แต่เพราะการกระทำของเทียนขุย จึงทำให้มีคนในร้านอาหารฝรั่งวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อย
“หมอนี่บ้าไปแล้วใช่ไหม ถึงกล้าทำร้ายอาจารย์ต่างชาติ นี่คือการหาเรื่องชัดๆ!”
“ใช่แล้ว ตอนนี้สมัยไหนแล้ว ยังมีคนกล้าทำเรื่องหยาบคายแบบนี้อีก หมอนี่รนหาที่ตายจริงๆ”
“เธออาจจะไม่เห็น เมื่อกี้ตอนที่หมอนี่อยู่ตรงประตูเขาผลักพนักงานด้วยนะ ตอนนี้ยังลงมือทำร้ายคนอื่นอีก คิดว่าตัวเองจะทำอะไรก็ได้โดยไม่มีกฎเกณฑ์งั้นเหรอ”
“ประเทศของเราขาดคนไร้สติปัญญาแบบนี้เหรอ?แต่ละคนคิดว่าตัวเองเก่งหนักเหรอ แต่ผลสุดท้าย ก็เข้าคุกไปหมดไม่ใช่เหรอ หมอนี่ต้องรับผิดชอบอยู่ที่นี่ กล้าแตะต้องลูกสาวหัวหน้ารักษาความปลอดภัยของเขตหนานซาโจว”
“ทำเพื่ออารมณ์โกรธเพียงชั่วครู่ เอาชีวิตของตัวเองเข้าไปเสี่ยง ไม่คุ้มเลยจริงๆ!แต่ฉันชื่นชมการกระทำของเขานะ อย่างน้อยเขาก็ไม่ยอมพวกหมอนั่น ให้พวกเขารู้ว่านี่คือผืนแผ่นดินของประเทศหวาของเรา”
คนในร้านอาหารฝรั่งยืนขึ้นมาอย่างเป็นกังวล พลางชี้ไปที่เทียนขุยต่างยืนหยัดในความคิดเห็นของตัวเอง ในสายตาของคนส่วนมาก คนต่างชาติแตะต้องไม่ได้ เพราะว่าพวกเขาได้รับการปกป้องเป็นพิเศษ เพราะฉะนั้นมีคนจำนวนมากที่ถูกปลูกฝังว่าเห็นคนต่างชาติต้องทำความเคารพ แต่กลับไม่รู้ว่า ความจริงแล้วทุกคนที่มาถึงประเทศหวาจะได้รับการปฏิบัติเหมือนกัน
เสียงของที่นี่ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย แน่นอนว่าพอพนักงานได้เห็นฉากนี้แล้ว เขาจึงรีบมุดหัวเข้าไปในห้องทำงาน ผ่านไปไม่นาน ก็มีชายในชุดสูทใส่รองเท้าหนัง และสวมแว่นกรอบทอง ผมหวีจนเรียบเดินออกมา
“นี่ คุณทำอะไรน่ะ?ทำไมถึงทำร้ายคนอื่นในร้านอาหารของเรา”ชายหนุ่มร้องตะโกนเสียงดัง
ชายหนุ่มเดินเข้ามา ท่าทางดุดันมาก เขาสาวเท้าเข้ามา อีกทั้งทั้งตัวยังนำพาลมมาด้วย เขาเป็นผู้จัดการของร้านอาหารฝรั่งร้านนี้ กล้าทำเรื่องวุ่นวายในที่ของตัวเอง ก็เท่ากับตกหน้าของเขา หมอนี่ไม่อยากออกไปอย่างมีชีวิตอยู่ใช่ไหม?
เทียนขุยกวาดตามองไปที่ผู้จัดการที่สวมแว่นกรอบทองคนนั้น เขาคลายมือออกจากนิ้วของชายผมทอง พลางพูดขึ้นมาว่า“นี่คือผลจากการที่นายชี้นิ้ว จากนี้ไปอย่าใช้นิ้วชี้ใครอย่างหยิ่งผยองอีก นี่คือกฎระเบียบของประเทศหวา มาถึงประเทศหวา ก็ต้องเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม!”
เทียนขุยพูดสิ่งที่ฟางเหยียนสอนเขาเมื่อครู่ไปหนึ่งรอบ เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม แม้แต่เรายังเคารพทำตาม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนาย?
เทียนขุยที่มีตำแหน่งเป็นถึงพลโทของประเทศหวา เขาทำหน้าที่ปกป้องชายแดนทั่วทั้งเขตซีหนาน เป็นตำนานที่สามารถโบกมือเรียกกองกำลังนับหมื่นนับพันมาได้
สามารถสั่งภายในคำสั่งเดียว ทำลายเขตหนานซาโจวได้ภายในพริบตา ไม่ใช่สวะแบบแกที่จะสามารถมาดูถูกได้
สาวผมยาวพยุงชายผมทองลุกขึ้น แล้วเอ่ยถามไปว่า“ปีเตอร์ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?ปีเตอร์!”
ชายผมทองพูดพลางกัดฟันกรอด“ไม่เป็นไร คุณดูนิ้วของฉันสิเป็นแบบนี้ไปแล้ว คุณลองดูสิว่าเป็นอะไรไหม!”
ถูกชายผมทองด่าไปหนึ่งชุด สาวผมยาวจึงทำได้เพียงพูดด้วยใบหน้าขอโทษ“ขอโทษค่ะปีเตอร์!ฉันไม่ดีเอง”
ไม่รู้ว่าทำไมเธอต้องขอโทษจริงๆ ผู้หญิงแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่เธอทำผิด ผู้ชายก็ต้องขอโทษไม่ใช่เหรอ?แต่พอถึงเธอตรงนี้ กลับเปลี่ยนเป็นคนน่าสมเพช ต่อหน้าของชายผมทองคนนี้ หรือเธอยอมที่จะน่าสมเพชแบบนี้เหรอ?
ชายร่างกำยำหลายคนมีโชว์กล้ามของพวกเขา บนกล้ามของพวกเขาเต็มไปด้วยรอยสัก บนตัวของพวกเขามีรังสีของความข่มเหงผู้อื่นแผ่กระจายออกมา!
เทียนขุยไม่มองพวกสวะไร้ความสามารถพวกนั้น ใช้แค่สายตาเรียบเฉยมองไปที่ผู้จัดการ แล้วพูดไปว่า“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย วันนี้ฉันไม่อยากมีเรื่อง แค่อยากสั่งสอนไอ้หมอนี่หน่อย ถ้าเจียมตัวก็ถอยไปซะ!”
จอมพลโผ้จวินพูดแล้วว่าให้เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ห้ามใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา ถึงแม้ที่นี่จะใช้อำนาจในการควบคุมทั้งหมด แต่เขาไม่สนใจเรื่องการควบคุม
“นายว่าไงนะ?”สีหน้าของผู้จัดการเปลี่ยนไปทันที เขาตะโกนพูดไปว่า“มีตาหามีแวว ที่นี่เป็นถิ่นของฉัน นายมามีเรื่องในที่ของฉัน ยังไล่ฉันไสหัวไปอีก?คำพูดแบบนี้พูดออกไปไม่กลัวคนอื่นขำรึไง?”
ถิ่นของเขา!เทียนขุยฟังประโยคนี้แล้วรู้สึกน่าขันมาก ถิ่นของเขา!พูดดูเหมือนสง่าผ่าเผยแต่ความจริงไม่ใช่ ผืนดินของทั้งประเทศหวา
“ที่ของนายงั้นเหรอ!”เทียนขุยหัวเราะอย่างเย้ยหยัน
ผู้จัดการไม่พูดอะไร พนักงานที่ถูกเทียนขุยผลักเมื่อสักครู่วิ่งเข้ามา เขาถลึงตาใส่เทียนขุยแล้วพูดเติมเชื้อเพลิงเข้ากองไฟ“ผู้จัดการครับ หมอนี่มาหาเพื่อหาเรื่องครับ เมื่อกี้พอเข้ามาถึงก็ผลักผมเลย ยังมีท่าทางดุดันอีก”
หลงซิ่วซิ่วตะโกนด้วยความโมโห“พูดไร้สาระอะไรเยอะแยะ?ตัดมือทั้งสองข้างของเขาเดี๋ยวนี้!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ