย่อู๋เทียนพูดกับถังเสี่ยวไป๋ว่า: “คุกเข่าคารวะนับถือเป็นอาจารย์สิ”

ถังเสี่ยวไป๋รู้สึกได้ว่า ตนเองนั้นถูกทำให้อับอายจริง ๆ แล้ว จึงพูดขึ้นอย่างหนักแน่นว่า: “ฉันต้องการที่จะนับถือนายเป็นอาจารย์! ไม่ใช่จะนับถือไอ้กระจอกนี้เป็นอาจารย์สักหน่อย! ”

เย่อู๋เทียนชะงักเล็กน้อย แล้วหันหน้าถามไปที่เฉียนเป่ยเฉินว่า: “เขากำลังดูหมิ่นอาจารย์ ทำอย่างไรดี? ”

เฉียนเป่ยเฉินกระพริบตาสองครั้ง และพูดว่า: “ง่ายมาก”

เมื่อพูดจบ

เฉียนเป่ยเฉินก็ลงมืออย่างรวดเร็ว

โดยชกเข้าไปที่ทรวงอกของถังเสี่ยวไป๋

ตุบบบ!

ทันใดนั้น ถังเสี่ยวไป๋ก็ราวกับว่าวที่เส้นเชือกขาด กระเด็นลอยไปไกลกว่ายี่สิบเมตร

แต่ยังไม่ทันรอให้ถังเสี่ยวไป๋ร่วงตกลงสู่พื้น เฉียนเป่ยเฉินก็พุ่งตรงเข้าไปหาราวกับเป็นเสือชีต้า ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าของถังเสี่ยวไป๋ จับที่ท่อนแขนของเขา และเหวี่ยงสะบัดไปมาซ้ายขวา

ตุบบ!

ตุบบ!

ตุบตุบตุบบบบบบบบ!

เฉียนเป่ยเฉินที่รูปร่างผอมกระหร่อง จับที่ท่อนแขนของถังเสี่ยวไป๋ แล้วก็เหวี่ยงร่างกายของเขากระแทกลงไปที่พื้นอย่างรุนแรง และยังจะซ้ายทีขวาทีอีกด้วย

ทุกคนในที่แห่งนี้ ต่างก็ตกตะลึงกันทั้งหมด

นี่มัน......

หลังจากที่เหวี่ยงไปมายี่สิบกว่าครั้งแล้ว เฉียนเป่ยเฉินก็พลาดทำหลุดมือ แต่ไม่ทันรอให้ถังเสี่ยวไป๋ตกลงถึงพื้น ถังเสี่ยวไป๋ก็ถูกเหวี่ยงกระเด็นออกไปไกลอีกครั้ง

ร่างกายล่องลอยอยู่กลางอากาศ

ลอยไปจนถึงฝาผนังกำแพงทางฝั่งตะวันตกของห้องโถงจัดเลี้ยง

ตุบ!

ถังเสี่ยวไป๋ราวกับว่าเป็นหุ่นไม้กระบอกอย่างไรอย่างนั้น กระแทกเข้ากับฝาผนังอย่างจัง จนร่างกายฝังเข้าไปอยู่ในฝาผนังเลยทีเดียว

ผ่านไปเจ็ดถึงแปดวินาที ก็ยังไม่ร่วงตกลงมา

ถังเสี่ยวไป๋อยู่ในสภาพที่สับสนมึนงงไปหมดแล้ว

เมื่อเย่อู๋เทียนเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว พูดตามจริง เขาก็แปลกใจบ้างเหมือนกัน และพูดกับเฉียนเป่ยเฉินด้วยสีหน้าบึ้งตึงว่า: “นายโง่หรือเปล่าเนี่ยะ? เขาเป็นนักกระบี่ วิชาความสามารถก็อยู่ที่กระบี่ พลังในร่างกาย ที่จริงแล้วก็แค่ขั้นพลังปราณชั้นยอดเท่านั้น นายลงมือหนักไปหน่อยแล้ว! ”

เฉียนเป่ยเฉินสีหน้าเป็นกังวล จึงรีบวิ่งเข้าไปหาถังเสี่ยวไป๋ และถามว่า: “ลูกศิษย์ นายไม่เป็นไรใช่ไหม? ”

ฟู่ว์!

ถังเสี่ยวไป๋กระอักเลือดออกมา

หุ้นส่วนสามสิบสองเปอร์เซ็นต์ของหลี่ซื่อ กรุ๊ปแห่งเมืองหนานกั่ง จะต้องยอมมอบให้กับหยางเฟยเอ๋อร์อย่างง่ายดายแบบนี้เลยเหรอ?

เมื่อคิดถึงจุดนี้ หลี่จิงหงก็พลันพูดกับฉาวซิงที่อยู่ด้านข้างว่า: “ลุงฉาว ฉันพลันนึกขึ้นได้ว่า ฉันยังมีธุระด่วนอย่างอื่นอีก ฉันจึงต้องขอตัวไปก่อนแล้ว”

ฉาวซิงตื่นตกใจ ไม่นานนักก็เข้าใจได้ถึงเจตนาของหลี่จิงหงในตอนนี้แล้ว จึงพูดว่า: “มีธุระอะไร ไว้ค่อยคุยกันหลังวันนี้ก็ได้ ไม่รีบร้อน”

หลี่จิงหงสูดหายใจลึก แล้วก็หันมองไปที่หยางเฟยเอ๋อร์ ก็เห็นว่า หยางเฟยเอ๋อร์กำลังมองดูเย่อู๋เทียนอยู่อย่างเคลิบเคลิ้ม......

เวลานี้ ถังเสี่ยวไป๋ก็ยากที่จะลุกยืนขึ้นแล้ว จึงคุกเข่าต่อหน้าของเฉียนเป่ยเฉิน และพูดเบา ๆ ว่า: “อาจารย์ที่เคารพ เชิญน้อมรับการคารวะของลูกศิษย์ด้วย”

เฉียนเป่ยเฉินพยักหน้า และพูดว่า: “มีธุระอะไรก็รีบไปจัดการเถอะ ที่จริงแล้วฉันเองก็ไม่มีอะไรที่จะสอนนายเหมือนกัน ครั้งหน้านายก็อัดวีดีโอการฝึกฝนกระบี่ของนายในช่วงกี่ปีมานี้เอาไว้ด้วย หากมีเวลาฉันจะร่ำเรียนบ้าง เวลาที่อัดนั้นจะต้องตั้งใจหน่อย ห้ามมีการปกปิดอะไรเอาไว้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้น......ถึงอย่างไรตอนนี้นายก็คือลูกศิษย์ของฉันแล้ว ไม่ว่าฉันจะลงโทษสั่งสอนนายอย่างไร ก็ถูกต้องตามหลักการทั้งหมด! ”

ถังเสี่ยวไป๋รู้สึกว่า......

ตนเองนั้นหลงกลแล้ว ตนเองถูกบังคับให้เป็นลูกศิษย์!

ในขณะนั้น เฉียนเป่ยเฉินก็โยนยาเม็ดหนึ่งให้กับถังเสี่ยวไป๋ และพูดว่า: “นี่คือยาชำระล้างที่อาจารย์ปู่ให้ไว้กับฉัน นายบาดเจ็บภายใน กินเข้าไปก่อนเถอะ”

ถังเสี่ยวไป๋เบิกตามองไปที่เม็ดยาที่เฉียนเป่ยเฉินมอบให้กับเขา......

ถึงขนาดตกใจจนพูดอะไรไม่ออกเลย

เฉียนเป่ยเฉินเห็นว่าถังเสี่ยวไป๋ทำเป็นไม่สนใจ จึงดุด่าว่า: “รีบกินซะ! ฉันสั่งให้นายกินนายก็รีบกินเข้าไปสิ! ต้องรักษาร่างกายของตนเองให้ดีเข้าไว้ ไม่อย่างนั้นครั้งหน้าเมื่อฉันชกต่อยนาย นายต้านทานไม่ไหวจะทำอย่างไร! ”

ถังเสี่ยวไป๋กลืนกินเข้าไปทั้งน้ำตา

น่าอับอายขายหน้าอย่างที่สุด

แต่ท่ามกลางความอับอายขายหน้านี้ ก็ยังคงมีความสะใจอยู่บ้าง

นี่เป็นถึงยาชำระล้างเชียวนะ!

ที่ตนเองมายังเมืองเจียงหนานนั้น ที่จริงแล้วมีจุดประสงค์ที่จะไปเข้าร่วมงานประมูลฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง

แล้วไปเข้าร่วมงานประมูลฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงเพื่ออะไรล่ะ?

ก็เพื่อซื้อยาชำระล้าง!

ซึ่งเรื่องที่ตนเองคาดหวังและต้องการทำมากที่สุดในชีวิต ก็คือซื้อยาชำระล้าง!

ตอนนี้......

ไอ้หนุ่มเบื้องหน้าที่บังคับให้ตนเองนับถือเป็นอาจารย์นั้น ได้มอบสิ่งของที่ตนเองใฝ่ฝันต้องการมากที่สุดให้กับตนเองแล้ว ซึ่งราวกับว่าโยนลูกอมให้อย่างไรอย่างนั้น!

ตะลึงงัน!

ในขณะเดียวกัน เย่อู๋เทียนก็เดินกลับมายังบริเวณที่ไม่ห่างจากฉาวซิง ตรงด้านข้างของซูชิงหลวนที่อยู่ด้านหลังของเฉิงโม่หนง และถามขึ้นว่า: “ถุงยาชำระล้างที่เฉียนเป่ยเฉินให้นายไว้ล่ะ? ”

ซูชิงหลวนตกใจ จึงรีบหยิบออกมา และเอ่ยปากส่งเสียง: “อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ......”

ความหมายโดยประมาณก็คือ กินเข้าไปจนเหลือไม่มากแล้ว

หลังจากที่เย่อู๋เทียนรับมาแล้ว ก็เดินเข้าไปหาฉาวซิง และพูดว่า: “กินยาเม็ดนี้เข้าไป จากนั้นก็บอกให้แม่นางที่ผสมเหล้าเซียนหลับใหลคนนั้นให้ช่วยผสมเหล้าเซียนหลับใหลในนายดื่มอีก โดยดื่มหนึ่งแก้วต่อวัน ติดต่อกันสามวัน นายก็จะหายดีขึ้นเป็นปกติแล้ว”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ เย่อู๋เทียนก็เหมือนกับว่าคิดอะไรขึ้นได้ จึงหันหน้ามองไปที่ผิงเสี่ยวหลิง แล้วพูดเสริมขึ้นว่า: “เหล้าเซียนหลับใหลที่ลูกศิษย์ของนายผสมเอาไว้ก่อนหน้านี้นั้น ธรรมดาจริง ๆ ในอดีตตอนที่ฉันสอนอาจารย์ของนายผิงปู๋จิ้วผสมเหล้านี้ แล้วเขาก็มาสอนนายอีกที หรือว่าได้มีการลดขั้นตอนหรือปรับลดส่วนผสมอะไรลงบ้างแล้ว? ”

ผิงเสี่ยวหลิงพูดขึ้นอย่างเก้อเขินว่า: “อาจารย์ของฉันนั้น ท่านก็รู้ดีอยู่แล้ว ฉันเป็นเพียงแค่ลูกศิษย์ครึ่งหนึ่งของเขาเท่านั้น ตอนที่เขาสอนวิชาให้กับฉัน จะต้องปกปิดบางส่วนเอาไว้แน่นอน ดังนั้น......หลี่จิงหงที่นับถือฉันเป็นอาจารย์ ฉันเองก็ไม่สามารถที่จะถ่ายทอดวิชาทั้งหมดให้กับหล่อนได้ ไม่อย่างนั้นฉันก็คงจะไม่มีวิชาอะไรเอาไว้ทำมาหากินแล้ว”

ใครรู้บ้างว่าหลังจากที่หลี่จิงหงได้ยินการสนทนาระหว่างเย่อู๋เทียนกับผิงเสี่ยวหลิงแล้ว จะมีสภาพจิตใจอย่างไร

หรือว่า เหล้าเซียนหลับใหลที่ตัวเองผสมนั้น ผู้คิดค้นก็คือเย่อู๋เทียน?

หรือว่า คนที่ตัวเองจะนำเหล้าเซียนหลับใหลมอมเมานั้น จะเป็นผู้คิดค้นเหล้าเซียนหลับใหลขึ้นมา?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบอหังการ