จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 104

คฤหาสน์ดาราสวรรค์

เวลาสิบโมงเช้าหลังจากฝึกฝนกองกำลังเสร็จ จ้าวเทียนได้พาโม่ซินหยานและเด็กสาวทั้ง 20 คนไปพบหลินซูซินที่ตัวตึกด้านหลัง

พื้นที่บริเวณนี้ถูกกันไว้เป็นเขตหวงห้าม ต้องได้รับอนุญาตจากจ้าวเทียนหรือหลินซูซินเท่านั้นถึงจะเข้ามาได้

เมื่อวานหลังจากที่เขาช่วยเหลือโม่ซินหยานกลับมาก็เป็นเวลาค่ำแล้ว อีกทั้งเด็กสาวทั้งยี่สิบคนอยู่ในสภาพอ่อนแอมาก เขาจึงรีบจัดสถานที่ให้พวกเธอพักผ่อน พร้อมกับมอบโอสถฟื้นฟูให้

ส่วนโม่ซินหยานนั้นได้สร้างความแปลกใจให้เขาอย่างมาก นอกจากพลังของเธอจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าแล้ว ร่างกายของเธอยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์เต็มร้อย ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากสารดัดแปลงยีนชนิดพิเศษที่พวกบริษัท HTI ฉีดให้เธอ

ลักษณะภายนอกของโม่ซินหยาน แทบจะไม่แตกต่างจากคนปกติ ยกเว้นดวงตาของเธอที่เปลี่ยนไปคล้ายกับดวงตาของอสรพิษ ซึ่งมันก็แก้ไขได้ง่ายมาก

แค่เพียงให้เธอใส่แว่นกันแดดเอาไว้ก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ คงเป็นเพราะว่าเธอคือร่างที่สมบูรณ์แบบ

ต่างกับพวกเด็กสาวที่มีเกล็ดปรากฏขึ้นตามแขนขาและใบหน้า เขี้ยวและเล็บอันแหลมคมของพวกเธอเองก็งอกยาวออกมาจนเห็นได้ชัด บางคนถึงกับมีเขาและหางเลยทีเดียว

พวกเธอไม่สามารถควบคุมให้มันเก็บซ่อนเข้าไปในร่างกายได้เหมือนโม่ซินหยาน หากปล่อยไว้แบบนี้จะเกิดปัญหาเมื่ออยู่ร่วมกับคนอื่น

“ ศิษย์พี่หญิงครับ…เรื่องนี้พอจะมีทางแก้ไขไหม ” จ้าวเทียนถามขึ้นด้วยสีหน้ากังวล ตัวเขาเองก็ไม่เคยฝึกฝนเคล็ดวิชาที่เกี่ยวกับการแปลงโฉมมาก่อน ไม่รู้ว่าครึ่งอสูรที่เกิดจากการตัดแต่งพันธุกรรมจะสามารถฝึกฝนวิชาพวกนั้นได้ไหม

“ นี่มันแปลกมาก…ฉันสัมผัสพลังปราณจากร่างของพวกเธอไม่ได้เลย ร่างกายของพวกเธอตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปจนคล้ายกับสัตว์อสูร ”

“ ไป๋ซู่เจินเธอคิดว่ายังไง…เด็กพวกนี้สามารถฝึกฝนวิถีปีศาจได้ไหม ”

เมื่อได้ยินที่หลินซูซินบอก ไป๋ซู่เจินก็เดินไปตรวจดูร่างกายของเด็กสาวแต่ละคนอย่างละเอียด ซึ่งพวกเธอก็มองกลับมาด้วยแววตาคาดหวัง

ไม่มีมนุษย์คนไหนอยากกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่น่าเกลียด โดยเฉพาะหญิงสาวที่ยังอายุน้อยอย่างพวกเธอ หากต้องทนใช้ชีวิตด้วยสภาพแบบนี้จริงๆมันคงเหมือนตกนรกทั้งเป็น

“ น้องต๋าจี่…เธอคิดเหมือนฉันไหม ” ไป๋ซู่เจินพูดขึ้นด้วยแววตาเป็นประกาย เหมือนได้พบของล้ำค่า

ร่างกายของเด็กสาวพวกนี้เกิดจากการรวมเอาจุดเด่นของสัตว์ร้ายหลายชนิดมารวมกัน ซึ่งมันตรงกับสิ่งที่เธอเคยได้ยินมา

“ ถ้าฉันจำไม่ผิด…นี่มันคล้ายกับเผ่าพันธุ์คิเมียร่าซึ่งอยู่ในบันทึกโบราณ แน่นอนว่าพวกเธอสามารถฝึกฝนวิถีปีศาจได้ แต่วิธีการจะแตกต่างจากปกติ ”

“ ทางเดียวที่พวกเธอจะเพิ่มพลังของตัวเองได้ มีเพียงการกลืนกินเลือดเนื้อของสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งเท่านั้น ในอดีตเผ่าพันธุ์คิเมียร่าจัดอยู่ในลำดับต้นๆของตระกูลปีศาจทั้งหมด ก่อนจะถูกทวยเทพกำจัดทิ้งไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ”

“ เอาแบบนี้ไหม…มอบพวกเธอมาให้ฉัน เดี๋ยวฉันจะสอนเคล็ดวิชาแปลงกาย รวมทั้งทักษะการต่อสู้ของปีศาจทั้งหมดให้เอง ”

ซูต๋าจี่พูดขึ้นด้วยท่าทางตื่นเต้นเหมือนได้ของเล่นที่ถูกใจ

พักนี้เธอกำลังรู้สึกเบื่ออยู่พอดี การรับเอาเด็กสาวพวกนี้มาเป็นศิษย์คงจะทำให้เธอสนุกขึ้นมาได้บ้าง

เมื่อได้ยินแบบนั้น จ้าวเทียนก็หันไปมองโม่ซินหยาน เพราะเด็กสาวเหล่านี้คือลูกศิษย์ที่เธอฝึกฝนมากับมือ เรื่องนี้เขายกให้เธอเป็นคนตัดสินใจ

“ ตกลง…หลังจากนี้ฉันขอฝากพวกเธอไว้กับคุณด้วยนะ หากมีอะไรที่ฉันสามารถช่วยได้ก็บอกมาได้เลย ” โม่ซินหยานหันไปพูดกับซูต๋าจี่ด้วยน้ำเสียงจริงจัง ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าให้ด้วยรอยยิ้ม

จ้าวเทียนมองภาพเหล่านั้นด้วยสีหน้ามีความสุข เคล็ดวิชาลวงตาและการแปลงกายของซูต๋าจี่นั้นร้ายกาจมาก หากเด็กสาวพวกนี้ได้เรียนรู้ไปไม่นานคงกลายเป็นสุดยอดมือสังหารที่น่าสะพรึงกลัว

วูป!

ขวดหยกขนาดเท่าฝ่ามือปรากฏขึ้นตรงหน้าจ้าวเทียน เขาโบกมือเล็กน้อย มันก็ลอยไปหาซูต๋าจี่

“ ของสิ่งนี้…ใช้กับพวกเธอได้ไหม ” เขาถามขึ้นด้วยท่าทีสนใจ

“ ขอฉันดูก่อน ” ซูต๋าจี่เปิดจุกฝาขวดออกดู

ครืนนน

กลิ่นอายอันแข็งแกร่งระเบิดออกมาอย่างรุนแรง ทุกคนที่อยู่ในห้องยกเว้นจ้าวเทียนต่างก็ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว แม้แต่หลินซูซินก็ยังเสียการควบคุมไปครู่หนึ่ง

“ นี่คือเลือดของมังกร…ทั้งยังเป็นระดับเทพมังกรที่แข็งแกร่งมาก คุณไปได้มันมาจากไหนกัน ” ไป๋ซู่เจินพูดขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

เผ่าพันธุ์ของเธอสืบเชื้อสายมาจากมังกร จึงทำให้สามารถสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจของเจ้าของเลือดได้ชัดเจน

“ นี่มันยอดเยี่ยมมาก…หากมีของสิ่งนี้ ขอเวลาฉันเพียงสองอาทิตย์ฉันจะทำให้พวกเธอขึ้นสู่ระดับเซียนปีศาจได้แน่นอน ” ซูต๋าจี่พูดขึ้นด้วยความมั่นใจ

ทันใดนั้น…ดวงตาเธอที่มองไปทางจ้าวเทียนก็เปล่งประกายระยิบระยับออกมา

ปุ้ง!

เธอได้แปลงร่างเป็นจิ้งจอกน้อยกระโดดไปเกาะอยู่บนไหล่ของจ้าวเทียน แล้วส่งสายตาออดอ้อนมาให้

“ ผมแบ่งไว้ให้ตัวเองเรียบร้อยแล้ว…ศิษย์พี่หญิงไม่ต้องกังวล ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม

“ ของพวกเธอ…เดี๋ยวฉันจะเป็นคนเตรียมให้เอง ” จ้าวเทียนหันไปบอกโม่ซินหยานกับโม่ปิงหยูด้วยแววตาขบขัน

เพราะเมื่อครู่พวกเธอแสดงท่าทีตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด แต่พอเห็นว่าไม่มีของตัวเองก็หน้าบูดลงทันที แต่เมื่อรู้ว่าเขาไม่ได้ลืมพวกเธอ ก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เขายังแบ่งส่วนของท่านตากับลี่เหยาเหยาไว้แล้ว เพราะเลือดของเทพมังกรนี้มันทรงพลังเกินไป มีเพียงขอบเขตปรมาจารย์ขึ้นไปเท่านั้นจึงจะใช้ได้ คนอื่นๆคงต้องรอไปก่อน

‘ ฉันจะมอบให้ผู้อาวุโสต้วนมู่หนึ่งขวด…ถ้าหากเขายอมรับเงื่อนไขของฉัน ’

ผ่านไปประมาณ 30 นาที

ตอนนี้เหลือเพียงจ้าวเทียนกับหลินซูซินอยู่ในห้อง ส่วนคนอื่นๆต่างแยกย้ายไปทำภารกิจของตัวเอง ตอนนี้เขาได้เล่าเรื่องทุกอย่างที่ได้รู้มาเมื่อวานให้ศิษย์พี่ฟังเรียบร้อยแล้ว

“ ศิษย์พี่หญิง…คุณเคยได้ยินท่านอาจารย์พูดถึงเรื่องคำทำนายกับเรื่องของศาสนจักรแห่งแสงบ้างไหม ” จ้าวเทียนถามขึ้นด้วยความสงสัย

“ ไม่เลย…ฉันก็เพิ่งได้ยินครั้งแรกจากเธอนี่แหละ ”

“ ผมอยากรู้ว่า…เราสามารถเชื่อถือโลกแห่งแสงได้แค่ไหน ” นี่คือประเด็นที่จ้าวเทียนอยากรู้มาก

แม้โซเฟียจะมีสิ่งยืนยันว่าตัวเองเป็นผู้อาวุโสฝ่ายนอกของสำนัก แต่ในแดนสวรรค์แม้แต่ศิษย์กับอาจารย์ก็ยังสามารถฆ่ากันเองได้เพื่อผลประโยชน์มหาศาล

ตำแหน่งผู้อาวุโสฝ่ายนอกเป็นเพียงตัวแทนของสำนักที่อาศัยอยู่ในเก้าท้องฟ้าเท่านั้น ไม่ได้มีความผูกพันใดๆต่อสำนักเลย หากโซเฟียคิดจะทรยศหักหลังสำนักขึ้นมา เขาเองก็คงทำอะไรไม่ได้

“ มีวิธีเดียว…คือถามเอาจากท่านอาจารย์ ”

!!

“ ศิษย์พี่หญิง…คุณสามารถติดต่อท่านอาจารย์ได้งั้นเหรอ ” จ้าวเทียนถามด้วยความแปลกใจ ครั้งก่อนท่านอาจารย์เป็นคนบอกเขาเองว่ามันต้องอาศัยการเตรียมการเยอะมากจึงจะสามารถติดต่อกันได้

“ ท่านอาจารย์ได้แบ่งดวงวิญญาณส่วนหนึ่ง…สร้างเป็นร่างจำแลงไว้บนโลก ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน