“ต่อหน้าของเย่อู๋เทียน ฉันจะเป็นทาสหรือเป็นอะไร มันก็เรื่องของฉัน!”
“เย่อู๋เทียนในตอนนี้ ถึงจะจับฉันมัดไว้ ใช้แส้ทำร้ายฉัน ฉันก็ยอม!”
“แต่แกคิดว่าแกเป็นใครห้ะ?”
“แกกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นผู้หญิงของเย่อู๋เทียนส่งเดชงั้นหรอ?”
ใบหน้าของเทียนหลงเอ๋อแดงก่ำ
“เป็นเหมือนที่เย่อู๋เทียนพูดไม่มีผิด แก มันเป็นนังแพศยา!”
จางจิงหลวนไม่โกรธแต่กลับหัวเราะ
“ถึงฉันจะเป็นคนแพศยาแล้วยังไง?แก ไม่มีสิทธิ์ได้ถูกเย่อู๋เทียนได้ด่าว่าแพศยาด้วยซ้ำ!น่าสงสารจริงๆ”
เทียนหลงเอ๋อร์ถึงกับชะงัก
เธอไม่เข้าใจ จางจิงหลวนทำไมถึงมีความคิดเพี้ยนๆแบบนี้ในสมอง
ผู้หญิงคนหนึ่ง……
ทำไมถึงถูกคนอื่นมองว่าเป็นนังแพศยา เหมือนกับได้เปรียบคนอื่นยังไงอย่างงั้น?
แต่เมื่อมองดูจางจิงหลวนในตอนนี้
แล้วเงยหน้ามองไปยังทิศทางที่เย่อู๋เทียนหายตัวไป
หลังจากนั้น……
จางจิงหลวน เหมือนกับมีอารมณ์ขึ้นมายังไงอย่างงั้น ใบหน้าของเธอแดงก่ำ
แล้วพูดพึมพำคนเดียว
“น่าหลงใหลเป็นบ้าเลย!”
“……”
“……”
ไม่ว่าจะเป็นเทียนหลงเอ๋อร์ หรือเห้อเหลียนหวันจี ก็ล้วนหมดคำพูด
สมองของจางจิงหลวน……
มีปัญหาหรอ?
จางจิงหลวนเก็บสายตา แล้วชักมือกลับในเวลาเดียวกัน
ทำเสียงหึ
“แม้แต่แม่ของเย่อู๋เทียนแกยังไม่เคยเห็นเลย ต่อไป ทางที่ดีอย่าเล่นแง่อะไรต่อหน้าเปิ่นกงดีกว่า!”(เปิ่นกง คำเรียกแทนข้าในสมัยโบราณ โดยมีฮองเฮาหรือพระสนมถึงใช้ได้)
เปิ่นกง?
เมื่อก่อนเรียกเปิ่นหวาง ตอนนี้เปลี่ยนเป็นเปิ่นกง?
เทียนหลงเอ๋อร์เบิกตากว้าง
เธอจ้องมองไปที่จางจิงหลวน
เหมือนกับผู้หญิงโรคจิตคนหนึ่ง!
จางจิงหลวนราวกับตกอยู่ในภวังค์ ริมฝีปากสีแดงของเธอ กล่าวขึ้นมาอีกว่า
“ถึงแม้เปิ่นกงจะทำเพื่อเธอมาเยอะขนาดนี้ แต่ก็ไม่เคยได้รับการยอมรับจากเธอ แต่ว่า เปิ่นกงอย่างน้อยก็เป็นลูกศิษย์ของเธอครึ่งหนึ่งนะ!”
“เคยปรนนิบัติรับใช้เธออย่างระมัดระวังมานานขนาดนี้ ทำไมไม่เคยเรียนรู้อะไรได้เลย?”
“เมื่อเทียบกับเปิ่นกงแล้ว?”
“แก เทียนหลงเอ๋อร์ จะเอาอะไรมาเทียบกับเปิ่นกงได้?”
เมื่อเทียนหลงเอ๋อร์ได้ยินคำพูดเหล่านี้
สมองเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
“?”
เธอที่จางจิงหลวนพูดถึง
คือใคร?
หรือว่าจะเป็นแม่ของเย่อู๋เทียน?
ในเวลานี้เอง จางจิงหลวนก็ถอนหายใจอีกครั้ง
แล้วพูดเองเออเอง
“อยากตบสองแม่ลูกอย่างพวกแกให้ตายจริงๆ บีบให้เปิ่นกงใช้วิชาต้องห้าม เสียอายุขับไปเปล่าๆยี่สิบปี!”
พูดจบจางจิงหลวนก็หันหลังแล้วเดินออกมา
หันหลังตำหนิเห้อเหลียนหวันจีกับเทียนหลงเอ๋อร์
“ไสหัวไป!อย่าคิดรบกวนเวลาสำนึกผิดของเปิ่นกง!”
เมื่อพูดจบ
เห้อเหลียนหวันจีกับเทียนหลงเอ๋อร์ แทบจะ กระโดดบินออกมาในเวลาเดียวกัน
หลังที่สองแม่ลูกหายไปจากสถานฝึกเต๋าที่กลายเป็นซากปรักหักพัง
เย่อู๋เทียนยิ้มๆ
“ฉันบอกแล้ว หลายปีมานี้ ฉันผนวกตันเสวียนมาร้อยครั้ง ฉันเคยบอกแล้วว่า ใช้เข็มชี่กดจุดชีพจรเพื่อซ่อนการฝึกฝนที่แท้จริงของตัวเองไว้ ตอนนี้ เข็มกระจายไปหมดแล้ว ตามหลักแล้ว ฉันสามารถสู้กับคุณสามคนได้ ”
“แต่ว่า ฉันไม่เคยบอกว่า ฉันผนวกตันเสวียนหลอมร่างใช้แค่พลังเทพเท่านั้น ฉันยิ่งไม่เคยพูดว่า นอกจากจะผนวกตันเสวียนหลอมร่างแล้ว ฉันจะไม่ใช้วิธีอื่นมาหลอมร่าง!”
จางจิงหลวนถอนหายใจ
หลังจากนั้น จางจิงหลวนก็มองไปที่ขอบเหวเหมือนตระหนักอะไรขึ้นมาได้ จึงอดถามไม่ได้ว่า
“เมื่อกี้ซ่อนตัวที่ไหนหรอ?”
เย่อู๋เทียนยังคงหัวเราะ
“เธอน่าจะรู้เรื่องนี้ดีกว่าฉัน กำแพงหินรอบๆสถานที่สถานฝึกเต๋านี้ ล้วนแต่เป็นรอยเส้นเลือดของหินแก่นม่วง ไม่รู้หรอกว่าเหมืองถูกขุดไปกี่หลุมแล้ว!”
“คุณคิดว่า หลังจากที่ผมขึ้นไปแล้ว จะซ่อนอยู่ในเหมืองเส้นนี้หรอ?”
สายตาที่จางจิงหลวนมองไปที่เย่อู๋เทียน เต็มไปด้วยความเคียดแค้น
สีหน้าของเย่อู๋เทียนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
“ตอนนี้ เห้อเหลียนหวีนจี เทียนหลงเอ๋อร์ ไปแล้ว คุณ พูดความจริงได้ไหม?”
จางจิงหลวนทำหน้าทำตาไร้เดียงสา
“ทุกอย่างที่ฉันพูดเมื่อกี้ คือเรื่องจริงทั้งหมด!”
เย่อู๋เทียนทำเสียงหึ
“ฉันว่าคุณไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ!”
พูดจบ เย่อู๋เทียนก็หายวับไปกับที่ แล้วปรากฏอยู่ตรงหน้าของจางจิงหลวน
จางจิงหลวนตกใจจนรีบคุกเข่ากับพื้นอีกครั้ง แล้วขอร้องอ้อนวอนด้วยน้ำตา
“ฉันพูดความจริงทั้งหมดเลยนะ!สิ่งที่ฉันพูดเป็นความจริงทั้งหมด!นายอย่าดุขนาดนี้ได้ไหม!”
หลังจากสิ้นเสียง เย่อู๋เทียนก็ไม่มีทีท่าจะทำอะไรต่อ
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า
หินก้อนหนึ่ง จะหล่นลงมาจากด้านบน
และมาพร้อมกับเสียงของหญิงวัยกลางคนจาก บนลงล่างอย่างช้าๆ
“จางจิงหลวนผู้หญิงคนนี้ เชื่อในไสยศาสตร์ แต่ ช่วยอ่อนโยนกับ สาวใช้ของบ้านฉันหน่อยนะ ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบอหังการ
เรื่องนี้อะไรก็ดีหมด เสียอย่างเดียวคือไม่เข้าใจว่าทำไมเหมือนพยายามจะยัดเยียดพระเอกให้มีเมียมากกว่า1? พระเอกเก่งมีเมียคนเดียวไม่ได้?...