การคาดการณ์อันตรายที่จะมาถึงล่วงหน้าเป็นความสามารถที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดของฟางเหยียน แต่ครั้งนี้ เขากลับเหมือนคนตาบอด ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอันตรายที่มีอยู่ทุกที่ แต่นี่แม้แต่อันตรายโผล่มาจากทางไหนก็ไม่สามารถมองเห็นได้เลย!
ถูกศัตรูล้อมไว้ทั้งสี่ด้าน ถูกซุ่มโจมตีจากทุกทิศทาง!
อันตรายเต็มไปหมด!
เหมือนกับทุกทิศทางมีสายตาคอยจับจ้องอยู่ ความรู้สึกที่มีคนคอยจ้องมองอยู่ทำให้รู้สึกหวาดกลัว รู้สึกอึดอัดไม่สบายตัว!
แต่สิ่งที่ทำให้ฟางเหยียนประหลาดใจมากก็คือ อันตรายนี้เห็นได้ทุกที่ แต่กลับไม่สามารถหลีกหนีได้ อันตรายเหล่านี้ไม่โจมตีตรง ๆ เหมือนวางระเบิดไว้ข้างตัวคุณ มันสามารถระเบิดได้ตลอดเวลา แต่กลับไม่ระเบิดออกมาง่าย ๆ เทียบได้กับอันตรายที่สามารถโผล่ออกมากะทันหัน ความรู้สึกแบบนี้ทำให้คนรู้สึกเหนื่อยล้ากายใจ ทรมารและน่าอึดอันมาก!
ถูกต้อง นี่เป็นการทรมานคุณ เพลินเพลินกับการได้เป็นฝ่ายควบคุมและจัดการ!
ฟางเหยียนโบกมือเล็กน้อย ส่งสัญญาณให้เทียนขุยสงบนิ่งลงหน่อย ขณะที่มั่นใจว่ายังไม่มีอันตรายใด ๆ โผล่มา เขาก็เริ่มสังเกตรอบ ๆ อย่างละเอียด การยืนยันที่มาของอันตรายเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่เขาต้องแน่ใจก่อนว่าอันตรายอยู่ที่ไหน? ไม่เพียงเท่านี้ เขายังต้องคลี่คลายวิกฤต เปลี่ยนจากอันตรายให้กลายเป็นความปลอดภัย!
เมื่อสำรวจอยู่ครู่หนึ่งไม่พบสิ่งที่ผิดปกติอะไร เขาก็พบว่าเทียนขุยไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย นี่ถือเป็นข่าวดี แต่อันตรายพวกนี้มันมาจากที่ไหนกันแน่? อดไม่ได้ที่จะหันไปมองรอบ ๆ อีกครั้ง สุดท้ายสายตาก็มาหยุดอยู่ที่ใต้ฝ่าเท้า
นั่นคือไม้กระดานแผ่นหนึ่ง ไม้กระดานไม่มีอะไรแตกต่าง แม้แต่ลวดลายก็ยังเหมือนกันทุกอย่าง สลักเป็นรูปแบบแตกต่างกันไป มีทั้งรูปมังกร รูปเสือ รูปคน แต่ไม้กระดานที่เขาเหยียนอยู่แผ่นนี้ สลักเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดอย่างหนึ่ง ครึ่งคนครึ่งสัตว์!
รูปครึ่งคนครึ่งสัตว์!
ไม้กระดานนี่มีปัญหา!
นอกจากรูปครึ่งคนครึ่งสัตว์แล้ว ทุก ๆ สามแผ่นจะมีรูปครึ่งคนครึ่งสัตว์อยู่หนึ่งแผ่นคั่นไว้!
สาม?
ตัวเลขนี้เหนือความคาดหมายของฟางเหยียนมาก!
เลขสามที่อยู่ในกว้านี้เหนือความคาดหมายมาก หนึ่ง*กว้าคุมสามสิ่ง มีทั้งหมดแปดทิศ รวมกันเป็นยี่สิบสี่ตำแหน่ง! (*กว้าก็คือตรีลักษณ์ ควบคุมสามสิ่ง)
หรือว่า......
จริงด้วย!
กุ่ยกู๋จื่อบรรพบุรุษของสำนักกุ่ยกู๋ เป็นผู้คิดค้นเรื่องกว้า ออกแบบให้กว้ามียี่สิบสี่ตำแหน่งเพื่อให้มีโชคลาภและหลีกเลี่ยงความชั่วร้าย หากอยากจัดการกับอันตรายนี้ ขอแค่หากว้าให้เจอ หาสิ่งที่ดีและไม่ดีให้พบ ก็จะสามารถรอดพ้นวิกฤตนี้ไปได้!
ทันใดนั้น เขาดูเหมือนเข้าใจขึ้นมาแล้วว่าต้นเหตุของอันตรายที่เกิดขึ้นมาจากไหน เกรงว่าจะเป็นกุ่ยกู๋ บรรพบุรุษของสำนักกุ่ยกู๋นั่นเอง!
คิดดูแล้วก็จริง แล้วเขาจะกลัวอันตรายไปทำไม?
มีอุปสรรคอันตรายอะไรที่เขาไม่เคยพบเจอบ้างล่ะ?
จะมาขนลุกกลัวอันตรายครั้งนี้ได้ยังไงกันล่ะ?
นอกจากกุ่ยกู๋จื่อที่เป็นคนมากฝีมือจนน่าตกตะลึงแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงคนนั้นแล้วล่ะ!
เมื่อแน่ใจถึงที่มาของอันตรายแล้ว เขาก็วางใจได้สักที สำหรับเรื่องกว้านั้น แม้ว่าฟางเหยียนไม่ได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งแต่ก็ไม่ใช่คนนอกวงการ จึงทำให้พอรู้มาบ้าง ถ้าหากไม่ใช่เพราะคนคนนั้น เขาอาจจะไม่สนใจเรื่องนี้เลยก็ได้ แต่ในเมื่อตอนนี้ได้พบแล้ว เขาก็อยากลองดูสักหน่อย!
จะไม่ลองได้ยังไงกันล่ะ? ยังไงก็อยู่ท่ามกลางอันตรายอยู่แล้ว!
ฟางเหยียนได้เริ่มท่องขึ้นมา : “ทิศตะวันตกเฉียงเหนือเป็นเฉียน ทิศเหนือเป็นข่าน ทิศตะวันออกเฉียงเหนือเป็นเกิ้น ทิศตะวันออกเป็นเจิ้น ทิศตะวันออกเฉียงใต้เป็นซวิ่น......”
ตรงทางเข้า เป็นตำแหน่ง*เหริน จื่อ ขุย พอดี ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขายืนอยู่! และเป็นตำแหน่งที่ทำให้เกิดอันตราย! (*เหริน จื่อ ขุย เป็นตำแหน่งที่อยู่ตรงข่าน)
นี่เป็นตำแหน่งชั่วร้าย!
“ช่างเถอะ สำหรับคนหนุ่มที่บุ่มบ่ามวู่วามอย่างนี้ ฉันไม่อยากดูเลยด้วยซ้ำ เอางี้แล้วกัน ฉันของีบสักพัก ไว้รอมันตายแล้วค่อยเรียกฉันไปเก็บศพ” ไม่รอให้เขาตอบรับ คนคนนั้นก็บ่นด่าขึ้นมา : “น่ารำคาญจริง ๆ ต้องขอบคุณบรรพบุรุษเลยนะ หมาแมวที่ไหนก็กล้าบุกฝ่ายค่ายกลได้งั้นเหรอ? ดีที่ค่ายกลนี่ช่วยลดปัญหาเหล่านี้ไปได้ไม่น้อย คำพูดของคนโบราณนี่ไม่หลอกลวงเลยจริง ๆ จำเป็นต้องทำสิ่งเหล่านี้มาจำกัดพวกคนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!”
คนเฝ้าประตูอีกคนได้แต่หัวเราะ แล้วส่ายหน้าอย่างเอือมระอา เหตุการณ์อย่างนี้เขาเห็นมามากแล้ว พวกคนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง มักคิดว่าตัวเองเป็นคนที่สามารถบุกฝ่าทะลวงเข้ามาได้ แต่ผลที่ได้คือ คนที่เข้ามาล้วนบาดเจ็บสาหัสปางตายกันแทบทุกคน ยกเว้นคนคนนั้น!
เมื่อนึกถึงผู้ชายคนนั้น สีหน้าเยาะเย้ยของเขาก็หายไปทันที แล้วเปลี่ยนเป็นสีหน้าเคารพยำเกรงแทน ความเคารพยำเกรงระดับนี้ไม่น้อยไปกว่าตอนทีเห็นเจ้าสำนักคนปัจจุบันเลย ความเคารพยำเกรงแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เสแสร้งออกมา แต่เป็นความเคารพยำเกรงที่ออกมาจากในจิตใจ แต่ในความเคารพยำเกรงนี้กลับมีความฝืนใจปนอยู่
ผู้ชายคนนั้นถอยออกไป แล้วก็บุกฝ่าเข้ามาได้อย่างปลอดภัย และตอนนี้ไอ้หนุ่มคนนั้นกำลังเหยียบอยู่ตำแหน่งชั่วร้ายเหริน จื่อ ขุย เหมือนกับผู้ชายคนนั้นในตอนนั้นไม่มีผิด เพียงแต่ว่าถึงจะเป็นคนเหมือนกันแต่คนละชีวิต มองดูอยู่สักพัก เขาก็ละสายตาคู่นั้นไป ไม่คิดจะมองดูต่ออีก
สาเหตุนั้น ไม่ซับซ้อนเลย เพราะเห็นมามากแล้วจึงไม่รู้สึกแปลกใจ คนแบบนี้มีเพียงแต่ต้องตายเท่านั้น ถึงจะมองดูมากแค่ไหนก็ไม่สามารถหลีกหนีตำแหน่งชั่วร้ายนี้ไปได้!
มีเพียงแค่ปัญหาเรื่องเวลาเท่านั้น มากสุดก็สิบห้านาที เขาก็สามารถไปเก็บศพได้แล้ว!
ทางฝากฟางเหยียน เมื่อแน่ใจว่าไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ เขาก็ไม่ได้รีบร้อนตื่นตระหนก หากเป็นเมื่อก่อน เขาอาจจะร้อนรนจนเหมือนมดในกะทะร้อนแล้ว แต่อาจารย์เคยบอกไว้ว่า ให้สงบนิ่ง คิดไตร่ตรองและอดทน ทำให้เขาไม่ตื่นตระหนก และนี่เป็นเหตุผลที่เขาเป็นคนสงบนิ่งไม่หวั่นไหวต่อเรื่องใด ๆ!
ยามว่างจิตใจต้องมั่นคง ยามมีเรื่องจิตใจต้องฟุ้งซ่าน หากมีเรื่องใหญ่ต้องมั่นใจกล้าหาญ หากเป็นเรื่องเล็กต้องไม่ชักช้ารีรอ!
ตอนที่รู้ว่าไม่สามารถแก้ไขกว้านี้ได้ เขาก็รู้แล้วว่ากว้านี้ไม่มีวิธีแก้ไข!
โดยเฉพาะอันตรายรอบทิศยังคงเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น รู้สึกกดดันเหมือนถูกภูเขาไท่กดทับลงมา เขารู้ดีว่า เวลาของเขาเหลือไม่มากแล้ว!
เทียนขุยที่อยู่ด้านข้างร้อนใจจนอยู่นิ่งไม่ไหว หลายครั้งที่คิดอยากจะพุ่งเข้ามา แต่หากฟางเหยียนไม่เอ่ยปาก เขาก็ไม่สามารถขัดคำสั่งได้ จึงได้แต่ตะโกนอย่างร้อนใจ : “จอมพลโผ้จวิน คุณเป็นอะไรกันแน่? ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ยอมขยับเลย ตกลงมันเกิดอะไรขึ้น?”
ฟางเหยียนยังคงเอ่ยพูดด้วยท่าทีนิ่งเฉย : “เจอเรื่องยุ่งยากนิดหน่อย สถานการณ์แย่มาก!”
ได้ยินประโยคนี้ เทียนขุยถึงกับฟุ้งซ่านทันที!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ