จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 122

เช้าวันต่อมา

หน้าตู้หนังสือภายในห้องทำงาน จ้าวเทียนกับหลินซูซินกำลังรอการกลับมาของหลินซินเยว่ ด้วยสีหน้ากังวล

เมื่อวานหลังจากที่จ้าวเทียนกลับมา เขาก็ได้พูดคุยกับศิษย์พี่หญิงเรื่องข้อกฎหมาย ที่จะต้องถูกปรับแก้ใหม่ ซึ่งไป๋ซู่เจิน กับ ซูต๋าจี่ ก็มาร่วมออกความเห็นด้วย ในฐานะที่พวกเธอเองก็เป็นปีศาจที่จะต้องรับผลกระทบเช่นกัน

หลังจากผ่านไปถึงสามชั่วโมงเรื่องทุกอย่างก็ลงตัว จ้าวเทียนเลยต้องการจะเข้าพบท่านอาจารย์ เพื่อปรึกษาปัญหาเรื่องสำนักจูเซียน

แต่ทว่า…ห้องลับที่ท่านอาจารย์อยู่มันได้หายไปแล้ว

เมื่อสอบถามกับศิษย์พี่หญิงจึงได้รู้ว่า เมื่อวานท่านอาจารย์ได้วางแผนล่อผู้อาวุโสอ๋าวเฟิงมา เพื่อจัดการเรื่องเลือดมังกรให้เธอ

และนั่นก็ทำให้จ้าวเทียนรู้สึกเป็นห่วงมาก แม้ว่าเขาจะมั่นใจในพลังฝีมือของท่านอาจารย์ แต่เมื่อฝ่ายตรงข้ามคืออ๋าวเฟิงก็พูดได้ยากแล้ว

สำหรับเทพมังกรที่ถือกำเนิดขึ้นก่อนจักรวาลคนนี้ รอบๆตัวของเขาเต็มไปด้วยปริศนามากมาย แม้แต่ระดับพลังที่แท้จริงเองก็เช่นกัน

“ ไม่ต้องกังวล…ท่านอาจารย์บอกฉันไว้แล้ว

ว่าจะกลับมา 10 โมงเช้าวันนี้ ”

“ แต่อ๋าวเฟิงคนนั้น…ก็ประมาทไม่ได้นะครับ เฉพาะแค่ร่างแยกตัวเดียวก็มีพลังขีดสุดของขอบเขตเทพโลกาแล้ว ถ้าเขารวมพลังทั้งหมด 9 ร่าง แม้แต่จักรพรรดิเทพก็สู้เขาไม่ได้ ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยเสียงจริงจัง

“ บางทีเธออาจจะไม่รู้…ตั้งแต่ที่ได้ความทรงจำจากอนาคตมา

ตอนนี้แก่นแท้มิติเวลาของท่านอาจารย์ บรรลุไปถึงขั้นสูงสุดแล้ว ”

!!

สิ่งที่ได้ยินทำให้จ้าวเทียนตกใจมาก เพราะแม้แต่ตัวเขาเองในสมัยที่เป็นมหาเทพ ยังบรรลุแก่นแท้มิติเวลา เพียงขั้นกลางเท่านั้น

ต่อให้ย้อนกลับไปในช่วงหนึ่งล้านปีที่ผ่านมา ก็ไม่มีมหาเทพคนใดสามารถบรรลุแก่นแท้มิติเวลาถึงขั้นสูงได้ อย่าว่าแต่ขั้นสูงสุดเลย ผู้ที่บรรลุขั้นกลางแบบจ้าวเทียนก็ถือว่าเป็นอัจฉริยะขั้นสุดยอดแล้ว

‘ จะว่าไปก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะเหตุผลที่ฉันสามารถย้อนเวลากลับมาได้ ก็เพราะพลังของท่านอาจารย์ ซึ่งไม่เคยมีใครทำได้ถึงขั้นนี้มาก่อน แต่การย้อนเวลามันก็มีจุดอ่อนร้ายแรง ที่ต้องแลกด้วยชีวิตของผู้ใช้ ’

‘ ด้วยแก่นแท้มิติเวลาระดับสูงสุด ต่อให้ระดับพลังของท่านอาจารย์ในตอนนี้ จะยังไม่ถึงขอบเขตมหาเทพ แต่ก็สามารถต่อสู้กับมหาเทพได้แน่นอน ’

“ ศิษย์พี่หญิง…หลังจากกองกำลังของเราฝึกฝนจนถึงระดับปรมาจารย์ ผมจะพาพวกเขาไปเข้าร่วมทดสอบนิกายจูเซียน ในคลังสมบัติลับ ผู้ที่ผ่านการทดสอบจะได้รับแผ่นป้ายป้องกันการโจมตี มันจะช่วยรักษาชีวิตพวกเขาตอนออกปฏิบัติภารกิจได้ ”

“ คุณสามารถใช้เคล็ดวิชาตรวจสอบจิตวิญญาณพวกเขาดูได้ไหม ผมไม่ต้องการให้ความลับนี้รั่วไหลออกไป เราจะพาไปเฉพาะคนที่จงรักภักดีเท่านั้น ส่วนพวกที่จิตใจไม่หนักแน่นพอ กับพวกสายลับจะต้องถูกแยกออกไป ”

จ้าวเทียนรู้มานานแล้ว ว่าในกองกำลังของเขามีสายลับของรัฐบาลอยู่ ซึ่งเขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับเรื่องนี้ได้

เพราะหากไล่ออกไป ต้วนมู่เฉียนก็จะหาทางส่งคนใหม่เข้ามาอยู่ดี มันเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยของประเทศ ในขุมกำลังของตระกูลใหญ่ก็มีเหมือนกัน

รัฐบาลต้องการรู้ความเคลื่อนไหวของขุมกำลังต่างๆตลอดเวลา จึงจะสามารถใช้งามขุมกำลังเหล่านั้นได้อย่างสบายใจ

นี่เป็นเหตุผลที่เขาสอนเคล็ดวิชาระดับสูงให้กองกำลังเพียงแค่ขั้นแรกเท่านั้น สำหรับขั้นต่อไปจ้าวเทียนจะเลือกสอนให้เป็นรายคน

“ ได้สิ…เดี๋ยวฉันจัดการให้ มันน่าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งอาทิตย์ ”

“ ส่วนกองกำลังของตระกูลหลินทุกคน ล้วนผ่านการตรวจสอบมาแล้ว

เธอสามารถพาพวกเขาไปเข้ารับการทดสอบก่อนได้เลย ”

“ ตกลง…ภายในอาทิตย์หน้า ผมจะพาคนชุดแรกไปเข้ารับการทดสอบก่อน ” จ้าวเทียนเองก็เห็นด้วยกับสิ่งที่หลินซูซินบอกมา

‘ ของทุกอย่างที่ฉันได้มาจากคลังลับของนิกายจูเซียน จะถูกมอบให้กับผู้ที่ผ่านการทดสอบเท่านั้น ’

ในตอนนี้คัมภีร์ทุกเล่มที่ได้มา เขาได้ให้คนนำไปไว้ในให้ห้องหนังสือเรียบร้อยแล้ว นอกจากเคล็ดวิชาระดับนภาที่ใช้ฝึกกองทัพแล้ว ส่วนที่เหลือได้เปิดให้ทุกคนเข้าไปศึกษาได้

วูป!

ขณะนั้นเอง แสงสีทองก็ได้ระเบิดออกมาจากชั้นหนังสือ

ครืนนน

ประตูบานหนึ่งได้ปรากฏขึ้น มันแง้มเปิดออกเพื่อรอให้พวกเขาเข้าไป

“ เข้ามาสิ ”

เมื่อได้ยินเสียงของหลินซินเยว่ดังออกมาจากด้านใน จ้าวเทียนจึงอุ้มตุ๊กตาเข้าไปทันที เพื่อที่จะได้สอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

!!

แต่ทว่า…ภาพที่เขาเห็นตรงหน้า กลับทำให้เขาลืมเรื่องที่อยากจะถามทั้งหมด

“ ชานี้รสชาติดีมากเลย…ดีกว่าของฉันอีก ” อ๋าวเฟิงนั่งจิบชาด้วยสีหน้ามีความสุข

“ นี่เป็นต้นชาจิตวิญญาณที่สำนักของฉันปลูกเอง…ถ้าผู้อาวุโสชอบเดี๋ยวฉันจะแบ่งให้นะคะ” หลินซินเยว่ตอบด้วยน้ำเสียงจริงใจ เพียงเธอโบกมือเบาๆ ก็มีกล่องใส่ใบชาปรากฏขึ้นตรงหน้าอ๋าวเฟิง

“ แหม…ขอบคุณมากเลย เดี๋ยวครั้งหน้าฉันจะเอาสมุนไพรที่ฉันปลูกไว้ มาให้เธอบ้างนะ ” อ๋าวเฟิงเก็บกล่องชาไปด้วยท่าทางดีใจ เขายังหันไปพูดชมเชยรสชาติของชาในแก้วอีก สองสามประโยค ซึ่งหลินซินเยว่เองก็ยิ้มรับอย่างมีความสุข

ในเวลาเดียวกัน ณ กรุงปารีส ฝรั่งเศส

“ ACTION! ”

สิ้นเสียงตะโกนของผู้กำกับ กล้องเจ็ดตัวจากมุมต่างๆเริ่มเดินในเวลาเดียวกัน กลีบดอกไม้สีขาวถูกพ่นออกมาจากเครื่องยนต์อัตโนมัติไม่ขาดสาย

ณ ทางเดินสวนสาธารณะที่สวยงาม ริมฝั่งทะเลสาบ ที่มีกลีบดอกไม้ร่วงหล่นจากท้องฟ้า ลมทะเลสาบพัดมาเอื่อยๆ กิ่งไม้พลิ้วไหว จากภาพของกล้องด้านหน้า จะมองเห็นหญิงสาวสองคนเดินมาเคียงข้างกัน

สาวงามทางซ้ายเป็นชาวเอเชีย สวมใส่ชุดจีนโบราณสีแดงเข้ากับบรรยากาศยามอาทิตย์อัสดงอันงดงาม ภาพของเธอคล้ายกับนางฟ้าจากสวรรค์ที่ลงมาเยือนโลกมนุษย์

ส่วนคนทางขวาเป็นสาวงามชาวยุโรป ด้วยผมสีทองตาสีฟ้าของเธอ เข้ากันกับชุดเดรสเรเนซองส์ยาวหรูหรา สวมหมวกขนนกสาวงาม เหมือนราชินีของจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่

แม้แต่ผู้กำกับเองยังเหม่อมองอย่างใจลอย ตัวเขาไม่สามารถบอกได้ว่าใครเหนือกว่าใคร สาวงามทั้งสองคนต่างมีความโดดเด่นกันละแบบ แต่ก็สามารถประชันแข่งกันได้อย่างเท่าเทียม

‘ ฉากที่ถ่ายไปเมื่อกี้…ถือเป็นผลงานที่ดีที่สุดในชีวิตฉัน ’

สถานที่แห่งนี้คือกองถ่ายโฆษณา แบรนด์เครื่องสำอางอันดับหนึ่งของโลก สาวงามสองคนที่เพิ่งเข้าฉากไปคือตัวแทนแบรนด์แอมบาสเดอร์จากประเทศจีนและตัวแทนแบรนด์แอมบาสเดอร์จากทวีปยุโรป

แม้ว่าการถ่ายงานโฆษณาคราวนี้ จะรวมสาวงามที่เป็นตัวแทนแต่ละประเทศทั่วโลก แต่ที่โดดเด่นและเป็นที่จับตามองที่สุด ก็คือสองสาวที่เพิ่งถ่ายเสร็จไปเมื่อครู่

หลังกองถ่าย

ลี่เหยาเหยากำลังนั่งพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้ ด้านข้างเธอมีทีมงานกำลังจัดเตรียมชุดเครื่องแต่งกายสำหรับเข้าฉากครั้งต่อไป นี่ก็ผ่านมาได้สี่วันแล้ว ที่เธอออกมาถ่ายงานที่ปารีส ในฐานะตัวแทนจากประเทศจีน

‘ แม้ว่าตอนนี้ฉันอยากทุ่มเทเวลาให้กับการฝึกฝนมากกว่า…แต่งานชิ้นนี้ไม่สามารถปฏิเสธได้จริงๆ ’

ในขณะที่เธอถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น

‘ หวังซินหยางงั้นเหรอ…เขาโทรมาทำไมนะ ’

หลังจากที่รับสายไปไม่ถึงสองนาที สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันที หวังซินหยางได้พูดคุยกับเธอ เกี่ยวกับงานจัดแสดงเครื่องประดับและงานเปิดตัวบริษัทของจ้าวเทียน

ซึ่งเธอได้รับปากเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้แล้ว และเรื่องนี้ไม่ได้สร้างความกดดันให้เธอแม้แต่น้อย หากไม่ใช่เพราะว่าคำพูดประโยคสุดท้ายของหวังซินหยาง

“ พี่เหยาเหยาครับ…ผมรู้ชื่อแบรนด์แอมบาสเดอร์ของฝ่ายตรงข้ามแล้ว ”

“ เธอชื่อ…ออโรร่า ”

สายตาของของลี่เหยาเหยามองไปยังสาวงามคนหนึ่ง ที่เพิ่งเข้าฉากกับเธอไปเมื่อครู่ ซึ่งเป็นตัวแทนจากทวีปยุโรป

‘ ช่าง…บังเอิญจริงๆนะ ’

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน