เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา เพื่อนนักเรียนทั้งหญิงทั้งชาย ที่มาร่วมงานสังสรรค์วันนี้ ไม่มีใครที่ไม่มีใบหน้าตกตะลึง
เย่อู๋เทียนพูดอะไร
อย่าว่าแต่ร้อยล้าน ถึงพันล้าน หมื่นล้าน......
เสิ่นรั่วชิงก็ให้ได้งั้นเหรอ
นี่มันอะไรกัน
ไม่ได้เจอเสิ่นรั่วชิงหลายปี อย่าบอกนะว่าเธอเป็นผู้หญิงที่รวยโคตรไปแล้ว
เป็นไปได้ยังไง!
อย่างเช่นการแต่งกายของเสิ่นรั่วชิงวันนี้......
แม้ดูงดงามมาก แต่ดูเหมือนว่าไม่มีแบรนด์ด้วยซ้ำ ไม่รู้เป็นของถูกที่ไปขุดมาจากไหน!
เธอจะมีเงินเป็นร้อยล้านได้ยังไงกัน
หันมามองจ้าวโย่วหลิงในตอนนี้
สั่นไปทั้งตัว ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและละอายใจ
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เธอไม่มีอะไรจะพูด!
เย่อู๋เทียนมองจ้าวโย่วหลิงอย่างเย็นชา แล้วถามว่า “เธอรู้ไหมว่าผิด”
ใบหน้าจ้าวโย่วหลิงเต็มด้วยความเศร้า จู่ๆ ก็ร้องไห้ออกมา แล้วพูดว่า “ฆ่าฉันเลย!”
ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ!
ขณะนั้น จู่ๆ เสิ่นรั่วชิงพูดว่า “เห็นแก่ความเป็นพี่น้อง ปล่อยเธอไปเถอะ”
พูดจบ เสิ่นรั่วชิงหันหลังเดินออกไป
พร้อมด้วยความผิดหวังมากมาย
“รั่วชิง!”
มองเสิ่นรั่วชิงเดินออกไปข้างนอก จ้าวโย่วหลิงรวบรวมความกล้า ยืนขึ้นแล้วตะโกนเรียกเธอ
เสิ่นรั่วชิงไม่ได้หันกลับมา พูดทิ้งท้ายเพียงประโยคเดียว
“โย่วหลิง ตอนเรียนมหาวิทยาลัย เธอบอกว่าพ่อเธอโดนคนใส่ความ คนอื่นไม่เชื่อ แต่ฉันเชื่อ แต่วันนี้ความเป็นพี่น้องของเธอกับฉัน สิ้นสุดลงแค่นี้!”
พูดจบ เสิ่นรั่วชิงขอบตาแดงก่ำ เดินออกจากสวนเฉียนหลง
จ้าวโย่วหลิงมองแผ่นหลังของเสิ่นรั่วชิงอย่างไม่วางตา
“กรี๊ด!”
จู่ๆ จ้าวโย่วหลิงกรี๊ดออกมาเสียงดัง
เสียงแสบแก้วหู!
เพียงชั่วพริบตาเดียว จ้าวโย่วหลิง......
แตกสลายไปหมดแล้ว
แต่......
ไม่มีใครสนใจ
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยมองจ้าวโย่วหลิงด้วยแววตาผิดหวัง แล้วเดินออกไปด้วยความผิดหวัง
หยูฉิงมองจ้าวโย่วหลิงด้วยแววตาผิดหวังเพียงแวบเดียว......
เดินออกไปด้วยความผิดหวังเช่นกัน
จ้าวโย่วหลิงหน้าซีดเหมือนคนตาย
ตอนนี้
ตอนนี้จ้าวโย่วหลิงรู้สึกไม่มีหน้าอยู่บนโลกนี้อีกต่อไปแล้ว!
เพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตเธอและเพื่อนที่ไว้ใจที่สุดแค่ไม่กี่คน พากันจากเธอไปทั้งหมด!
จ้าวโย่วหลิงมองเย่อู๋เทียน ฝืนยิ้มแล้วพูดว่า “นี่ทำให้ฉันทรมานยิ่งกว่าฆ่าฉันเสียอีก!”
เย่อู๋เทียนพูดว่า “ผิด เพราะทำผิด”
จ้าวโย่วหลิงพูดเสียงดังว่า “ฉันขโมย เป็นความผิดฉันเอง! แต่ทำไมนายไม่ถามล่ะ ว่าเพราะอะไรฉันถึงขโมย”
เย่อู๋เทียนพูดอย่างราบเรียบว่า “ไม่เกี่ยวกับฉัน ฉันรู้แค่ว่าเธอขโมยของภรรยาฉัน”
จ้าวโย่วหลิงหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง จู่ๆ ก็พูดแบบที่ทำให้คนจับต้นชนปลายไม่ถูก “ความจริงแล้ว ฉันไม่ได้ต่ำตมขนาดนั้น!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ จ้าวโย่วหลิงหัวเราะเยาะตัวเอง “เหอะ ฉันพูดเรื่องนี้กับนายตอนนี้ จะมีประโยชน์อะไรอีกล่ะ”
จู่ๆ จ้าวโย่วหลิงลืมตาขึ้น มองสระเฉียนหลงที่อยู่ข้างๆ แล้วพูดพึมพำว่า “ได้ยินว่าสระเฉียนหลงเหมือนเหวลึก หลายปีมานี้ฉันเองก็เหนื่อยมากแล้ว ถึงเวลาจบมันได้แล้ว!”
เมื่อพูดออกมา ทุกคนในที่นี้ถึงกับอึ้ง
เสิ่นรั่วชิงที่เดินออกมาข้างนอกสวนเฉียนหลง ได้ยินประโยคนี้ รีบหันมาทันที
แต่......
มันสายไปแล้ว
จ้าวโย่วหลิงยืนอยู่บนหินตรงขอบสระเฉียนหลงแล้ว
แค่กระโดดลงไป ก็จะ......
กลิ่นหอมจางหาย หยกพลันสลาย!
“อย่า!”
เสิ่นรั่วชิงอุทานออกมาด้วยความตกใจ
หยูฉิงกับอ้ายเสี่ยวเตี๋ย ก็หน้าเปลี่ยนสี
จ้าวโย่วหลิงหันมามองเสิ่นรั่วชิง หยูฉิงและอ้ายเสี่ยวเตี๋ยแวบหนึ่ง จากนั้นพึมพำว่า “ขอโทษ!”
เมื่อสิ้นเสียง จ้าวโย่วหลิงเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว
แต่ขณะนั้นเอง จู่ๆ เย่อู๋เทียนปรากฏตัวด้านหลังจ้าวโย่วหลิง
“เธอยังติดเงินภรรยาฉันอยู่เลย ตายแบบนี้ ก็จะเป็นการยกผลประโยชน์ให้เธอน่ะสิ!”
เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา จู่ๆ จ้าวโย่วหลิงรู้สึกว่าตัวเองโดนโอบเอว
หลังจากนั้น ร่างกายก็โดนอ้อมกอดหนาโอบล้อมไว้!
ตายไม่สำเร็จ!
และตอนนั้นเอง เสิ่นรั่วชิงและคนอื่น เดินกลับมาอีกครั้ง!
เผชิญหน้ากับความเป็นตาย!
เหมือนบุญคุณความแค้นก่อนหน้า ไม่ใช่สิ่งสำคัญอะไรอีกแล้ว
หยูฉิงมองจ้าวโย่วหลิง ทั้งโกรธทั้งหงุดหงิด
เพียะ!
ฟาดฝ่ามือลงบนหน้าจ้าวโย่วหลิงหนึ่งที เสียงดังสนั่น!
“เธอบ้าไปแล้วหรือไง”
หยูฉิงตะโกนเสียงดังใส่จ้าวโย่วหลิง
เหมือนจ้าวโย่วหลิงไม่รู้ถึงความเจ็บ กลับฝืนยิ้มมองหยูฉิง แล้วมองเสิ่นรั่วชิงกับอ้ายเสี่ยวเตี๋ย พูดออกมาว่า “ความจริงฉันรักพวกเธอมาก แต่ชะตาชีวิตกำหนดไว้เช่นนี้! พวกเธอไม่รู้เรื่องฉัน ชีวิตฉัน พวกเธอก็ช่วยไม่ได้!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ จ้าวโย่วหลิงชี้แหวนเพชรสีชมพูหกกะรัตวงนั้น แล้วพูดว่า “แหวนเพชรนั่น ก็เป็นของปลอมเหมือนกัน หรือจะมองว่าเป็นของจริงก็ได้”
ตอนนี้ทุกคนในงานทั้งตกใจและตะลึง ปะปนกันไปหมด
มีเพียงเย่อู๋เทียน ที่สีหน้าปกติ เขาปล่อยตัวจ้าวโย่วหลิงแล้วพูดว่า “รู้ว่าผิดแล้วกลับตัวก็ดี” จากนั้นถามว่า “แล้วแหวนเพชรวงจริงของภรรยาฉันล่ะ”
จ้าวโย่วหลิงมองเย่อู๋เทียนอย่างประหลาดใจ แล้วพูดโพล่งออกมาว่า “นาย......นายดูออกนานแล้วเหรอ”
เสิ่นรั่วชิงมองเย่อู๋เทียน แล้วพูดอย่างตกใจว่า “พวกนายกำลังพูดอะไรกัน”
ไม่เพียงแค่เสิ่นรั่วชิงที่ใบหน้าตกใจ
ทุกคนในงานก็ใบหน้าตกตะลึงเหมือนกัน
นี่มันอะไรกัน
เย่อู๋เทียนชี้แหวนเพชรในงาน ที่บอกว่าเป็นแหวนเพชรของจริง แล้วพูดกับเสิ่นรั่วชิงอย่างราบเรียบว่า “แม้แหวนเพชรวงนี้ดูเหมือนแหวนเพชรของคุณ แต่เพชรสีชมพูด้านบนแหวนวงนี้ มีตำหนิ นั่นหมายความว่าแหวนเพชรวงนี้ เป็นของปลอมเหมือนกัน แล้วก็ถือว่าเป็นเพชรแท้ แต่มูลค่าเทียบกับวงที่ผมให้คุณไม่ได้!”
เสิ่นรั่วชิงตกใจจนตาค้าง “หมายความว่า ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ มีแหวนเพชรทั้งหมดสามวง วงที่ฉันสวมอยู่เป็นของปลอม ส่วนวงที่อยู่ตรงนี้ แม้จะเป็นเพชรแท้ แต่ก็ไม่ใช่วงที่นายให้ฉันใช่ไหม”
เย่อู๋เทียนพยักหน้า จากนั้นมองจ้าวโย่วหลิงแล้วถามว่า “แล้วแหวนเพชรที่เป็นของภรรยาฉันจริงๆ ล่ะ”
จ้าวโย่วหลิงไม่ตอบ แต่พูดว่า “ไม่ต้องถามแล้ว พวกเธอซวยเอง หรือไม่ก็ส่งฉันให้หน่วยสืบราชการลับเจียงหนานก็ได้! หนี้ที่ติดค้างพวกเธอในชาตินี้ ขอชดใช้ชาติหน้า ดุจวัวม้าก็จะชดใช้ให้!”
เมื่อพูดประโยคนี้จบ จู่ๆ หยูฉิงร้องไห้ออกมา!
แววตาที่มองจ้าวโย่วหลิง เต็มไปด้วยความสับสน ทั้งรักทั้งเกลียดชัดๆ!
จ้าวโย่วหลิงมองหยูฉิง แล้วถามว่า “เธอร้องทำไม”
หยูฉิงพูดว่า “ฉันร้องเพราะเธอโชคไม่ดี เธอมันเลว เพราะต้องการช่วยคนทำผิดเกี่ยวกับการทุจริตเพียงคนเดียว เธอเลยทำได้ทุกอย่าง! ตอนนั้นเธอคิดบัญชีกับฉันก่อน ดูเหมือนจะทำให้บริษัทฉันล้มละลาย แล้วเธอก็หอบเงินหนีไป ตอนนี้แม้แต่รั่วชิงเธอก็ไม่ปล่อยไว้ ในสายตาของเธอ ใครก็เทียบผู้ชายคนนั้นไม่ได้ใช่ไหม”
จ้าวโย่วหลิงไหล่สั่น แล้วพูดว่า “ที่แท้เธอรู้นานแล้ว แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่เธอสู้เสิ่นรั่วชิงไม่ได้ แต่ก่อนเสิ่นรั่วชิงเชื่อฉัน แต่เธอไม่เคยเชื่อฉันเลย เธอคิดว่าพ่อฉันเป็นคนทุจริตมาตลอด!”
เพียะ!
หยูฉิงตบหน้าจ้าวโย่วหลิงอีกครั้ง พูดอย่างปวดใจว่า “เธอไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี!”
จ้าวโย่วหลิงขอบตาแดงก่ำ พูดชัดถ้อยชัดคำว่า “ถ้าขายความรู้จักผิดชอบชั่วดีของฉัน สามารถทำให้ผู้ชายคนที่เคยปกป้องฉัน กำเนิดและเลี้ยงดูฉันมา หลุดพ้นจากความมืดมาเจอแสงสว่างได้อีกครั้ง ฉันก็สามารถทำผิดกับทุกคนได้!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ จู่ๆ จ้าวโย่วหลิงมองเย่อู๋เทียน แล้วพูดว่า “เย่อู๋เทียน นายถามฉันไม่ใช่เหรอว่าแหวนเพชรของภรรยานายอยู่ไหน ตอนนี้ฉันจะบอกนาย มันโดนฉันขายร้านจำนำเอ๋อเหมยแล้ว ขายไปร้อยล้าน! นายรู้ไหมว่าฉันเอาเงินร้อยล้านไปใช้ทำอะไร ฉันจะจ้างคนแหกคุก แหกเรือนจำปาเจี่ยวเจียงหนาน!”
“พ่อฉันชื่อจ้าวย่งจือ เคยเป็นเจ้าพ่อในแถบเจียงหนาน ไม่เคยทุจริตสักแดงเดียว ไม่เคยทำเรื่องไม่ดีสักเรื่อง แต่ตอนนั้นไปล่วงเกินคนใหญ่คนโตคนหนึ่ง คนคนนั้น ถึงนายคิดจนสมองระเบิดก็คงคิดไม่ถึง เขาคือถังเจิ้งเฟิง! ผู้บัญชาปกครองชายแดนคนที่แล้วของประเทศหลง ถังเจิ้งเฟิง!”
โล่หวางไม่ได้รีบตอบ แต่มองไปทางเสิ่นรั่วชิง ลังเลครู่หนึ่ง แล้วเรียกเสิ่นรั่วชิง “อาจารย์แม่”
เสิ่นรั่วชิงหันมามองโล่หวาง หลังจากนั้น......
ก็ไม่มีอะไรแล้ว
ช่วยไม่ได้
ในสายตาของเสิ่นรั่วชิง ถึงโล่หวางเป็นรุ่นน้องเธอ เธอก็ไม่อยากคุยกับโล่หวาง
นี่เกี่ยวข้องกับสัมผัสที่หกของผู้หญิง
เสิ่นรั่วชิงคิดว่าโล่หวางต้องคิดอะไรกับเย่อู๋เทียนแน่ๆ
ดังนั้น......
สนใจศัตรูด้านความรักงั้นเหรอ
นั่นมันหาเรื่องใส่ตัวไม่ใช่หรือไง
โล่หวางเห็นเสิ่นรั่วชิงไม่สนใจตัวเอง จึงกัดฟันกรอด เดินมาหน้าเสิ่นรั่วชิง ท่ามกลางสายตาทุกคน แล้วพูดว่า “ศิษย์น้อมทักอาจารย์แม่!”
พูดพลาง ก้มหน้าเล็กน้อย สองมือประสานกันตรงท้อง ย่อเข่าลงทำความเคารพ
เสิ่นรั่วชิงตอบอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เธอไม่ต้องเรียกฉันว่าอาจารย์แม่ ฉันไม่ใช่อาจารย์แม่ของเธอ”
โล่หวางพูดเหมือนขุ่นเคืองใจ “งั้นฉันเรียกคุณว่าอาหญิงแล้วกัน คุณไม่ยอมรับฉัน แต่ฉันยอมรับคุณ!”
ตอนนี้จ้าวโย่วหลิงที่อยู่ข้างเสิ่นรั่วชิง งงจนไม่รู้จะงงยังไงแล้ว
ลูกสาวของโล่ซวนหยวน ฝ่าบาทผู้สูงส่งของประเทศหลง เรียกเสิ่นรั่วชิงว่าอาหญิงเหรอ
นี่......
นี่มันอะไรกัน
หันมามองเย่อู๋เทียน ก็ปวดหัวกับความสัมพันธ์ระหว่างเสิ่นรั่วชิงกับโล่หวาง ขมวดคิ้วใส่โล่หวางแล้วพูดว่า “เสิ่นรั่วชิงไม่ชอบเธอ ใช่ว่าเธอจะไม่รู้! มีเรื่องอะไรก็พูดมา!”
โล่หวางส่งเสียงหึอย่างเย็นชา ชี้จ้าวโย่วหลิงที่อยู่ข้างเสิ่นรั่วชิง หันมาพูดกับเย่อู๋เทียนว่า “ฉันมาหาเธอ ฉันได้รับข้อมูลว่ามีคนแหกคุกแปดเหลี่ยม สงสัยว่าจ้าวโย่วหลิงเป็นคนบงการ!”
สีหน้าเย่อู๋เทียนอึมครึมขึ้นมาทันที เขาพูดอย่างเย็นชาว่า “บาดเจ็บล้มตายเยอะไหม”
โล่หวางพยักหน้า แล้วพูดว่า “เหมือนอีกฝ่ายจะตายเกือบหมด เหลือรอดเพียงคนเดียว ส่วนผู้ประจำการคุกแปดเหลี่ยมไม่เป็นอะไรเลย”
เย่อู๋เทียนถอนหายใจอย่างโล่งอก สะบัดมือไปมาแล้วพูดว่า “ได้ ฉันรู้แล้ว ไปได้แล้ว”
เมื่อพูดคำนี้ออกมา
ทุกคนในที่นี้เงียบเป็นอย่างมาก
เย่อู๋เทียน......
เป็นใครกันแน่
ทำไมเหมือนเป็นผู้บังคับบัญชา ขององค์หญิงคนแรกของประเทศหลงเลยล่ะ
ทุกคนงงไปหมด
สุดท้ายแล้ว......
มันเกิดอะไรขึ้นกัน
มีเพียงหยูฉิง ที่จู่ๆ นึกถึงภาพที่ส่งเข้ามาในกลุ่มเพื่อนก่อนหน้านี้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าคนที่เคยนั่งข้างฝ่าบาทผู้สูงส่ง คือเย่อู๋เทียนงั้นเหรอ
ขณะนั้นโล่หวางพูดคำที่ทำให้คนตกตะลึงออกมา เธอพูดกับเย่อู๋เทียนหนึ่งประโยค
“ไอ้เลวโล่ซวนหยวน ได้ยินเรื่องที่คุณไปอาคารชุนชิวแล้ว บอกว่าจะรีบมากินข้าวกับคุณสักมื้อ คุณ......มีเวลากินข้าวกับเขาสักมื้อไหม”
เมื่อพูดจบ พวกเพื่อนนักเรียนของเสิ่นรั่วชิงที่อยู่ในงาน เกือบพากันเป็นลมตาย
โดยเฉพาะหยูฉิงกับจ้าวโย่วหลิง......
สมองตื้อไปหมดแล้ว
ส่วนเพราะเรื่องอะไร ที่ทำให้ฝ่าบาทผู้สูงส่งโล่ซวนหยวน ต้องรีบมากินข้าวกับเย่อู๋เทียน ผลปรากฏว่าลูกสาวของฝ่าบาทผู้สูงส่ง กลับถามเย่อู๋เทียนว่าเขามีเวลากินข้าวกับฝ่าบาทผู้สูงส่งหรือเปล่า
นี่คือเกียรติยศระดับไหนกัน
ฝ่าบาทผู้สูงส่งจะทานข้าวกับประชาชน ต้องคำนึงว่าคนนั้นจะตกลงหรือเปล่า
ขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึง เย่อู๋เทียนพูดอย่างราบเรียบ
“ฉันไม่ว่าง!”
ตู้ม!
ทุกคนตกตะลึง!
แต่นี้ยังไม่จบ
โล่หวางยังรั้นเดินมาข้างเย่อู๋เทียน พูดอย่างอ้อนวอนว่า “อาจารย์ อาจารย์ผู้แสนดี คุณไปเถอะนะ หลังจากฉันรู้เรื่องของผู้หญิงอย่างเจี่ยนโล่จู๋ ฉันก็ไม่รู้จะเผชิญหน้าพ่อยังไงแล้ว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบอหังการ
เรื่องนี้อะไรก็ดีหมด เสียอย่างเดียวคือไม่เข้าใจว่าทำไมเหมือนพยายามจะยัดเยียดพระเอกให้มีเมียมากกว่า1? พระเอกเก่งมีเมียคนเดียวไม่ได้?...