จอมนักรบทรงเกียรติยศ นิยาย บท 869

เมื่อสายฟ้าฟาดลงมา สั่นสะท้านไปทั่วประเทศ!

ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ภูเขาทิพย์แม้แต่ครึ่งก้าว พลังแห่งฟ้ายังคงอยู่ที่นั่น ทำให้ผู้คนรู้สึกตกตะลึง!

สำนักลึกลับหยินเหมินและครอบครัวตระกูลขุนนางทั้งหมดไปรวมตัวกันที่ภูเขาทิพย์เพื่อสืบหาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ภูเขาทิพย์ที่เต็มไปด้วยพลังของสายฟ้า ทำได้เพียงรออยู่ที่เชิงเขา โดยหวังว่าพวกเขาจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเป็นอันดับแรก นอกจากนั้นยังรวมถึงองค์กรสัตว์เพลิงที่แอบซ่อนอยู่ในความมืด เช่นเดียวกับชิงตี้และคนอื่น ๆ

“ไปรายงานท่านราชา สิ่งที่เกิดขึ้นในภูเขาทิพย์จอมพลโผ้จวินและคนอื่น ๆ น่าจะตายไปแล้ว!”

ชายคนนั้นรับคำสั่งแล้วหายเข้าไปในหมู่ฝูงชน

“ถังจู่หยิน พูดเช่นนั้นจริง ๆ เหรอ? ถ้าหาก……”

“ไม่มีคำว่าถ้าหาก!” หยินฮว่าหันไปมองเขา “ถ้าเช่นนั้นคุณก็ขึ้นไปดูสิ!”

บุคคลนั้นหัวเราะและกล่าวว่า “ถังจู่หยิน ท่านกำลังล้อเล่นหรือ? ภูเขาทิพย์ทั้งลูกราบเป็นหน้ากลองแล้ว อย่าว่าแต่เป็นคนเลย สายฟ้าฟาดมาเก้าลูกติดต่อกัน ถึงแม้จะเป็นเทวดาก็ถูกระเบิดจนกลายเป็นเศษซากไปแล้ว ตอนนี้ยังมีพลังสายฟ้าหลงเหลืออยู่ ถ้าเวลาไม่ผ่านไปสิบวันหรือครึ่งเดือน เกรงว่าจะไม่มีใครกล้าก้าวเข้าไปแม้แต่ครึ่งก้าว”

“ถ้าไม่มีความสามารถก็อย่าพูดจาไร้สาระ กระจายข่าวออกไปว่า เทพแห่งสงครามของประเทศหวา จอมพลโผ้จวินตายไปแล้ว!”

ชายคนนั้นพยักหน้าด้วยความนอบน้อมทันที!

เทพเจ้าแห่งประเทศหวาตายไป ไม่มีใครเป็นอุปสรรคขององค์กรสัตว์เพลิงแล้ว องค์กรสัตว์เพลิงสามารถทำทุกอย่างได้อย่างเต็มที่!

——

ภูเขาเสินเจี้ย ด้านข้างห้องโถง ห้องหนังสือ

“ท่านราชา เพิ่งได้รับข่าวจากภูเขาทิพย์ว่าจอมพลโผ้จวินตายไปแล้ว เขาถูกสายฟ้าฟาดจนกลายเศษซาก ภูเขาทิพย์ราบเป็นหน้ากลองไปหลายสิบเมตร และภูเขาทิพย์นั้นมีพลังแห่งฟ้าอยู่ เกรงว่าถ้าเวลาไม่ผ่านไปสิบวันหรือครึ่งเดือน คงจะไม่มีใครกล้าเข้าใกล้”

ชายหนุ่มไม่สนใจ แต่มือที่ถือหนังสือสั่นเล็กน้อย และกล่าวด้วยเสียงราบเรียบว่า “รู้แล้ว ออกไปเถอะ”

หลังจากที่ประตูของห้องหนังสือปิดลง ชายหนุ่มปิดหนังสือและมองไปด้านข้าง “อุปสรรคถูกขจัดไปแล้ว พวกเราสามารถทำทุกอย่างได้อย่างเต็มที่แล้ว เสวียนเย่กลายเป็นนักโทษ เพียงแต่ชิงตี้หายตัวไป”

คนที่นั่งนิ่งคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ท่านราชา อย่าบุ่มบ่าม ต้องข่มอารมณ์ไว้ พวกเราทุกคนเห็นความผิดปกติของภูเขาทิพย์สิ่งสำคัญที่สุดคืออยู่ต้องเห็นคนและตายต้องเห็นศพ ฟางเหยียนไม่เหมือนคนที่ไม่มีทางหนีทีไล่ ตามความเห็นของผมแล้ว ควรจะไปตรวจสอบ เพื่อรับรองความถูกต้องของข่าว”

ชายหนุ่มไม่เห็นด้วยและกล่าวว่า “ไม่ต้องยุ่งยากถึงขนาดนั้นหรอก ภูเขาทิพย์ราบเป็นหน้ากลอง คนไม่สามารถต้านพลังของสายฟ้าได้ และพวกเราควรทำอะไรบางอย่างแล้ว”

“ท่านราชา ต้องระวังทุกเรื่อง พวกเราอดทนมานานแล้ว แค่รออีกสิบวันหรือครึ่งเดือนทำไมจะรอไม่ได้ แม้ว่าฟางเหยียนจะตายไปแล้ว แต่ลูกน้องเป็นล้านที่สำนักเจ็ดพิฆาตของเขาก็ยังอยู่ และฝีมือของพวกเขาก็ไม่ธรรมดา พวกเขายังคงเป็นพลังที่ไม่ควรมองข้าม”

ชายหนุ่มไม่ได้กล่าวชมตนเอง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “คุณพูดถูก เป็นพลังที่ไม่สามารถละเลยได้ ตามความเห็นของคุณ ดังนั้นคุณไปสำรวจด้วยตนเองเถอะ”

“ท่านราชา ผมเข้าใจแล้ว”

เมื่อชายผู้นั้นกล่าวจบ ก็หายไปทันที หายไปราวกับควันสีเขียวจาง ๆ

ชายหนุ่มมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความเหม่อลอย ดูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืน ผลักประตูห้องหนังสือ แล้วเดินออกไป

เขาเดินผ่านชั้นใต้ดินที่ยาว มีทหารเฝ้าอย่างหนาแน่นอยู่ตลอดทาง

เสวียนเย่กล่าวอย่างราบเรียบว่า “ถ้าคุณต้องการแสดงความรู้สึกมีตัวตนต่อหน้าผม และเกลี้ยกล่อมให้ผมสมคบคิดกับคุณ คุณมาหาผิดคนแล้ว ตั้งแต่ตอนที่คุณเริ่มต้นทั้งหมดนี้ พวกเราก็เหมือนขมิ้นกับปูน และตัดขาดความสัมพันธ์ พวกเราไม่ใช่พี่น้อง แต่เป็นศัตรู!”

“ช่างใจร้ายเสียจริง พี่ชายที่แสนดีของผม!” ชายหนุ่มเปลี่ยนท่าทางเป็นขุ่นเคืองและกล่าวอย่างโหดเหี้ยมว่า “พวกเรามีความสัมพันธ์เป็นพี่น้อง แต่คุณยังสามารถกล่าวคำพูดที่ทรยศเช่นนี้ออกมาได้ แล้วคุณจะให้ท่านพ่อเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? พี่น้องเข่นฆ่ากัน คุณทำได้จริง ๆ!”

“คุณยังมีหน้าเอ่ยถึงท่านพ่ออีก” เสวียนเย่รู้สึกจิตใจว้าวุ่น ลุกขึ้นทันทีและกล่าวอย่างเย็นชา “ถ้าท่านพ่อที่อยู่ในยมโลกรู้ จะต้องนอนตายตาไม่หลับอย่างแน่นอน! เสวียนเจิ้น ผมขอเตือนคุณรีบวางมือเสียเถอะ วางดาบฆ่าคน บรรลุธรรมเป็นพุทธะ อย่าให้ชื่อเสียงต้องฉาวโฉ่ไปนับหมื่นปี!”

“คุณคิดว่าตนเองยังเป็นพี่ชายของผมอีกหรือ? อย่าใช้น้ำเสียงที่ใช้สั่งสอนคนมาสั่งสอนผม สถานะปัจจุบันของคุณเป็นแค่นักโทษ”

เสวียนเย่ ยิ้มแล้วกล่าวว่า “เสวียนเจิ้นไม่สามารถเสแสร้งต่อไปได้แล้วใช่ไหม? มันก็ถูก ตอนนี้คุณสั่งคำเดียว คนทั้งหมดขององค์กรสัตว์เพลิงก็สนองตอบ ซึ่งการกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมเพื่อรักษาหน้าทุกฝ่ายนั้นมันไม่ใช่นิสัยของคุณ เอาล่ะ ผมเหนื่อยแล้ว คุณออกไปเถอะ ผมไม่อยากจะพูดเรื่องไร้สาระกับคุณอีกต่อไป!”

“เกือบลืมเรื่องหลัก ถ้าคุณไม่เอ่ยถึง ผมคงลืมไปแล้วจริงๆ!” เสวียนเจิ้นยิ้ม “แน่นอนว่าเป็นพี่ชายที่ดีของผม ที่สามารถบดขยี้ผมได้ตลอดเวลา ทำให้น้องชายอย่างผมรู้สึกอึดอัด และมีชีวิตอยู่ในเงามืดของคุณ ช่างเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวเสียจริง!”

เสวียนเย่หันหลังให้เสวียนเจิ้น ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการพูดอะไรอีก

“พี่ชายที่แสนดีของผม ท่าทางปฏิเสธอย่างเย็นชาเช่นนี้ของคุณ มันทำให้น้องชายคนนี้รู้สึกเสียใจ ผมไม่สามารถทนดูท่าทางของคุณที่ไม่มีความหวาดกลัวอะไร” หลังจากกล่าวจบ เสวียนเจิ้นเดินไปหาเสวียนเย่ แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า “พี่ชายที่แสนดีของผม ถ้าผมบอกว่าถ้าความช่วยเหลือจากภายนอกของคุณ ที่เป็นความหวังสุดท้ายของคุณตายไปแล้ว คุณจะยังนิ่งอยู่ได้อีกไหม?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเสวียนเย่เปลี่ยนไปเล็กน้อย!

“พี่ชายที่แสนดีของผม รู้สึกแปลกใจใช่ไหมที่ได้ยินข่าวนี้!” เสวียนเจิ้นยิ้มแล้วพูดว่า “บอกตามตรง ตอนที่ผมได้ยินข่าวนี้ ผมก็รู้สึกแปลกใจมาก เพราะเขาคือที่พึ่งอาศัยสุดท้ายของคุณ และยังเป็นอุปสรรคใหญ่ที่สุดในการขยายตัวขอองค์กรสัตว์เพลิง!”

“เอาล่ะ พี่ชายที่แสนดีของผม คุณคอยดูว่าน้องชายจะพาองค์กรสัตว์เพลิงไปสู่ความรุ่งโรจน์ได้อย่างไร!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ