คำพูดดังกล่าวของกัวจื่อจู๋ ได้ยินไปถึงหูของเฉินยู่ฉานที่อยู่ตรงนั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับคำพูดที่เลอะเลือน ได้ยินไปถึงหูของโจวซีในห้องดื่มชาในอาศรมหวินซี ก็ไม่ต่างอะไรกับคำพูดที่เลอะเลือนเหมือนกัน
แต่ ได้ยินไปถึงหูของเย่อู๋เทียนแล้วนั้น......
กลับทำให้เย่อู๋เทียนขมวดคิ้วขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่กัวจื่อจู๋ ตะโกนเรียกชื่อของเฉิงโม่หนงขึ้น......
เย่อู๋เทียนถึงต้องมองสังเกตรูปร่างหน้าตาของกัวจื่อจู๋ อีกรอบหนึ่งเลย
คล้ายกัน!
คล้ายกันจริงด้วย!
หรือว่า กัวจื่อจู๋ จะเป็นแม่บังเกิดเกล้าของเฉิงโม่หนงจริง ๆ ด้วย?
เมื่อคิดถึงตรงจุดนี้
สายตาของเย่อู๋เทียน ก็เปลี่ยนไปอย่างเย็นชา
คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่า
โลกใบนี้ จะมีเรื่องราวที่บังเอิญแบบนี้ไปได้!
หากว่ากัวจื่อจู๋ เป็นแม่ของเฉิงโม่หนงจริง ๆ แล้ว อย่างนั้นความแค้นของหานจื่อเซียนที่เป็นแม่ของตนเอง จะแก้แค้นต่อไปได้อย่างไร?
เย่อู๋เทียนมองไปยังกัวจื่อจู๋ ด้วยความดูถูก และสอบถามอย่างเย็นชาขึ้นว่า
“ในตอนนั้นเธอได้ทอดทิ้งลูกสาวของเธอไป แล้วเธอรู้ได้อย่างไรว่า ลูกสาวของเธอนั้น มีชื่อว่าเฉิงโม่หนง? ”
เสียงตะโกนโวยวายของกัวจื่อจู๋ นั้น พลันหยุดลงในทันที
ชัดเจนว่า เธอเองก็คิดไม่ถึง ที่เย่อู๋เทียน จะถามคำถามนี้กับเธอ!
หรือว่า เย่อู๋เทียน ไม่เพียงแต่จะลงโทษฝังเข็มกับเธอแล้ว ยังจะตามกำจัด ลูกสาวของเธอด้วย?
เมื่อคิดถึงตรงจุดนี้
กัวจื่อจู๋ จึงรีบส่ายศีรษะ ไม่กล้าที่จะมองไปที่คู่ดวงตาของเย่อู๋เทียนอีก หลบหลีกสายตา ตื่นตระหนกอย่างกับผีสาง
“เปล่า เปล่า ฉัน ฉันฉันเมื่อครู่ฉันพูดจามั่วซั่วไป ฉันหวาดกลัวอย่างที่สุด จึงได้พูดสุ่มสี่สุ่มห้าออกไป ฉันไม่มีลูกสาว ฉันไม่เคยให้กำเนิดลูกสาวมาก่อน! ฉัน ฉันฉันฉันไม่มีทายาทอะไรเลย! ”
เย่อู๋เทียนหรี่ตาสองข้างลง
แล้วตั้งใจนำเข็มเงินมาวางไว้ที่ด้านหน้าของกัวจื่อจู๋
ปลายแหลมของเข็มเงิน มีระยะห่างจากดวงตาของกัวจื่อจู๋ เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
เย่อู๋เทียนเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง
“ฉันถามเธอว่า ในตอนนั้นเธอได้ทอดทิ้งลูกสาวไปแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วเธอรู้ได้อย่างไรว่า หล่อนมีชื่อว่าเฉิงโม่หนง? ”
กัวจื่อจู๋ ตกใจจนถึงกับปิดตาสองข้างลง
เธอที่กำลังคุกเข่าที่พื้นนั้น ได้จับไปที่ขาของเย่อู๋เทียนด้วยร่างกายสั่นเทา
และพูดขึ้นอย่างตื่นตระหนก
“ฉันไม่มีลูกสาวจริง ๆ เมื่อครู่ฉันพูดมั่วซั่วไป นาย นายนายนาย นายทำการลงโทษเถอะ! ”
เย่อู๋เทียนสีหน้าเย็นชาพร้อมกับกัดฟัน
ท้ายที่สุด ก็ไม่ได้นำเข็มเงิน ทิ่มไปที่ดวงตาของกัวจื่อจู๋
โดยพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า
“ไป ไปพบเจอเฉิงโม่หนงด้วยกันกับฉัน ฉันจะทำการยืนยันต่อหน้าว่า พวกเธอ ตกลงเป็นแม่ลูกกันหรือไม่! ”
เมื่อพูดคำนี้ออกมา กัวจื่อจู๋ ราวกับถูกฟ้าผ่า ลืมตาสองข้างขึ้นอย่างไม่รู้ตัวในทันที
และพูดโพล่งออกมาอย่างไม่น่าเชื่อว่า
“นายกับเฉิงโม่หนง......ไม่ ไม่ ฉันฉันฉัน ฉันไม่มีลูกสาวจริง ๆ! ”
ชัดเจนว่า ผู้หญิงอย่างกัวจื่อจู๋ นี้ ไม่เชื่อถือใครทั้งนั้น
เย่อู๋เทียนถามขึ้นอย่างเย็นชาว่า
“เธอกำลังกังวลใจว่า ฉันจะทำไม่ดีต่อเฉิงโม่หนงใช่ไหม? ”
กัวจื่อจู๋ หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“ฉันพูดแล้วยังไงว่า ฉันไม่มีลูกสาว นายฆ่าฉันซะ ฆ่าฉันเลย เร็วสิ ฉันไม่มีลูกสาวจริง ๆ! ”
เย่อู๋เทียนยิ้มเยาะ
“คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่า เฉิงโม่หนง จะมีแม่ที่โหดร้ายอย่างเธอแบบนี้! ”
ขณะที่พูด เย่อู๋เทียนก็เก็บเข็มขึ้น
จากนั้น ก็หยิบโทรศัพท์ของตนเองออกมา
แล้วก็ต่อสายไปหาเฉิงโม่หนง
ทางฝั่งนั้นก็มีเสียงที่อ่อนเพลียของเฉิงโม่หนงดังขึ้น
“ว่าอย่างไรเหรอ? ”
เย่อู๋เทียนสอบถามขึ้นด้วยจิตใจที่ซับซ้อน
“เธออยู่ที่ไหน? ฉันมีเรื่องหนึ่ง ที่ต้องการจะพูดกับเธอ”
เฉิงโม่หนงตอบเบา ๆ ว่า
“มาที่ซอยหลัวฝูแล้ว หลังจากที่นายออกไปจากที่นั่น ฉันก็นอนไม่หลับ อีกทั้ง ยังเป็นกังวลถึงความปลอดภัยของรั่วชิงด้วย ดังนั้นจึงได้มาที่นี่ แต่คิดไม่ถึงว่า......จะเป็นแม่ของนาย ที่ได้รับบาดเจ็บ......”
เย่อู๋เทียนขมวดคิ้วอย่างหนัก
หยุดนิ่งไปสักพักหนึ่ง ในที่สุดก็พูดออกมาว่า
“ฉันอยู่ที่เขาหวินหลาพบเจอกับผู้หญิงคนหนึ่งที่นี่ หล่อนบอกว่าลูกสาวของหล่อนนั้น มีชื่อและนามสกุลเดียวกันกับเธอ! ”
ใครจะไปรู้ว่าเฉิงโม่หนงที่อยู่ในสายโทรศัพท์อีกฝั่งหนึ่งนั้น ได้ยินที่พูดนี้แล้วจะมีสภาพจิตใจอย่างไร
โจวซีที่นั่งอยู่บนรถเข็น ได้กระซิบพูดกับเย่อู๋เทียนคำหนึ่งว่า
“ผู้ที่สร้างปัญหา ก็จะต้องแก้ไขปัญหาเอง”
เย่อู๋เทียนหันหน้ามองไปที่โจวซีเล็กน้อย
เปลี่ยนหัวข้อเรื่อง โดยถามขึ้นว่า
“ขาของเธอเป็นอย่างไรบ้าง? ”
โจวซีพูดว่า
“ใช้การไม่ได้แล้ว หลายปีก่อนหน้านี้ได้กินยาทะลวงชีพจรที่คุณภาพต่ำไปหนึ่งเม็ด หลังจากนั้น ก็ไปขอคำแนะนำจากเหวินไท่จี๋ แล้วก็ถูกเขาแย่งชิงวิทยายุทธไป! โลกยุทธจักรนี้ นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผู้แข็งแกร่งกว่าย่อมเอาชนะผู้ที่อ่อนแอกว่า บางครั้งนายเองก็ไม่รู้ว่า ใครที่เป็นคนดี ใครที่เป็นคนร้าย หรือว่าไม่มีแบ่งแยกว่าใครเป็นคนดีหรือเป็นคนร้าย เน้นแต่ผลประโยชน์เป็นหลัก! ”
เมื่อได้ยินชื่อเหวินไท่จี๋ เย่อู๋เทียนก็พลันนึกถึงคนผู้หนึ่งขึ้น สีหน้าตกใจ และก็สอบถามโจวซีทันทีว่า
“เหวินไท่จี๋......คนที่เธอพูดถึงนี้ มีประวัติความเป็นมาอย่างไร? ”
โจวซีมองไปที่กัวจื่อจู๋ เล็กน้อย
“นายควรที่จะถามหล่อน”
กัวจื่อจู๋ ได้ยินชื่อของเหวินไท่จี๋ ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที และรีบย้อนถามกลับไปยังโจวซีด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาว่า
“เหวินไท่จี๋ยังมีชีวิตอยู่เหรอ? ”
โจวซีตอบว่า
“ผู้อารักขาประเทศหลงคนก่อน จะตายลงไปอย่างง่ายดายได้อย่างไร? ”
กัวจื่อจู๋ ไม่รู้ว่านึกถึงอะไรขึ้น ความหวาดกลัวบนใบหน้าก็หมดสิ้นไป และถามอีกคำว่า
“แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน? ”
โจวซีไม่ได้ตอบ แล้วก็ส่งสายตามองไปที่ร่างของเย่อู๋เทียนอีกครั้ง
ส่วนเย่อู๋เทียนนั้น ก็ไม่รู้ว่านึกอะไรขึ้นได้ สีหน้าของเขาก็มืดมนไปชั่วขณะ มองไปที่กัวจื่อจู๋ และถามขึ้นอย่างเย็นชาว่า
“เธอกับเหวินไท่จี๋มีความสัมพันธ์อะไรต่อกัน? ”
แม้กัวจื่อจู๋ จะชะงักไปบ้าง แต่ก็ยังคงพูดความจริงออกมา
“เขาคือ......พ่อผู้ให้กำเนิดเฉิงโม่หนง! ”
เย่อู๋เทียนขมวดคิ้วขึ้นอีกครั้ง ในหัวสมอง ผุดภาพของชายชราผมขาวคนหนึ่งขึ้นมา
อีกทั้ง ตนเอง ก็ได้รับการยอมรับจากเขา ก่อนที่จะมีตำแหน่งหน้าที่ในประเทศหลงอย่างทุกวันนี้!
เพียงแต่......
ตนเองมองว่า เขา เหมือนจะไม่ใช่คนในโลกยุทธจักร!
ทำไม
เขาถึงเป็นพ่อผู้ให้กำเนิดเฉิงโม่หนงไปได้?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบอหังการ
เรื่องนี้อะไรก็ดีหมด เสียอย่างเดียวคือไม่เข้าใจว่าทำไมเหมือนพยายามจะยัดเยียดพระเอกให้มีเมียมากกว่า1? พระเอกเก่งมีเมียคนเดียวไม่ได้?...