เมื่อพูดจบ คนที่อยู่ในงานทุกคน ไม่กล้าแม้แต่จะพูด
ผู้คนไม่สงสัยเลย
ถ้ารุมโจมตี จะสามารถฆ่า“เย่จุ้นหลิน”ที่อยู่ตรงหน้าของเขาได้แน่นอน!
แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า……
ใครกล้าลุยก่อน?
ถังว่านฉาวถูกทำร้ายจนไม่รู้เป็นหรือตาย!
อีกทั้ง แค่โดนตบสามครั้ง โดนกระทืบหัวสองครั้ง ก็อยู่ในสภาพนี้แล้ว!
ถังว่านฉาวอ่อนแอ ดังนั้น……
ทุกคนที่อยู่ที่นี่ ไม่ว่าใครจะบุกลุยก่อน คนที่อยู่แนวหน้า ต้องเลี่ยงคำว่าตายไม่ได้อย่างแน่นอน!
เจี่ยนโล่จู๋เห็นคนไม่กล้าพูดอะไร ใบหน้าเคร่งขรึม เธอกัดฟันกรอด“ทำไม คนที่อยู่ ณ ที่นี้มีมากมาย หรือทุกคนจะกลัวแค่ “เย่จุ้นหลิน” คนเดียว?”
ทันทีที่พูดเช่นนี้ คนในฝูงชนก็พูดขึ้นอย่างขุ่นเคือง “คุณก็ไปก่อนสิ ขอแค่คุณกล้าลุยก่อน เราก็กล้าจะลุยตาม!”
ใบหน้าของเจี่ยนโล่จู๋ แทบตกลงพื้น
ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นโส่วจั่วอันดับหนึ่งของหลังภูเขาเอ๋อเหมย หากพูดถึงพลังของตัวเอง แต่กลับสู้ถังว่านฉาวไม่ได้!
ถังว่านฉาวถูกกระทืบจมดินขนาดนั้น หากเธอลุยก่อน คงจะไม่สามารถรับกระบวนท่ากระทืบของ “เย่จุ้นหลิน”ได้?
ชั่วขณะหนึ่ง เจี่ยนโล่จู๋ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี
ในเวลานี้เอง ถังเลี่ยนที่อยู่บนเวที จู่ๆก็พูดออกมาว่า“เดี๋ยวรอไอ้หมอนี่มันออกมาก่อน ผมจะขอลุยเอง!”
เมื่อสิ้นเสียง ก็มีเสียงเยาะเย้ยถากถางจากฝูงชนดังขึ้น
“นายเนี่ยนะ ตอนที่อยู่ข้างนอก นายก็แพ้เขาไปรอบหนึ่ง ตอนนี้นายยังจะขอลุยก่อน ไอ้คนไม่รู้จักหลาบจำ!”
“จริงด้วย ตอนนี้บรรพาจารย์อาวุโสตระกูลนายยังอยู่ในสภาพแบบนี้ ยังคิดจะทำตัวน่าเกรงขามอยู่อีก?”
“ทุกคนจะพูดแบบนี้มันก็ไม่ถูก ถังเลี่ยนร่างกายแข็งแรงทุกคนก็เห็นกันอยู่ ปล่อยให้เขาไปรับหน้าสักหน่อย เดี๋ยวเราค่อยใช้อาวุธลับสุ่มโจมตี ปล่อยเข็มออกไปพร้อมกัน ผมไม่เชื่อว่าเราจะไม่ได้เปรียบ!”
“นี่เป็นความคิดที่ดีเลยทีเดียว!”
“ใช่แล้ว ข้างๆของ“เย่จุ้นหลิน”ยังมีเด็กผู้หญิงอีกคนไม่ใช่หรอ ผู้หญิงที่ชื่อหยางเฟยเอ๋อร์นั่นไง ผู้หญิงคนนั้นไม่เป็นวรยุทธ ลองใช้กลวิธีในการปิดล้อมและโจมตีพวกเขาในช่วงเวลาสั้นๆ น่าจะสามารถสังหาร“เย่จุ้นหลิน”ได้นะ!”
“แต่ใครจะรับประกันว่าคนที่ชื่อหยางเฟยเอ๋อร์ จะเป็นผู้หญิงที่ไม่มีวรยุทธ์และอ่อนแอ?ต้องรู้ว่าก่อนที่“เย่จุ้นหลิน”จะแสดงฝีมือ เราเองก็ได้ดูผิดมองเห็นเขาเป็นชายหนุ่มธรรมดาที่ไม่เป็นวรยุทธนะ!”
สุดท้ายคำพูดประโยคนี้ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูด
แต่ประโยคนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่ในงานเห็นว่ามีเหตุผล
คนที่นั่งอยู่ ณ ที่นี่ เริ่มหมดความมั่นใจอีกครั้ง
ต่างกำลังสงสัยว่า……
หยางเฟยเอ๋อร์เป็นปรมาจารย์ที่ไม่มีใครรู้รึเปล่า!
ถ้าเป็นปรมาจาย์ผู้หนึ่งเหมือนกันล่ะ!
อย่างงั้นถึงทุกคนจะจู่โจมสุ่มปล่อยอาวุธลับออกไปพร้อมกัน ก็คงทำอะไรไม่ได้เหมือนเดิม!
เจี่ยนโล่จู๋คิดไตร่ตรองแผนการของหัวเฉียนคุนอย่างถี่ถ้วน ยิ่งคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ยิ่งตกใจมากขึ้น เธอหรี่ตามองหัวเฉียนคุนและพูดอย่างเย้ยหยันว่า“คุณนี่มันเป็นตาเฒ่าเจ้าเล่ห์จริงๆ ทำตัวปรับตามสถานการณ์!”
หัวเฉียนคุนหัวเราะ“เมื่อสักครู่ ผมสนับสนุนให้มีการล้อมโจมตี ตอนนี้ ผมได้เห็นถึงพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวของอีกฝ่าย หากยังขืนโจมตีแบบนี้ต่อไป ผมก็คงมีชีวิตยืนยาวแบบนี้มาเสียเปล่าแล้วล่ะ”
เจี่ยนโล่จู๋หรี่ตาลง“งั้น……ให้ฉันลองดูก่อน?”
หัวเฉียนคุนหัวเราะเหอะๆแล้วกล่าวว่า“ผมจะไปกับคุณด้วย ถึงเวลานั้น ถือว่าได้ดูแลคุณไปด้วย จริงสิ ความจริงถึงแผนนี้ใช้ไม่ได้ ผมยังมีแผนสำรองอีก”
เจี่ยนโล่จู๋ตอบกลับ“แผนอะไร?”
หัวเฉียนคุนยิ้มตาหยี“ด้านใต้มีห้องเก็บสมบัติ ในนั้นซ่อนกับดักหินหนืดเอาไว้ ถ้าคุยตกลงกันไม่ได้จริงๆ งั้นก็ทำได้แค่น้ำหยกที่เป็นของสูงค่าไปเผารวมกับหินที่เป็นของด้อยค่าแล้วล่ะ!”
เจี่ยนโล่จู๋ได้ยินแบบนั้นก็ตกใจเป็นอย่างมาก“ทำไมฉันถึงไม่รู้ล่ะ?”
หัวเฉียนคุนหัวเราะแต่ไม่พูดอะไร!
ในขณะเดียวกัน เย่อู๋เทียนเดินตามโล่หวาง มาถึงห้องเก็บสมบัติที่อยู่หลังเวที แต่ในตอนที่กำลังจะเปิดประตูเข้าไปนั้น จู่ๆเย่อู๋เทียนก็หยุดลง แล้วยกมือขึ้นมาพูดว่า “ช้าก่อน”
โล่หวางพูดอย่างงงๆ“ทำไมล่ะ?”
เย่อู๋เทียนยื่นมือเข้าไปประตูห้องเก็บสมบัติ พลางหรี่ตาพูดขึ้นมาว่า“อุณหภูมิภายในแตกต่างจากอุณหภูมิภายนอกเล็กน้อย”
โล่หวางผงะเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ เธอหันกลับไปมองดูด้านหลัง เห็นว่าไม่มีใครตามมา จึงพูดลองใจกับเย่อู๋เทียนอย่างตึงเครียดว่า“พี่เทียน?”
เย่อู๋เทียนตำหนิด้วยใบหน้าเคร่งขรึม“พี่เทียนคือชื่อที่เธอเรียกได้งั้นหรอ?ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่!”
วินาทีนั้น……
น้ำตาของโล่หวางค่อยๆรินไหลออกมาจากดวงตา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบอหังการ
เรื่องนี้อะไรก็ดีหมด เสียอย่างเดียวคือไม่เข้าใจว่าทำไมเหมือนพยายามจะยัดเยียดพระเอกให้มีเมียมากกว่า1? พระเอกเก่งมีเมียคนเดียวไม่ได้?...