โจวปินคางสามารถเป็นตัวแทนท่านปรมาจารย์แห่งตระกูลโจวได้หรือ?
ไม่ได้!
อย่าว่าแต่เขาเลย เกรงว่าผู้ใดก็ตามล้วนไม่สามารถเป็นตัวแทนท่านปรมาจารย์แห่งตระกูลโจวได้เลย ท่านปรมาจารย์มีตำแหน่งอยู่เหนือกว่าผู้นำตระกูล ขอเพียงเขาต้องการ ทั้งตระกูลโจวก็มาอยู่ในกำมือของเขาได้ ทว่าหลายปีมานี้ เขาไม่มีเจตนาที่จะจัดการเรื่องเล็กน้อยภายในตระกูลแล้ว ต้องการเพียงไขว่คว้าเส้นทางของนินจาอย่างสงบสุข เป็นผู้บ้าคลั่งในวรยุทธอย่างแท้จริง
ทว่าเขามิใช่ผู้บ้าคลั่งในวรยุทธที่ไม่สนใจเรื่องอันใดเลย ขอเพียงตระกูลโจวได้เผชิญกับสถานการณ์ที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย เขาก็จะออกหน้าเข้าไปปกป้อง ช่วยเหลือตระกูลโจวจากเรื่องเดือดร้อนต่างๆ นอกจากที่เขาจะเป็นท่านปรมาจารย์แห่งตระกูลโจวแล้ว ก็ยังเป็นเทพพิทักษ์ของตระกูลโจวอีกด้วย มีเขาอยู่ ตระกูลโจวมีแต่จะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
ผู้ใดจะสามารถมาเป็นตัวแทนได้?
ไม่มีผู้ใดสามารถถูกขนานนามเป็นท่านปรมาจารย์ได้ และยิ่งไม่มีผู้ใดที่จะสามารถจำกัดการกระทำทุกประการของท่านปรมาจารย์ได้!
เพียงคำพูดเดียว ก็ทำให้โจวปินคางตกอยู่ในความกระส่ายกระสับได้ ไร้ซึ่งความสงบนิ่งสุขุมเช่นเมื่อก่อน
ฟางเหยียนกลับเป็นผู้ที่ปกติจะเงียบๆ ครั้นพอทำอะไรขึ้นมา ก็สามารถทำให้ผู้คนตกตะลึงได้
เทียนขุยต้องสยบจนต้องก้มหัวลำตัวแนบพื้น วินาทีนั้นอยู่ๆ เขาก็นึกถึงสำนักฉิวหลงในเมื่อก่อนขึ้นมา ผู้อาวุโสใหญ่หลินชื่อตั้งใจว่าจะไม่ยอมรับใดๆ ทั้งสิ้น คำพูดหนึ่งที่โผ้จวินเคยเอ่ยไว้ ตีงูให้ตายต้องตีที่เจ็ดนิ้วนับจากหัว จี้ถูกจุดสำคัญจึงจะทำให้คนตื่นตระหนกได้ และจะเผยจุดอ่อนออกมาเอง!
ความตื่นตระหนกของโจวปินคาง ไม่ได้เสแสร้งแต่อย่างใด ต่างก็ถูกคนสามคนมองเห็นทั้งนั้น
เขาครุ่นคิดสักพัก ค่อยเอ่ยขึ้น: “จอมพลพูดก็ถูก ผมไม่สามารถเป็นตัวแทนท่านปรมาจารย์ได้ แต่ผมสามารถเป็นตัวแทนให้ทั้งตระกูลโจวได้ ท่านปรมาจารย์ไม่มีทางที่จะทำเรื่องที่ทำลายผลประโยชน์ของตระกูลได้แน่นอน”
“กะล่อนปลิ้นปล้อน!” ชิงตี้เอ่ยอย่างไม่พอใจ: “นายเป็นตัวแทนทุกคนได้ แต่มีเพียงอย่างเดียวคือเป็นตัวแทนเฒ่าประหลาดตระกูลโจวไม่ได้ อีกอย่างการกระทำทุกอย่างของเขา นายรู้แน่ชัดจริงเหรอ?”
โจวปินคางเป็นใบ้ พูดไม่ออกขึ้นมาอีกครา
แม้ว่าท่านปรมาจารย์จะซ่อนตัวอยู่ในป่าเขาที่อยู่ห่างไกลไม่ค่อยออกมาเจอผู้คน ไม่เข้าใจเรื่องทางโลก ครั้นกลับไม่มีผู้ใดที่จะสามารถขัดขวางการเดินหน้าของเขาได้เลย การที่โจวปินคางเอ่ยถามเองโดยที่ไม่ละอายใดๆ ก็ทำให้宵小แห่งตระกูลโจวตกตะลึงเช่นกัน ท่านปรมาจารย์กลับไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเขา แม้ว่าเขาจะไม่เคยปรากฏตัวออกมา ทว่าใครจะไปรู้ว่าตอนนี้ท่านปรมาจารย์กำลังทำอะไรอยู่?
เขาไม่รู้ว่าควรจะอธิบายอย่างไร
เขาได้แสดงท่าทีของตนออกไปแล้ว ทว่าก็ไม่สามารถเป็นตัวแทนท่านปรมาจารย์ได้อยู่ดี!
หากเป็นอย่างที่จอมพลโผ้จวินเอ่ยจริงๆ ท่านปรามาจารย์คบค้าสมาคมกับเพลิงเสวน โดยที่พวกเขาไม่ทราบสถานการณ์ เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่เขาไม่สามารถควบคุมได้เช่นกัน โดยเฉพาะตัวตนอันอ่อนไหวง่ายของหญิงสาวคนนี้ เธอเป็นถึงคนของเพลิงเสวนเชียว หรือว่าเธอจะปรักปรำผิดอย่างนั้นหรือ?
เขาไม่กล้าคิดต่อไป
ถ้าหากท่านปรมาจารย์ทำเรื่องที่ผิดต่อประเทศจริงๆ เขาเองก็คงทำได้เพียงยอมให้ความร่วมมืออย่างฝืนใจ ถึงอย่างไรพลังอำนาจของท่านปรมาจารย์ก็ไม่มีผู้ใดต้านทานได้ และไม่มีผู้ใดกล้าขัดขืน เวลานั้น เขาคงทำได้เพียงเป็นศัตรูกับจอมพลโผ้จวินอย่างจำยอมเสียแล้ว
นั่นเพียงเพราะท่านปรมาจารย์คือเทพพิทักษ์แห่งตระกูลโจว!
เรื่องนี้ควรทำเช่นไรดีกันแน่!
โดยเฉพาะคนจากเพลิงเสวนผู้นั้นได้ยืนยันแล้วว่าท่านปรมาจารย์กระทำผิด ความไม่เชื่อของเขาตั้งแต่แรกก็กลายเป็นสงสัยขึ้นมาเสียแล้ว จริงสิ หากจอมพลโผ้จวินไม่มีหลักฐาน เขาจะมาด้วยตนเองได้อย่างไร? ในเมื่อมาแล้ว เช่นนั้นก็เป็นการพิสูจน์แล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว
สิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัวที่สุดก็คือ นึกไม่ถึงว่าเขาจะไม่ทราบพฤติกรรมของท่านปรมาจารย์เลย ไม่กระจ่างโดยสิ้นเชิง!
หรือว่าท่านปรมาจารย์จะยืนอยู่ฝ่ายเพลิงเสวนแล้ว คบค้าสมาคมกับเพลิงเสวนอย่างสนิทชิดเชื้อกันจริงๆ ! หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาผลักทั้งตระกูลโจวไปสู่เส้นทางที่ไม่มีทางฟื้นตัวอีกตลอดไป ทำลายทั้งตระกูลโจวอย่างราบคาบ!
“ท่านปรมาจารย์นะ ท่านปรมาจารย์ ท่านกำลังทำอะไรอยู่กันแน่!” โจวปินคางรู้สึกไม่พอใจเต็มอก และมีน้ำโหเล็กน้อย
ฟางเหยียนเห็นสีหน้าของเขาทั้งหมด จึงเอ่ยขึ้นมาน้ำเสียงราบเรียบ: “ผู้นำตระกูลโจว ตอนนี้แม้แต่คุณก็ไม่เชื่อใช่ไหม? พูดมาตรงๆ เถอะ อยากตายหรืออยากมีชีวิตอยู่ ?”
โครม!
โจวปินคางที่เดิมทีก็ตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูกอยู่แล้ว ยิ่งตกใจขึ้นยกใหญ่ราวกับถูกฟ้าผ่ากระทบเข้าอย่างไรอย่างนั้น
คำพูดนี้ของฟางเหยียน เป็นการแจ้งให้โจวปินคางทราบเป็นครั้งสุดท้ายอย่างไม่ต้องสงสัย!
เห็นได้ชัดว่า นี่คือผลสรุปว่าจะอยู่หรือรอด รอเพียงแต่ดูท่าทีของโจวปินคางเท่านั้น!
ทว่าโจวปินคางถือว่าอัดอั้นตันใจอยู่ ผีสางทราบดีว่าเขาควรจะเลือกทางไหน เขาเพียงแค่สงสัยว่าท่านปรมาจารย์จะมีความเกี่ยวพันกับเพลิงเสวนเท่านั้น เหตุใดจึงกลายเป็นจริงไปได้?
ภายในความอัดอั้นตันใจก็มีความหวาดกลัวและขัดแย้งอยู่ด้วย
บัดนี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจประโยคหนึ่งเสียที!
“จิ้งจอกเฒ่าคิดจะเผ่นหนีงั้นเหรอ? จะบอกอะไรให้นะโจวปินคาง ในเมื่อฉันแสดงตัวตัวออกมาแล้ว แกคิดว่าตอนนี้แกยังจะหนีรอดออกไปได้งั้นเหรอ? ที่รัก ลงมือเลยเถอะ คนแบบนี้พูดไปก็เปลืองน้ำลายเปล่า เสียเวลาจริงๆ นี่เขากำลังสิ้นเปลืองความเมตตาของคุณ ฉันคิดว่าเราไม่ควรจะทำแบบนี้เลย ที่รัก ถ้าคุณไม่ลงมือ ฉันเอง เพราะถ้าไม่ลงมือ คนบางคนก็จะไม่ยอมออกมาสักที!”
ชิงตี้เจ็บใจแทนฟางเหยียน ไม่สมควรไปพูดไร้สาระกับเขาเลย ลงมือเลยไม่ดีกว่าหรือ? คนบางคนจะได้ไม่ต้องมาแสร้งทำเป็นเลอะเลือน ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจดีตลอดเช่นนี้ ช่างเสียเวลาจริงๆ !
ที่รัก!
โจวปินคางตัวสั่นเทาขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมจ้องมองชิงตี้อย่างอึ้งๆ ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว ว่าทำไมเธอจึงติดตามจอมพลมา ที่แท้พวกเขาก็เป็นคนรักกันนี่เอง หรือว่าคำพูดของคนรักจะเชื่อถือไม่ได้?
โจวปินคางที่เดิมมีท่าทียืนกรานแน่วแน่ บัดนี้ก็เริ่มฉงนใจขึ้นมาแล้ว หรือว่าจะเป็นอย่างที่เธอว่า ท่านปรมาจารย์คบค้าสมาคมอยู่กับเพลิงเสวนจริงๆ !
เขามึนงงจริงๆ ควรจะเชื่อผู้ใดกันแน่?
เทียนขุยคันไม้คันมืออยากจะลองดูตั้งนานแล้ว เขาตบโต๊ะและลุกขึ้น ตีลังกามาอยู่เบื้องหน้าโจวปินคาง หมัดแปดทิศพุ่งไปยังโจวปินคางทันที
โจวปินคางจึงทำได้เพียงต้านทานไว้อย่างเสียเปรียบ รับมือกับการโจมตีของเทียนขุยครั้งนี้อย่างฝืนใจ
โครม!
เสียงโครมครามดังสนั่นพสุธา กระจกทั้งห้องรับแขกแตกกระจุยกระจายเป็นเสี่ยงๆ เก้าอี้ที่โจวปินคางนั่งอยู่ก็แตกกระจายพร้อมเสียงที่ดังลั่น มองออกได้ง่ายมาก ว่าจะมีแรงสั่นสะเทือนของกำลังภายในจากการประลองฝีมือของทั้งคู่รุนแรงเพียงใด
โจวปินคางก็เป็นนินจาเช่นกัน ไม่เช่นนั้นการโจมตีนี้ เกรงว่าเขาคงจะต้องตายเป็นแน่!
สายตามองไปยังเทียนขุยที่กำลังกระโจนเข้ามาอีกครั้ง โจวปินคางหลบไป พร้อมเอ่ยขึ้นโน้มน้าวใจไป :“จอมพล เรื่องนี้จะต้องมีการเข้าใจผิดแน่ๆ จอมพลได้โปรดรอให้ผมสืบความจริงให้กระจ่างก่อน แล้วจะไปรายงานกับจอมพล”
ฟางเหยียนเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์: “เทียนขุย ลงมือเต็มที่เลย”
เทียนขุยพุ่งเข้าใส่โจวปินคางอีกครั้งตามคำสั่ง เขาปล่อยพลังออกเต็มที่ในครั้งนี้ จุดประสงค์ก็เพื่อที่จะจัดการโจวปินคางได้เลยในคราเดียว ทว่าโจวปินคางไม่ได้ตอบโต้กลับแต่อย่างใด ได้แต่รับมือโดยเสียเปรียบตลอด เขาชัดเจนดีว่า เมื่อสู้รบกันแล้ว ก็จะชำละล้างมลทินไม่ได้อีกเลย
และในขณะที่เขาจนปัญญาอยู่นั้น ภายในเรือนก็มีน้ำเสียงทุ้มหนา มีความหนักแน่นดังเข้ามา
“ไม่ทราบว่าท่านจอมพลจะเป็นเกียรติมาเยี่ยมเยียนในวันนี้ ขออภัยด้วยที่ไม่ได้ต้อนรับอย่างทั่วถึง เข้ามาเถิด เขาจะพาท่านมาเอง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ