จักรพรรดิมังกร นิยาย บท 277

ลู่เจี้ยนปินมองดาบในกล่องด้วยความประหลาดใจ ในฐานะที่เขาเป็นคนที่อยู่ในแวดวงวัตถุโบราณ ลู่เจี้ยนปินรู้คร่าวๆเกี่ยวกับอาวุธ เขามองแค่แวบเดียว ก็จำดาบในกล่องได้

“ดาบชูราเป็นดาบที่ทำขึ้นโดยปรมาจารย์การตีเหล็กแห่งประเทศซากุระ ว่ากันว่าใช้เวลาสามปีในการตีขึ้นรูป ไม่ต้องพูดถึงราคาที่สูง แล้วก็ยังหาซื้อยากมาก ว่ากันว่าผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากดาบชูรา จะถูกความโชคร้ายครอบงำ”

ลู่เจี้ยนปินกระซิบบอกฉู่จงเทียน ฉู่จงเทียนยิ้มจาง ๆ สายตามองไปที่หลี่โม่

เมื่อเห็นท่าทางที่นิ่งสงบของหลี่โม่ ใจของฉู่จงเทียนก็รู้สึกผ่อนคลาย

ไป๋เชียนหลี่ถือกล่องดาบ และมองหลี่โม่อย่างดูถูก “ไอ้ไร้ประโยชน์ ดูดี ๆ ดาบเล่มนี้มีค่ามากกว่าทรัพย์สมบัติทั้งหมดของคุณ”

“จะไปพูดกับไอ้ไร้ประโยชน์ทำไม ดูคุณภาพหินของมันโดยตรงดีกว่า เพื่อให้มันยอมแพ้แล้วคุกเข่าให้พวกเรา”

ช่างตัดหินได้เปิดฝาครอบป้องกัน และปลดอุปกรณ์ที่ยึดออกมา

เฝิงจื่อฉายมองหลี่โม่ด้วยท่าทางกวน ๆ จากนั้นก็มองไปที่ช่างตัดหิน รอดูหินธรรมชาติที่ถูกตัดออกของหลี่โม่

ขณะที่ช่างตัดหินกำลังจะแยกหินธรรมชาติที่ตัดออก หลี่โม่หันหลังเดินไปทางกู้หยุนหลัน

กู้หยุนหลันมองไปที่เครื่องตัดหินด้วยความร้อนใจ ไม่ทันสังเกตว่าหลี่โม่เดินมาหาตนเอง

นอกจากหลี่โม่ สายตาทุกคนต่างจับจ้องอยู่ที่เครื่องตัดหิน

ตามการเลื่อนของช่างตัดหิน หินธรรมชาติที่ถูกตัดอยู่ตรงกลาง ค่อยๆ ถูกหมุน และส่วนที่ตัดทั้งสองก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น เขียว เขียวมรกต เขียวมรกตเต็มๆ!

สีเขียวมรกตที่สะกดสายตาได้ปรากฏต่อหน้าทุกคน ณ เวลานี้ทุกคนอยู่ในภวังค์ คนพวกนี้ยังไม่เคยเห็นหินหยกธรรมชาติสีเขียวมรกตเต็มเช่นนี้มาก่อน

แม้แต่ในแหล่งกำเนิดของหินหยกธรรมชาติ ในปีหนึ่งพบหินหยกธรรมชาติสีเขียวมรกตเต็มเช่นนี้ไม่กี่ชิ้น

ลู่เจี้ยนปินเป็นคนแรกที่ได้สติก่อน ลู่เจี้ยนปินที่ยืนอยู่ข้างเครื่องตัดหินได้ผลักช่างตัดหินออกไป จากนั้นก็ก้มหน้ามองหินธรรมชาติอย่างละเอียด

“เขียวเต็ม หยกประเภทน้ำแข็งระดับสูงนี่ นี่เป็นปาฏิหาริย์จริงๆ! เป็นโชคที่ขัดต่อเจตจำนงของสวรรค์! วัตถุชิ้นนี้เปลือกเป็นดีบุก ไม่น่าแปลกใจที่ทุกคนดูผิดไป”

คำอุทานที่ออกมาเป็นระยะของลู่เจี้ยนปิน ปลุกฝูงชนที่ตกตะลึงจนได้สติขึ้นมา ฝูงชนที่สอดรู้สอดเห็นต่างแห่กันไปที่หน้าเครื่องตัดหิน และมองไปยังหินธรรมชาติที่ถูกตัดด้วยสายตาที่ตกตะลึง

“เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉันได้เห็นหินธรรมชาติสีเขียวเต็ม ยังเป็นประเภทน้ำแข็งระดับสูง เกือบจะเป็นหยกเนื้อแก้วในตำนาน”

“โอ้สวรรค์ นี่ประมูลมาด้วยราคาหนึ่งร้อยหยวน! หินธรรมชาติคุณภาพเยี่ยมเช่นนี้ถูกประมูลมาในราคาหนึ่งร้อยหยวน! ทำไมฉันถึงไม่ประมูลมา! ”

“นี่มันเกินความเป็นจริงไปแล้วมั้ง รู้สึกเหมือนกำลังฝัน ทำไมถึงมีคนที่โชคดีเช่นนี้ได้”

คนที่สอดรู้สอดเห็นต่างตกใจกับความโชคดีของหลี่โม่ ดวงตาฮั่วเจี้ยนเฟิงเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ และมองหลี่โม่ด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ

เดิมเกมพนันมีมั่นใจว่ายังไงก็พ่ายแพ้ ทำไมสุดท้ายกลับพลิกอย่างน่าประหลาดใจ เป็นไปได้ไหมที่โชคของหลี่โม่จะขัดต่อเจตจำนงของสวรรค์? เป็นไปไม่ได้มั้ง!

ฮั่วเจี้ยนเฟิงรู้สึกว่าทัศนคติสามด้าน(การมองเห็น มุมมอง ทัศนคติ)ถูกล้มล้างแล้ว คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าทำไมหลี่โม่สามารถทำให้โชคชะตาเปลี่ยนแปลงได้

เฝิงจื่อฉายและคนอื่นๆ ตกอยู่ในความกลัว เพียงแค่มองไปที่หินธรรมชาติสีเขียว เฝิงจื่อฉายก็รู้ว่าคราวนี้พวกเขาแพ้พนันแน่นอน

แต่ว่าทำไมถึงแพ้พนันได้!

ผู้เชี่ยวชาญทุกคนไม่ได้สนใจสนับสนุนหินห่วย ๆ ชิ้นนี้ ทำไมตัดออกมาเป็นมรกตสีเขียวเต็มได้อย่างไร!

เฝิงจื่อฉายคำรามอยู่ในใจ เกลียดชังความอยุติธรรมของโชคชะตา โชคชะตาเล่นตลกกับตนเองเช่นนี้ได้อย่างไร

ขอร้องลู่เจี้ยนปินไม่ขายหน้า เพราะลู่เจี้ยนปินมีตำแหน่งฐานะ แต่ถ้าขอร้องหลี่โม่ จะต้องขายหน้าแน่นอน

เฝิงจื่อฉายจ้องมองหลี่โม่ด้วยความโมโห “ไอ้สารเลว ไอ้ไร้ประโยชน์อย่างแกชนะแล้วยังไงล่ะ! แกกล้าที่จะยอมรับการคุกเข่าขอโทษของพวกเราหรือ? แกกล้าที่จะให้พวกเราแทงตนเอง3ครั้ง 6รู(แทงทะลุต้นขา3ครั้ง)หรือ? ขอแค่แกกล้ารับ ฉันก็จะทำให้แกไม่เห็นดวงอาทิตย์ในวันพรุ่งนี้!”

“ไม่มีอะไรที่ไม่กล้า รีบขอโทษซะ”

หลี่โม่กล่าวอย่างราบเรียบ

กู้หยุนหลันมองไปที่ใบหน้าด้านข้างของหลี่โม่ ความคิดต่าง ๆล่องลอยอยู่ในสมอง เธอไม่อยากจะเชื่อทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า

นี่ชนะแล้วหรือ?

หลี่โม่ชนะง่ายเกินไปมั้ย ทุกคนไม่มีใครสนใจสนับสนุนหินก้อนนั้น เมื่ออยู่ในมือหลี่โม่ ทำไมถึงได้กลายเป็นสมบัติล้ำค่า หรือว่าโชคของเขาดีที่สุดในโลกจริงหรือ?

หลังจากคิดเรื่องยุ่งเหยิงมากมาย จิตใจของกู้หยุนหลันก็ค่อยๆ สงบลง เธอรู้สึกว่าโชคอะไรก็ไม่สำคัญ การได้อยู่กับหลี่โม่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด

เฝิงจื่อฉายพยักหน้าแล้วยิ้มเยาะเย้ย “โอเค! แกรอกรรมตามสนองเถอะ!”

เมื่อเห็นว่าหลี่โม่ยืนยันที่จะปฏิบัติตามสัญญาเดิมพัน เฝิงจื่อฉายนับว่าใจนักเลง เขาคุกเข่าต่อหน้าหลี่โม่ จากนั้นก้มกราบสามครั้ง

ถึงแม้ว่าเหอลี่ฉุนและคนอื่น ๆ จะไม่เต็มใจ แต่ก่อนหน้านั้นจางจงหยางปฏิบัติแล้ว และตามมาด้วยเฝิงจื่อฉาย คนที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ก็คุกเข่าแล้ว พวกเขาก็ต้องคุกเข่าเช่นกัน

เมื่อเห็นเฝิงจื่อฉายนำลูกคนรวยที่มีชื่อเสียงของเมืองจินไห่คุกเข่ากราบหลี่โม่ ผู้คนที่สอดรู้สอดเห็นพวกนั้นก็ตกตะลึงอีกครั้ง ตกตะลึงยิ่งกว่าเมื่อสักครู่ที่เห็นหินธรรมชาติสีเขียวมรกตเสียอีก

“คนคนนี้เป็นใคร? กล้ายอมรับการคุกเข่าก้มกราบขอโทษของคนจำนวนมากขนาดนี้ ไม่กลัวการแก้แค้นคืนหรือ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิมังกร