กู้ซิงเว๋ยคอยฟังเสียงอยู่ที่สำนักงานข้าง ๆ รู้สึกว่าเสียงที่ดังมาจากข้างนอกมันผิดปกติ เขาจึงยื่นหน้ามองออกไปข้างนอก เห็นกลุ่มนักมวยยืนอยู่นอกประตูห้องทำงานของกู้หยุนหลัน เขารู้สึกมึนงงทันที
แม่งฉิบหาย!
นักมวยมืออาชีพเหล่านี้ล้วนมีประสบการณ์ไม่ใช่หรือ?
พวกเขาทุกคนพ่ายแพ้ให้กับหลี่โม่แล้วหรือ?
ยังดีที่พี่ซานยังไม่พ่ายแพ้ บางทีพี่ซานอาจจะจัดการหลี่โม่ได้ เพราะเขาคือยอดฝีมือที่จ้างมาในราคาหนึ่งล้าน หวังว่ามันคงจะมีประโยชน์
กู้ซิงเว๋ยอธิษฐานอยู่ในใจ เมื่อเขาได้ยินเสียงตะโกนของพี่ซาน เขาอยากไปดูสักแวบหนึ่ง
หลังจากลังเลสักครู่ ในที่สุดกู้ซิงเว๋ยก็ทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้ เดินออกจากห้องทำงาน ไปยืนอยู่ข้างหลังนักมวยคนหนึ่ง แล้วมองเข้าไปที่ห้องทำงานของกู้หยุนหลัน
พี่ซานใช้มือซ้ายชกไปที่ใบหน้าของหลี่โม่ หลี่โม่ถอยหลังหลบไปด้านข้าง
กู้ซิงเว๋ยจับมือของตนเองไว้แน่น อดไม่ได้ที่จะเสียดายแทนพี่ซาน ถ้าหมัดเมื่อสักครู่ชกโดนหลี่โม่ได้ คิดว่าสมองของหลี่โม่คงจะไหลออกมาแล้ว
แต่ว่าการโจมตีอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องของพี่ซาน ทำให้กู้ซิงเว๋ยรู้สึกมั่นใจเป็นอย่างมาก กู้ซิงเว๋ยรู้สึกว่าคราวนี้ตนเองคิดไม่ผิดที่จ้างพี่ซานมาจัดการหลี่โม่ คิดว่าพี่ซานสามารถจัดการหลี่โม่ได้อย่างแน่นอน เพราะตอนนี้หลี่โม่ถูกพี่ซานจู่โจมอยู่
แต่พี่ซานไม่คิดเช่นนั้น เวลานี้ยิ่งพี่ซานจู่โจมเท่าไหร่ยิ่งรู้สึกหดหู่ใจ เพราะหลี่โม่สามารถหลบเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย ดวงตาของเขาปรากฏแววตาขี้เล่น สิ่งพวกนี้ทำให้พี่ซานรู้สึกหวาดกลัว
พี่ซานคิดว่าเมื่อตนเองเผชิญหน้ากับคนที่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ พี่ซานก็จะหยอกล้อเหมือนแมวกับหนู แต่ตอนนี้ตนเองกลายเป็นหนูที่ถูกหลี่โม่หยอกล้อ
“แม่งฉิบหายแกจะเป็นเต่าหดหัวหรือ! แกกล้าสู้กับฉันไหม!”
พี่ซานคำรามอย่างโกรธจัด
หลี่โม่ยิ้มและกล่าวด้วยเสียงราบเรียบว่า “ตกลง งั้นฉันจะส่งแกไปนรก”
“บัดซบ! พลังของฉันแข็งแกร่งกว่าแก!”
พี่ซานคำราม เขารวบรวมพลังทั้งหมดไปไว้ที่แขนขวา และเหวี่ยงหมัดไปที่หลี่โม่
หลี่โม่ตวัดแขนขวาอย่างเบา ๆ ราวกับว่าเขาไม่ได้ใช้แรงเลย ซึ่งต่างจากพี่ซานที่ใช้แรงทั้งหมด
ขณะนี้ทุกคนต่างเฝ้ามองดูอย่างใจจดใจจ่อ มองดูการปะทะกันครั้งแรกระหว่างหลี่โม่กับพี่ซาน
กู้ซิงเว๋ยรู้สึกตึงเครียด เขายกกำปั้นขึ้น ราวกับว่าเขาพร้อมที่จะกระโจนใส่หลี่โม่ได้ตลอดเวลา
ปัง!
ขณะที่หมัดปะทะกัน เวลาดูเหมือนจะหยุดนิ่ง
พลังมหาศาลจากหมัดของหลี่โม่พุ่งเข้าใส่หมัดของพี่ซาน พริบตาเดียวดวงตาของพี่ซานเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว เขาเบิกตากว้างจนลูกตาแทบถลนออกมาจากเบ้า
พี่ซานได้ยินเสียงกระดูกหักอย่างชัดเจน เขาเห็นตะปุ่มตะป่ำบนกำปั้นของตนเอง จากนั้นก็เห็นเศษกระดูกที่หักทะลุผ่านผิวหนังออกมา
พลังมหาศาลนั้นเป็นเหมือนกระแสน้ำ กวาดกระดูกนิ้ว กระดูกฝ่ามือไปที่ข้อมือและไปถึงปลายแขน
เป็นการเปลี่ยนแปลงในพริบตาเดียว แต่ในความรู้สึกของพี่ซานมันเหมือนเป็นเวลานานเป็นปี กระดูกปลายแขนแตกทั้งหมด บนผิวหนังเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสด ในที่สุดพี่ซานก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างอนาถ
“โอ๊ย!”
พี่ซานโกรธมาก ส่งเสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งจนทำให้ผนังห้องสั่นสะเทือน
พวกนักมวยจ้องแขนของพี่ซานที่ห้อยลงมาอย่างแปลก ๆ เลือดสด ๆที่แขนหยดลงมาจนทำให้ไม่กล้ามองตรง ๆ ตอนนี้พวกเขารู้สึกว่าเลือดทั่วร่างเย็นราวกับน้ำแข็ง
แม่งฉิบหายมันไม่ใช่มนุษย์อย่างแน่นอน มนุษย์ไม่สามารถโจมตีได้รุนแรงเช่นนี้ หมัดเดียวสามารถระเบิดกระดูกที่หมัดและปลายแขนได้ ดูยังไงก็ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์สามารถทำได้
กู้ซิงเว๋ยเอามือปิดปาก ตกใจแล้วมองไปที่หลี่โม่อย่างไม่อยากจะเชื่อ
หลี่โม่เหลือบมองกู้ซิงเว๋ยที่อยู่ในฝูงชน ด้วยรอยยิ้มที่เสียดสี
กู้ซิงเว๋ยตกใจจนตัวเย็นเฉียบ รวมพลังทั้งหมดของร่างกายเพื่อจะวิ่งหนี แต่ขาของเขาเซ และล้มลงกับพื้นทันที
มีนักมวยคนหนึ่งเหยียบหลังกู้ซิงเว๋ยอย่างแรง “แม่งฉิบหายคิดจะหนีหรือ รอถูกทุบตีเถอะ”
“อย่า อย่าทุบตีผม ผมให้เงินพวกคุณไปแล้ว พวกคุณทำแบบนี้กับผมไม่ได้!”
กู้ซิงเว๋ยร้องไห้และตะโกน
“ให้เหี้ยอะไร เอาของยัดปากมัน แล้วพามันกลับไป คืนนี้ใช้มันเล่นสนุกเพื่อฆ่าเวลา!” พี่ซานกล่าวอย่างโหดเหี้ยม
นักมวยทุกคนช่วยกันยกกู้ซิงเว๋ยคนละไม้คนละมือ ไม่รู้ว่าใครถอดถุงเท้าแล้วยัดเข้าไปในปากของกู้ซิงเว๋ย
“อู้ๆๆ”
กู้ซิงเว๋ยร้องไห้อย่างหนัก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาถูกถุงเท้ายัดปาก หรือเป็นเพราะว่าตกใจกลัว
พี่ซานกับลูกน้องนักมวยพากู้ซิงเว๋ยออกไป และก่อนออกไปเขาได้โค้งคำนับและขอโทษหลี่โม่
กู้หยุนหลันกล่าวด้วยความกังวลว่า “พวกเขาจะไม่ให้ถึงตายใช่ไหม”
“วางใจเถอะ พวกเขาทั้งหมดเป็นคนเก่าที่ชำนาญ พวกเขารู้จักขอบเขต ไอ้กู้ซิงเว๋ยนี่ก็ไม่รู้ว่าเป็นบ้าอะไร ดึกแล้วยังจ้างคนมาหาเรื่อง”
หลี่โม่กล่าวด้วยความไม่พอใจ
“โอ้ เพราะว่าอิจฉานั่นแหละ เรื่องมันเกิดจากครัฟฟ์ เพราะว่าอำนาจและสิทธิ์ทั้งหมดในตระกูลตกอยู่ในมือของฉัน ทำให้พวกเขาไม่สามารถนั่งเฉยๆ ได้ และอยากจะแย่งอำนาจและสิทธิ์คืน”
ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ภายในตระกูลเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งตระกูลใหญ่ ผลประโยชน์ทับซ้อนมากเท่าใด การต่อสู้แย่งชิงก็จะยิ่งเข้มข้นขึ้น
ขณะที่กู้หยุนหลันกำลังพูด เธอก็รู้สึกหมดอารมณ์ เพราะกู้หยุนหลันไม่สนใจการต่อสู้แย่งชิงผลประโยชน์ภายในตระกูลแม้แต่น้อย
“อย่าคิดมาก ไม่มีใครสามารถรังแกคุณกับผมได้ คุณทำงานอย่างวางใจเถอะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จักรพรรดิมังกร
อ่านมาถึงตอน 263 เน่าสนิท ไอ้คนเขียนก็ช่างมีความอดทน มีแต่เรื่องดูถูกโง่ๆ หลายร้อยรอบ วนอยู่อย่างนั้น กุก็ทนอ่านอยู่ได้...
อ่านสนุกมากเลยครับ...