เหล่าผู้กล้ามากมายมารวมตัวกันที่นี่ อีกทั้งแต่ละคนแฝงเลศนัยไว้
อันที่จริงใครๆก็อยากได้แก่นเหรียญม่วงในมือของเย่อู๋เทียนทั้งนั้น แต่ตอนนี้……
ถังว่านฉาวยอดฝีมือระดับนี้ เข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้แล้ว ซึ่งทำให้ทุกคนรู้สึกลำบากใจ
สิ่งที่ไร้สาระไปกว่านั้นก็คือ ถังว่านฉาวเสนอราคาหนึ่งพันแก่นเหรียญเขียวที่สูงลิ่วขนาดนั้น!
เขามีเงินขนาดนั้นจริงๆหรอ?
ต้องรู้ว่า ถึงแก่นเหรียญเขียวจะด้อยกว่าแก่นเหรียญทองไปหนึ่งระดับ แต่ก็มีมูลค่าอย่างน้อยหนึ่งร้อยล้าน ในโลกแห่งความเป็นจริง!
และเหรียญแก่นเหรียญเขียว มีค่าเท่ากับยี่สิบแก่นเหรียญทอง!
ยิ่งไปกว่านั้นหนึ่งพันเหรียญแก่นเหรียญเขียว?
ดังนั้น……
โดยพื้นฐานแล้ว สกุลเงินที่หมุนเวียนในโลกยุทธจักร สกุลเงินที่หมุนเวียนในโลกปกติ มันเป็นเรื่องที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
กระทั่งอาจกล่าวได้ว่า เพราะทรัพยากรในโลกยุทธจักรค่อนข้างขาดแคลน
สกุลเงินที่หมุนเวียนในโลกกับสกุลเงินที่หมุนเวียนในโลกยุทธจักร ได้กลายเป็นช่องว่างที่ผ่านไปไม่ได้ระหว่างสองโลก
ก็เหมือนกับคนธรรมดาปกติอยากจะเข้าสู่สังคมแวดวงไฮโซ ลำพังแค่ค่าสมัครสมาชิกเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้คนธรรมดาไกลเกินเอื้อมไปแล้ว เมื่อเป็นแบบนี้ ยังจะพูดถึงการเข้าร่วมกับคนชั้นสูงได้อย่างไรอีก?
ขอบเขตระหว่างโลกแห่งยุทธจักรและโลกของคนธรรมดาทั่วไป อยู่ตรงนี้!
เมื่อเห็น เจี่ยนโล่จู๋กำลังจ้องมองถังว่านฉาวที่อยู่บนเวทีจุดจัดแสดง เขายิ่งคาดคิดไม่ถึงว่า ตาแก่คนนี้จะมีอู้ฟู่ขนาดนี้!
เจี่ยนโล่จู๋รู้ดี ถังว่านฉาวมีหนึ่งพันเหรียญแก่นเหรียญเขียวจริงๆ
แต่หากนำแก่นเหรียญเขียวออกมาหนึ่งพันเหรียญ ถ้าอย่างงั้นสำหรับถังว่านฉาวแล้ว มันแทบจะเหมือนกับการนำบ้านไปแลกของสิ่งนี้
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ถังว่านฉาวก็ยังคงเลือกที่จะทำแบบนั้น
นี่จึงหมายความว่า แก่นเหรียญม่วงมันล้ำค่ามากมายขนาดไหน ถึงทำให้ถังว่านฉาวยอมแลกทุกอย่าง เพื่อให้ได้สิ่งนี้มา!
ควรทำอย่างไรต่อไปดี?
เธอยังสามารถเอาแก่นเหรียญเขียวออกมาได้อีกจำนวนหนึ่ง แต่อย่างมาก ก็นำออกมาได้แค่สี่ร้อยเหรียญเท่านั้น!
ในขณะที่เจี่ยวโล่จู๋กำลังลำบากใจอยู่นั้น จู่ๆหัวเฉียนคุนก็เดินมาอยู่ข้างๆของเธอ แล้วกระซิบเตือนว่า“ที่ฉันยังมีหนึ่งร้อยเหรียญ อีกทั้งจากที่ฉันรู้มา ผู้อาวุโสคนอื่นๆ สามารถเอาออกมาได้อีกบางส่วน เรา……ลองลงขันกันไหม ดูสิว่าจะสามารถเอาออกมาได้หนึ่งพันเหรียญไหม?ถึงเวลานั้น แค่รอฉันทำความเข้าใจกับวรยุทธเกี่ยวกับแก่นเหรียญม่วงก็พอแล้ว เธอดูสิ ว่าจะจัดการอย่างไร ?”
เจี่ยนโล่จู๋ตาเป็นประกาย รู้สึกว่าเป็นความคิดที่ดี
แต่ในขณะที่เจี่ยนโล่จู๋กำลังจะตอบตกลงนั้น เย่อู๋เทียนที่อยู่บนเวท่ จู่ๆก็พูดกับถังว่านฉาวหนึ่งประโยค“หนึ่งพันแก่นเหรียญเขียว น้อยไปหน่อย อีกอย่างสิ่งที่ผมมีเยอะมากที่สุดก็คือแก่นเหรียญเขียว เจ้าสิ่งนั้นกับแก่นเหรียญแดง ในสายตาของผม มันไม่คู่ควรให้เอ่ยถึงด้วยซ้ำ!”
ถังว่านฉาวถึงกับหน้ากระตุก
คนที่อยู่ด้านล่างเวที ล้วนพากันเบิกตากว้าง
ในสายตาของไอ้สารเลวนี่ แก่นเหรียญเขียว ไม่ควรค่าแก่การพูดถึงงั้นหรอ?
เคยเห็นเศรษฐี แต่ไม่เคยเห็นคนที่รวยขนาดนี้มาก่อน
ถังว่านฉาวสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วหัวเราะเหอะๆ“ไม่เป็นไร!คุณเย่ เอาอย่างงี้ดีไหม นอกจากหนึ่งพันแก่นเหรียญเขียว ผมจะเป็นคนจัดการให้เอง ของที่นำมาประมูลในงานทั้งหมดจะเป็นของคุณแต่เพียงผู้เดียว ผมแค่ต้องการแก่นเหรียญม่วงที่อยู่ในมือของคุณ!”
เย่อู๋เทียนทำท่าลังเล
และในเวลานี้เอง หัวเฉียนคุนที่อยู่ด้านล่างก็อดที่จะก่นด่าไม่ได้ “ถังว่านฉาว!ฉันเห็นแก่ที่แกมีความสัมพันธ์อันดีกับเจ้าสำนักหลังภูเขาเอ๋อเหมย ถึงได้เรียกแกว่าผู้อาวุโสถัง แต่แกต้องรู้ว่า แกเป็นแค่คนนอกของหลังภูเขาเอ๋อเหมยสำหรับพวกเรา เป็นแค่คนที่ทำงานให้!แกมีสิทธิ์อะไรมาพูดแทนหลังภูเขาเอ๋อเหมยของฉันห้ะ?”
เสียงดุจสายฟ้าฟาด สะเทือนไปทั้งงาน
นี่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนเห็นว่าหัวเฉียนคุนฉุนเฉียว หลังจากที่พวกเขาเข้าร่วมการประมูล
ลำพังแค่ฟังเสียงของเขา ก็สามารถบอกได้แล้วว่า อิทธิพลของเขา สามารถกดข่มเหล่าผู้กล้าบางส่วนได้
ทว่า ถังว่านฉาวที่ยืนอยู่บนเวที เพียงแต่มองหัวเฉียนคุนแวบหนึ่ง หัวเฉียนคุนราวกับถูกสายฟ้าฟาด หลังจากนั้นถังว่านฉาวก็พูดขึ้นมาอย่างเรียบเฉยว่า“ขืนแกยังกล้าพูดอีกคำเดียว ฉันจะกวาดล้างทุกคน แทนหลังภูเขาเอ๋อเหมย!”
หัวเฉียนคุนถึงกับเงียบไม่กล้าพูดต่อ
เจี่ยนโล่จู๋ขมวดคิ้วมองไปยังถังว่านฉาว แล้วพูดอย่างเย็นชา“ผู้อาวุโสถัง ในฐานะที่คุณเป็นคนนอกที่ทำงานให้กับหลังภูเขาเอ๋อเหมย ตอนนี้กลับกำลังแย่งของกับหลังภูเขาเอ๋อเหมย คุณไม่อยากมีชีวิตแล้วใช่ไหม หรือคิดว่า ฉันไม่มีเส้นสายอยู่ในหลังภูเขาเอ๋อเหมย?”
เมื่อสิ้นเสียงของเจี่ยนโล่จู๋ เหล่าผู้กล้าของหลังภูเขาเอ๋อเหมย ก็ฮึกเหิมขึ้นทันที
ราวกับพอเจี่ยนโล่จู๋สั่งการ พวกเขาก็พร้อมจู่โจมถังว่านฉาวทันที !
เย่อู๋เทียนคิ้วขมวดด้วยความสงสัย
โล่หวาง……
ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?
ในเวลานี้เอง เจี่ยนโล่จู๋ที่อยู่ด้านล่างเวที มองโล่หวางตาไม่กะพริบ แล้วถามอย่างเยือกเย็นว่า“โล่หวาง ทำไมถึงกล้าไปเป็นศิษย์ของถังว่านฉาว!”
เมื่อโล่หวางได้ยินนี้ ก็ตกใจเล็กน้อย แต่กลับมองดูเจี่ยนโล่จู๋ที่อยู่ข้างล่างแวบหนึ่ง แล้วก็ไม่มีสีหน้าท่าทางอย่างอื่นอีก
ใช้คำพูดสุดใจของโล่หวาง
ไปสอดแนมหลังภูเขาเอ๋อเหมยเพื่อผู้ชายที่ตัวเองรักที่สุด โดยเฉพาะการสอดแนมความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลถังแห่งตี้ตูกับหลังภูเขาเอ๋อเหมย ฉันควรทำอย่างไรถ้าไม่ไปขอกราบเป็นศิษย์บรรพาจารย์อาวุโสถังว่านฉาว?
ถังว่านฉาวมองดูเจี่ยนโล่จู๋แวบหนึ่ง แล้วหัวเราะ“เจี่ยวโส่วจั่ว อย่าพึ่งใจร้อน โล่หวางคนนี้ ตอนนี้เป็นแค่ทาสคนหนึ่งของผมเอง จากที่ผมรู้มา เธอกับคุณเหมือนจะมีความแค้นกันส่วนตัวนะ วางใจเถอะ หลังจากที่ผมกับคุณเย่เจรจากันเสร็จ ผมจะช่วยคุณฆ่าเธอเอง!”
สิ้นเสียง โล่หวางก็งงเป็นไก่ตาแตกทันที
เจี่ยนโล่จู๋ที่อยู่ด้านล่างเอง ก็ตกตะลึงเช่นกัน หลังจากนั้นก็พูดกับถังว่านฉาวว่า“นี่คือเรื่องภายในครอบครัวของฉัน ไม่ต้องให้ผู้อาวุโสถังแทรกแซงหรอก!”
เย่อู๋เทียนที่อยู่ด้านล่าง สีหน้าเคร่งขรึมลงเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้น ภายใต้สายตาของสาธารณชน เย่อู๋เทียนจู่ๆก็ไปโผล่ข้างๆประชิดตัวถังว่านฉาว โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ยกมือขึ้นตบหน้าเขาทันที
เพี๊ยะ!
เพี๊ยะ!
เพี๊ยะ!
ตบหน้าเขาติดต่อกันสามครั้ง จนทำให้ถังว่านฉาวล้มตัวกระแทกกับพื้น จนใบหน้าแก่เฒ่าของถังว่านฉาวบวมแดงเป็นหัวหมู
นี่ยังไม่จบ ในวินาทีที่ถังว่านฉาวล้มลงพื้น
เย่อู๋เทียนก็กระทืบหัวของถังว่านฉาวลงกับพื้นอย่างจัง ศีรษะขนาดใหญ่ ถูกเหยียบกระแทกกับพื้นแข็งๆของเวที
ทั่วทั้งงาน ต่างพากันเงียบกริบ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบอหังการ
เรื่องนี้อะไรก็ดีหมด เสียอย่างเดียวคือไม่เข้าใจว่าทำไมเหมือนพยายามจะยัดเยียดพระเอกให้มีเมียมากกว่า1? พระเอกเก่งมีเมียคนเดียวไม่ได้?...