เหล่าโจวไม่สงสัยสักนิดเลยว่านายมีความสามารถนี้ นายน้อยแข็งแกร่งเกินไป ไม่ใช่คนที่ตระกูลฟางจะสามารถต้านทานอยู่ ผู้คุ้มกันที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลฟางก็คือขวังซือ ก็เอาขวังซือครั้งก่อนมาพูดเถอะ ขวังซือที่หลับใหลมาร้อยปีก็พลันตื่นขึ้นมา ก็เพื่อต่อสู้กับนายน้อย แต่ว่านายน้อยถึงกับใช้กระบวนท่าเดียวก็ทำให้ขวังซือล้มลงไป ไม่เพียงเท่านั้น ตอนนี้ขวังซือยังอยู่ในระหว่างการรักษาบาดแผล ทั้งยังเข้าสู่การหลับใหลอีกครั้ง!
ดังนั้น ทั้งตระกูลฟาง ไม่มีใครไม่หวาดกลัวความสามารถของนายน้อยคนนี้
เหล่าโจวมีบางอย่างที่ไม่เข้าใจเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงถามขึ้น "คุณท่าน ฉันมีเรื่องหนึ่งที่ไม่เข้าใจ!"
"ทำไมทั้งที่ท่านรู้อยู่แล้วว่าทำเช่นนี้จะทำให้นายน้อยก่อความวุ่นวายให้ตระกูลฟางทั้งตระกูล ยังจะต้องทำเช่นนั้นล่ะ? ผู้หญิงคนนั้นสำหรับนายน้อยแล้วอาจจะมีตำแหน่งที่หนักแน่น ท่านลองคิดดู ตั้งแต่หลังจากเย่เทียนตายไป ผู้หญิงคนนั้นและแม่ของเธอก็กลายเป็นคนในครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวในใจของนายน้อย! นั่นอาจจะเป็นความหวังเดียวทั้งชีวิตนี้ของเขา ท่านให้เธอจากไป เช่นนี้โหดร้ายกับนายน้อยไปหรือไม่? ฉันคิดว่าพวกเราไม่ควรยุ่งเรื่องของนายน้อย! เขาเติบโตแล้ว อีกทั้งตอนนี้เขายังมีกำลังที่แข็งแกร่ง!"
เหล่าโจวใส่ความกล้าหาญเอ่ยประโยคนี้ออกมา พูดจบ เอวของเขาก็ค้อมลงมาโดยไม่รู้ตัว นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้รับใช้ควรพูด แล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่ผู้รับใช้ควรกังวลใจ!
"บังอาจ!" ฟางจินหยวนตบโต๊ะครั้งหนึ่ง ตะโกนด้วยความโกรธเสียงหนึ่ง
เอวของเหล่าโจวโน้มต่ำลงอีก เขาตัวสั่นสะท้านเอ่ยว่า "คุณท่าน โปรดลงโทษ!"
ฟางจินหยวนเหอะออกมาเสียงหนึ่ง เอ่ยว่า "อะไรที่เรียกว่านั่นคือคนในครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวในใจของนายน้อย? หรือว่าพวกเราไม่ใช่ญาติของเขาหรือ? ตระกูลฟางของฉันถึงจะเป็นบ้านของเขา"
"รับทราบ!" เหล่าโจวที่สุดแล้วก็ยังไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา
ฟางจินหยวนถอนหายใจอีกครั้ง เหลือบมองเหล่าโจวครั้งหนึ่ง เอ่ยถามว่า "เหล่าโจวเอ๊ย นายติดตามฉันมากี่ปีแล้ว?"
เหล่าโจวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตอบว่า "คุณท่าน ตั้งแต่ปู่ทวดของฉันสมัยนั้นก็ทำงานที่ตระกูลฟางมาตลอด ตั้งแต่ฉันเกิดมาก็ติดตามท่านแล้ว! หลังจากคุณพ่อของฉันเสียไป ก็มาถึงฉันที่รับใช้ท่านแล้ว"
"เช่นนั้น นายคิดว่าฉันจะทำเรื่องที่ไม่มีเหตุผลประเภทนั้นหรือ?" น้ำเสียงของฟางจินหยวนเปลี่ยนเป็นแข็งขึ้นมา
ทั้งตัวของเหล่าโจวสั่นสะท้าน เอวโน้มลงต่ำมากยิ่งขึ้น ศีรษะเกือบจะถึงพื้นแล้ว
เขาเอ่ยอย่างเคร่งเครียดว่า "ไม่มีทาง ไม่มีทาง! คุณท่าน ฉันไม่ได้หมายความเช่นนั้น"
"ฮ่าๆ!" ฟางจินหยวนเห็นท่าทางเช่นนั้นของเหล่าโจว ยิ้มคล้ายไม่ยิ้มหัวเราะออกมาสองเสียง เอ่ยว่า "ช่างเถอะ! มีบางเรื่องพูดกับนายไปก็ไม่มีอะไรวันเวลาของฉันอีกไม่นานแล้ว สิ่งที่ทำได้ก็มีเพียงเรื่องพวกนี้เท่านั้น ก็เป็นเพราะว่าผู้หญิงคนนั้นสำคัญกับนายน้อยอย่างที่สุด ฉันถึงได้ให้เธอทำเช่นนั้น เช่นนี้ไม่ใช่เป็นการยุ่งเรื่องของเสี่ยวเหยียนมากเกินไป แต่เป็นการช่วยเหลือเขา ช่วยเขาปกป้องคนที่สำคัญที่สุดของเขา เสี่ยวเหยียนนั้นแข็งแกร่งมาก แม้แต่ขวังซือก็ยังไม่ใช่คู่มือของเขา แต่ทว่า เขากลับไม่รู้ว่าพลังที่อยู่เบื้องหลังสายนั้นมันแข็งแกร่งแค่ไหน"
กำลังพูดอยู่ ดวงตาของฟางจินหยวนก็หรี่ลงเป็นเส้นตรง ในสมองของเขาก็เริ่มสว่างวาบถึงเงาร่างขององค์กรนั้นอย่างรวดเร็ว ไม่นานนัก สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นไม่น่ามองอย่างถึงที่สุด มือก็หมดแรงที่จะยกชาขึ้นดื่มโดยไม่รู้ตัว
ดวงตาของเหล่าโจวพลันเบิกกว้างขึ้นทันที สามารถทำให้คุณท่านรู้สึกว่ามีอิทธิพลแข็งแกร่งนอกจากพวกเขาแล้ว ยังจะมีใคร?
เขาถามด้วยความประหลาดใจ "คุณท่าน ที่ท่านพูดก็คือ.... พวกเขา?"
ฟางจินหยวนทำเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อย แล้วยกชาขึ้นจิบอีกครั้ง
เหล่าโจวยังคงตื่นตะลึงเอ่ยถามว่า "แต่พวกเขาก็ไม่ได้ปรากฏตัวออกมาหลายปีแล้ว หรือว่าในเวลานี้ปรากฏตัวออกมา? มีแผนการใหญ่อะไรให้ต้องทำหรือ?"
ฟางจินหยวนยังคงไม่เอ่ยปาก ใบหน้าที่แลดูเหมือนเปลือกไม้เก่าก็ยิ่งเหี่ยวย่นมากขึ้น!
"ตอนนี้ เสี่ยวเหยียนอยู่ที่ไหน?" ฟางจินหยวนจิบชาอีกครั้ง เอ่ยถาม
หลังจากนั้นชายชราก็เชิญเย่ชิงหยู่ขึ้นรถ ทั้งยังพูดชัดเจนว่าตนเองไม่ได้มีเจตนาร้าย มาช่วยเหลือเธอเพื่อช่วยฟางเหยียน
ได้ยินคำพูดของชายชรา เย่ชิงหยู่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง หลังจากนั้นก็เชื่อแล้วเพราะว่าท่าทางของคนเหล่านั้น ก็ทำให้เธอผ่านไปไม่ได้ หลังจากขึ้นรถแล้ว ชายชราแนะนำตนเองว่าเป็นพ่อบ้านของฟางซื่อกรุ๊ป เรียกเขาว่าลุงโจวก็พอ
เย่ชิงหยู่พอได้ยินว่าเป็นพ่อบ้านของตระกูลฟาง เช่นนั้นสถานะก็จะต้องค่อนข้างมีอำนาจ ขนาดคนที่ทำงานในฟางซื่อกรุ๊ปยังล้วนไม่อาจดูถูกได้ แล้วยิ่งไปกว่านั้นนี่คือพ่อบ้านของตระกูลฟางล่ะ ดังนั้นเธอจึงรีบร้อนวอนขอให้พวกเขาปล่อยสามีของตนเอง
หลังจากนั้น เหล่าโจวเล่าสถานการณ์ให้เย่ชิงหยู่ฟังอย่างละเอียด เอาฐานะที่แท้จริงของฟางเหยียนบอกต่อเย่ชิงหยู่
เขาบอกว่าที่จริงแล้วฟางเหยียนก็คือนายน้อยของตระกูลฟาง สิบห้าปีก่อน เพราะว่าเกิดเรื่องนั้นขึ้นถึงถูกพามาที่ตระกูลเย่
ตอนนั้นเย่ชิงหยู่ยากที่จะเชื่อคำพูดของเหล่าโจว แต่ว่าต่อจากนั้นคำพูดที่เหล่าโจวพูดมาทั้งหมดยิ่งทำให้เย่ชิงหยู่ตกตะลึง เหล่าโจวบอกว่า ที่เธอสามารถร่วมมือกับหวงหยวนฉาวแห่งซีหนานกรุ๊ปได้ ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นฟางเหยียนจัดการด้วยมือเดียว เรื่องที่เย่ชิงหยู่เปลี่ยนแบบแปลนก็พูดให้เธอฟังรอบหนึ่ง บอกว่านั่นคือเรื่องที่ผิดจรรยาบรรณวิชาชีพ แต่ฟางเหยียนจัดการแล้ว ไม่ว่าจะไม่ถูกต้องขนาดไหน ใครก็ต้องล้วนทำตาม อย่างไรเสียเขาก็คือนายน้อยของตระกูลฟาง ยังมีเรื่องเจ้าของร้านหยกตี้เซิ่งหยวนว่าทำไมถึงได้เคารพฟางเหยียนขนาดนั้น เจ้าของโรงแรมเทียนเยว่ทำไมถึงเคารพฟางเหยียนเช่นนั้น ทั้งหมดเป็นเพราะฐานะนายน้อยตระกูลฟางของเขา
พูดมาถึงตรงนี้ เหล่าโจวก็ยิ่งเลือกการพูดที่ชัดเจนยิ่งขึ้น บอกว่านายน้อยมีอนาคตที่ดีกว่าที่ต้องเดิน ไม่สามารถอยู่ที่เมืองจินโจวเล็กๆนี้เพื่อเธอได้ตลอดไป เขาในอนาคตต้องสืบทอดทรัพย์สินมรดกของตระกูลฟางแห่งเจียงตู ต้องเป็นผู้สืบทอดตระกูลอันดับหนึ่ง นอกจากนั้นเขายังพูดว่านายน้อยมีภรรยาที่แต่งเข้าบ้านแล้วคนหนึ่ง ตอนยังเด็กมากตระกูลฟางได้หมั้นหมายไว้ให้เขาแล้ว
ได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้ว ใจของเย่ชิงหยู่ก็เริ่มสั่นคลอนแล้ว เริ่มย้อนกลับไปคิดถึงเรื่องเหล่านั้นที่ฟางเหยียนเคยทำรอบหนึ่ง แต่ว่า เธอนั้นยากที่จะเชื่อว่าฟางเหยียนเป็นนายน้อยของตระกูลฟาง
แน่นอนว่าเหล่าโจวย่อมต้องเห็นอยู่ในสายตา เขาให้เย่ชิงหยู่ไปถามด้วยตนเอง ถามสักหน่อยก็รู้แล้ว
เรื่องต่อจากนั้น ก็คือเย่ชิงหยู่ไปหาฟางเหยียนถามเรื่องราวด้วยตนเอง!
นี่ก็คือเรื่องที่วันนั้นเหล่าโจวไปหาเย่ชิงหยู่!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ