จอมนักรบทรงเกียรติยศ นิยาย บท 891

ณ ห้องหนังสือภายในตำหนัก ภูเขาเสินเจี้ย

เสวียนเจิ้นกำลังเปิดอ่านหนังสือโบราณอยู่ที่โต๊ะด้วยสีหน้าจริงจัง และตำแหน่งที่เคยเป็นของไอ้ชุดเผ่าดำก่อนหน้าได้ว่างเปล่าไปแล้ว

“ท่านราชา มีรายงานครับ พวกเราได้รับชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ด้วยความราบรื่นจากศึกแรกครับ!” ผู้อาวุโสจางเดินไปพลางพูดไปพลางด้วยความตื่นเต้นดีใจ : “ยังดีที่ไม่ได้ฟังคำพูดของไอ้ชุดเผ่าดำ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงย่ำอยู่ที่เดิม ไม่มีความคืบหน้า เมื่อคำบัญชาเพลิงเสวนออกมา ตระกูลขุนนางเหล่านั้นก็เคลื่อนไหวกันทันที ยอมศิโรราบกลับมาอยู่ใต้อาณัติของเพลิงเสวน!”

เสวียนเจิ้นยังคงสงบนิ่ง นี่เป็นเรื่องที่อยู่ในความคาดหมายของเขาอยู่แล้ว จากนั้นได้วางหนังสือโบราณลงแล้วเอ่ยถาม : “นอกจากนี้ล่ะ?”

ผู้อาวุโสจางรอยยิ้มแข็งทื่อไปทันที ลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยถาม : “ยังมีบางตระกูลที่ดื้อดึงต่อต้านอยู่ครับ หนึ่งในนั้นคือตระกูลฟางที่เป็นตระกูลอันดับต้นของประเทศหวาเป็นตัวแทน ตระกูลมากมายถูกบังคับให้เข้าร่วมกับตระกูลฟาง ค่อนข้างมีปัญหาอยู่เล็กน้อยครับ แต่ท่านราชา วางใจได้ อุปสรรคพวกนี้ไม่นานก็สามารถกำจัดได้ครับ ไม่มีใครสามารถขัดขวางความก้าวหน้าของเพลิงเสวนได้หรอก!”

เสวียนเจิ้นมองตำแหน่งที่เคยเป็นที่ตั้งของไอ้ชุดเผ่าดำครู่หนึ่ง แล้วแสยะยิ้มเยาะเย้ยตัวเองออกมา

ความหมายของเขานั้นชัดเจนมาก ไอ้เผ่าชุดดำผิดแล้ว ผิดอย่างมหันต์เลยล่ะ!

อะไรคือยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม สำนักเจ็ดพิฆาตกับโหยวฟางพวกนั้นกำลังจับจ้องอยู่ สุดท้ายก็พ่ายแพ้ตั้งแต่ศึกแรกไม่ใช่หรือไง?

ผลลัพธ์ของการระแวดระวังมาโดยตลอดเป็นยังไงล่ะ? ผลลัพธ์คือเพลิงเสวนยังย่ำอยู่กับที่ ไม่พัฒนาก้าวหน้าขึ้นเลย!

เป็นเขาที่ระแวดระวังมากเกินไป หัวโบราณเกินไป ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ไม่รู้จักปรับเปลี่ยนความคิดของตัวเอง ทำให้เพลิงเสวนไม่ก้าวหน้าอยู่เป็นเวลานานมาก!

ดังนั้น ไอ้ชุดเผ่าดำผิดแล้วล่ะ!

เขาเองก็ผิดด้วยเช่นกัน!

เขาผิดตรงที่ฟังคำพูดของไอ้ชุดเผ่าดำมากเกินไป!

ใจเย็นเกินไป!

เพราะคำว่าใจเย็นสองคำนี้แหละ ที่ทำให้เสวียนเจิ้นสร้างความเสียหายไปมากมาย!

ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม!

นั่นเป็นคำพูดจอมปลอม!

ผลลัพธ์ตอนนี้ล่ะ?

เหอะเหอะ!

เงียบอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยถามว่า : “แกบอกว่าทุกอย่างราบรื่น เล่ารายละเอียดหน่อยสิ”

สีหน้าที่เคร่งขรึมของผู้อาวุโสจางเปลี่ยนไป กลายเป็นพูดด้วยสีหน้าประจบสอพลอแทน : “ที่บอกว่าราบรื่นคือ การเคลื่อนไหวของพวกเรานั้นรวดเร็วมาก สามารถควบคุมตระกูลที่เดิมทีมีใจอยากเข้าร่วมกับเพลิงเสวนอยู่แล้วได้อย่างรวดเร็วมาก เมื่อพวกเราจัดการเรียบร้อยแล้ว สำนักเจ็ดพิฆาตเพิ่งจะมาถึง ราบรื่นมากจริง ๆ!”

เสวียนเจิ้นขมวดคิ้วเล็กน้อย : “สำนักเจ็ดพิฆาตมาช้าเหรอ?”

ผู้อาวุโสจางมองออกว่าเสวียนเจิ้นประหลาดใจ จึงได้ไตร่ตรองให้ดี แล้วพูดอย่างระมัดระวังว่า : “ท่านราชา มีอะไรไม่เหมาะสมหรือครับ?”

“พูดมา!”

เสียงไม่ดัง แต่เย็นชาอย่างถึงที่สุด ทำให้ผู้อาวุโสจางเงียบไปทันที อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเทา!

ผู้อาวุโสจางเอ่ยพูดด้วยความหวาดระแวง : “ท่านราชา เมื่อพวกเรารวบรวมตระกูลกับสำนักเล็ก ๆ จำนวนหนึ่งได้ สำนักเจ็ดพิฆาตถึงเพิ่งรู้ตัวแล้วตามมาทีหลัง ตอนที่พวกเขามาถึง พวกเราได้กลับกันแล้ว แน่นอนว่า จากที่ตระกูลขุนนางกับสำนักต่าง ๆ รายงานมา สำนักเจ็ดพิฆาตต้องพบกับความล้มเหลวไปทุกที่ ไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือกลับไปเลย อีกทั้งยังต้องขอโทษเหล่าตระกูลขุนนางกับสำนักต่าง ๆ ที่เข้ามาบุกรุกด้วย ยังไงพวกเขาก็เป็นคนของพวกเรา จะทรยศหักหลังตัวเองได้ยังไง?”

ตรรกะชัดเจน มีเหตุผล!

แต่เสวียนเจิ้นที่มีนิสัยขี้ระแวงรู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล เพียงแต่พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเท่านั้น!

เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเสวียนเจิ้นค่อย ๆ กลับเป็นปกติ ผู้อาวุโสจางถึงได้โล่งใจขึ้นมาราวกับยกภูเขาออกจากอก ตอนนี้เองถึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าหลังของตัวเองเปียกชุ่มไปหมดแล้ว เขาเพิ่งรู้ว่า ที่ที่ตัวเองพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อปีนขึ้นมา เป็นที่ที่อันตรายขนาดนี้ ต้องร้อนรนกระวนกระวายใจเหมือนเสือติดจั่น อึดอัดทรมานเป็นอย่างมาก ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจขึ้นมาเล็กน้อย ยังไงการที่เป็นคนรับใช้อยู่ข้างกายราชา นอกจากรองรับอารมณ์ที่ขึ้น ๆ ลง ๆ ก็เหมือนขาข้างหนึ่งได้ก้าวเข้าสู่ประตูนรกไปแล้ว!

ยิ่งสูงยิ่งหนาว นั่นเป็นเพราะคุณยังไม่เคยได้สัมผัสความหนาวเหน็บบนที่สูง!

ตอนนี้ ผู้อาวุโสจางได้สัมผัสอย่างลึกซึ้งแล้ว!

ระหว่างที่อารมณ์ขึ้นลง ก็เหมือนวนเวียนอยู่ระหว่างความเป็นกับความตาย!

ประจบประแจง ทำตัวสอพลอต่อหน้าผู้ที่อยู่เหนือกว่าอย่างแท้จริง เป็นเพียงแค่เรื่องตลกเท่านั้น!

อยากมีชีวิตอยู่ให้นาน ต้องระมัดระวังคำพูด ต้องรู้จักสังเกตสีหน้าและคำพูด ตอบรับด้วยความระมัดระวัง!

อย่างเมื่อครู่นี้ ผู้อาวุโสจางรู้ดีว่า ขาของตัวเองได้ก้าวเข้าสู่ประตูนรกไปข้างหนึ่งแล้ว ส่วนอีกเท้าที่อยู่ใกล้ประตู ก็เดินมาถึงสุดทางแล้ว!

เขานิ่งเงียบ เตรียมเลือกใช้ถ้อยคำด้วยความระมัดระวัง

ไอ้ชุดเผ่าดำโผล่มาจากด้านหลังของเสวียนเจิ้นราวกับผี แล้วโค้งคำนับเล็กน้อย : “ท่านราชา ท่าน......”

“ก่อนเข้ามาต้องเคาะประตู ไม่มีมารยาทขนาดนี้เลยเหรอ?”

ไอ้ชุดเผ่าดำขมวดคิ้ว แล้วหันตัวเดินออกไปจากห้องหนังสือ ไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

เสียงเคาะประตูดังติดต่อกันอยู่สามนาที เสวียนเจิ้นถึงได้เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า : “เข้ามา!”

ไอ้ชุดเผ่าดำที่เข้ามาในห้องอีกครั้ง ได้ปิดประตูห้องหนังสือลง แล้วเอ่ยพูดว่า : “ท่านราชา ตอนนี้ท่านเป็นกังวลมากเหรอ? ดูท่าทางไม่ได้ดีใจเหมือนอย่างที่คิดไว้เลย ใช่ไหมครับ?”

“มีเรื่องอะไรก็พูดมา ฉันไม่มีเวลามาฟังแกพูดพล่ามไร้สาระหรอกนะ!”

ไอ้ชุดเผ่าดำยิ้มกว้าง แล้วเอ่ยว่า : “ท่านราชาครับ ตามหลักแล้ว ตอนนี้ผมแพ้แล้ว เพราะความระมัดระวังของผม ทำให้ขัดขวางแผนการใหญ่ของท่านราชา เป็นอุปสรรคที่ทำให้เพลิงเสวนไม่ก้าวหน้า แต่ตอนนี้ดูจากสถานการณ์แล้วกลับมีสิ่งผิดปกติอยู่เล็กน้อย นั่นคือทุกอย่างมันราบรื่นมากเกินไป แทบจะไม่เสียทหารไปสักคนเลย ควบคุมกำลังและอำนาจได้เหมือนตอนแรก ฉะนั้นผมแพ้แล้วครับ!”

“แต่ว่า ท่านราชา ผมแพ้จริง ๆ เหรอครับ?”

“ไม่ใช่งั้นเหรอ?” เสวียนเจิ้นถามกลับ

ไอ้ชุดเผ่าดำยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “สิ่งที่ไม่เห็นก็คือผมแพ้แล้ว ผมไม่ใช่ผู้อาวุโสจางที่อยากได้เลื่อนตำแหน่ง และไม่ใช่เพื่อแสวงหาที่ตั้งของตัวเอง ผมเพียงแค่อยากบอกว่า ดูเหมือนราบรื่น แต่ที่จริงมันมีคลื่นใต้น้ำอยู่!”

คลื่นใต้น้ำ!

คำนี้เหมือนสายฟ้าฟาดเข้าที่หัวของเสวียนเจิ้น!

และทันใดนั้น เขาก็รู้สึกถึงจุดไม่ชอบมาพากลที่เขาพูดไม่ออก จู่ ๆ ก็เหมือนบรรลุขึ้นมา!

ความราบรื่นนั้นเป็นเพียงฉากบังตา คลื่นใต้น้ำต่างหากที่เป็นเรื่องจริง!

หรือว่าผิดแล้วจริง ๆ ?

“ท่านราชา ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูดว่าใครถูกใครผิด ที่สำนักเจ็ดพิฆาตไม่สามารถล่วงรู้ถึงแผนการของเรา อาจเป็นเพียงแค่เหยื่อล่อก็ได้ ไม่รู้เจตนาที่แท้จริงก็ช่างมันก่อน แต่โหยวฟางผู้หญิงคนนี้ ไม่มีทางอยู่อย่างนิ่งเฉยเด็ดขาด ต้องมีแผนร้ายอะไรรอพวกเราอยู่แน่นอน สถานการณ์ของพวกเราในตอนนี้เป็นเหมือนดั่งหินที่มั่นคง มั่นใจในชัยชนะ แต่ความเป็นจริงคือแพ้ไปแล้วหนึ่งก้าว เพราะใจไม่นิ่งพอ!”

“ต่อให้พวกเราใจนิ่งพอ ละทิ้งความโลภได้ แล้วพัฒนาไปอย่างมั่นคง ก็คงไม่ตกต่ำมีสภาพเหมือนอย่างทุกวันนี้ สถานการณ์อย่างนี้เหมือนพวกเราเป็นฝ่ายตามเกม ไม่ต้องพิสูจน์ความจริง พวกเราก็เห็นผลลัพธ์อยู่แล้ว! ท่านราชา ติดตามคุณมานานขนาดนี้ ผมเป็นคนที่ทำเพื่อตำแหน่งและอำนาจงั้นเหรอ? ทุกย่างก้าวที่ผมทำล้วนทำเพื่อความก้าวหน้าและปูทางให้เพลิงเสวนทั้งนั้น ไม่มีใจนึกเห็นแก่ตัวเลย”

เสวียนเจิ้นสีหน้าถมึงทึงจนดูน่ากลัว แล้วเอ่ยด้วยเสียงขรึม : “แกกำลังขู่ให้กลัวงั้นเหรอ!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จอมนักรบทรงเกียรติยศ