ช่วงบ่ายในวันเดียวกัน
หลังจากที่จ้าวเทียนออกไปรับลี่เหยาเหยากลับมาที่คฤหาสน์ดาราสวรรค์ เขาก็ได้เล่าเรื่องราวทุกอย่างเกี่ยวกับสถานะของตัวเองให้เธอฟัง ทั้งเรื่องที่เคยไปอยู่แดนสวรรค์เกือบแสนปี และเรื่องสำนักดาราสวรรค์
ซึ่งนั่นได้สร้างความตกตะลึงให้กับลี่เหยาเหยาเป็นอย่างมาก…
วูป!
เทพธิดาตัวจิ๋วได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง แล้วถามออกมาด้วยความตกใจ
“ คุณกำลังจะบอกว่า…อาจารย์ของคุณมีความสามารถในการย้อนเวลาได้งั้นเหรอ นี่มันเป็นไปได้อย่างไร แม้แต่แดนสวรรค์โบราณที่อยู่ในยุครุ่งเรืองที่สุด ยังไม่เคยมีใครทำได้เลยเลย ”
“ มันเป็นความจริง…หลักฐานที่ชัดเจนก็คือตัวฉันในตอนนี้ยังไงล่ะ ” จ้าวเทียนพูดอย่างจริงจัง
“ นี่มัน…คุณรู้ไหมการย้อนเวลานั้น ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงกฎของจักรวาลทั้งหมดเลยนะ หรือว่าอาจารย์ของคุณบรรลุขอบเขตผู้ปกครองเอกภพแล้ว ” เทพธิดาตัวจิ๋วพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น
ในอดีตก่อนที่จะเกิดมหาสงครามขึ้นนั้น ตัวเธอเป็นน้องสาวของจักรพรรดิเทพหมื่นตะวัน ทำให้ได้รู้เรื่องราวมากมาย ของสามผู้ก่อตั้งแดนสวรรค์โบราณ
สิ่งที่จ้าวเทียนบอกออกมานั้น ตรงกับเรื่องราวที่พี่ชายของเธอเล่าให้ฟังมาก
“ ขอบเขตผู้ปกครองเอกภพ…นั่นเป็นขอบเขตของสามผู้ก่อตั้งใช่ไหม อาจารย์ของฉันยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอก ฉันจำได้ว่าในชาติที่แล้ว เธออยู่ในขอบเขตครึ่งก้าวจักรพรรดิเทพเท่านั้น ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยท่าทางครุ่นคิด
และที่จ้าวเทียนเคยเล่าเรื่องต้นกำเนิดของจักรวาลที่ได้รู้จากอ๋าวเฟิงให้พวกลี่เหยาเหยาฟัง มันก็ตรงกับสิ่งที่เทพธิดาตัวจิ๋วได้ยินมา
ยกเว้นเพียงข้อเดียวก็คือ…เรื่องของสามผู้ก่อตั้ง
“ สามผู้ก่อตั้ง…พวกเขาได้ต่อสู้กับศัตรูผู้รุกรานจากภายนอก จนดับสูญไปด้วยกัน ”
นี่คือความลับสุดยอด ที่เทพธิดาตัวจิ๋วได้ยินมาจากจักรพรรดิเทพหมื่นตะวันซึ่งเป็นพี่ชายของเธอ
คำว่าศัตรูจากภายนอกนั้นหมายสิ่งมีชีวิต ที่มาจากนอกจักรวาลของเรา ซึ่งครั้งแรกที่จ้าวเทียนได้ยิน เขาก็นึกไปถึงภาพดวงตาขนาดใหญ่เท่ากาเล็กซี่ ที่ได้เห็นก่อนตายในชาติที่แล้ว
‘ บางทีเต๋าสวรรค์…คงจะไม่ใช่สิ่งที่ควรมีอยู่ในจักรวาลของเรา รวมทั้งเทพอสูรผมแดงที่เคยต่อสู้กับฉันเองก็เช่นกัน ’
“ จริงสิ…นายรู้เรื่องงานจัดแสดงเครื่องประดับในอีกสามวันหรือยัง ” ลี่เหยาเหยาถามขึ้นด้วยความกังวล
“ ฉันรู้แล้ว…ซินหยางเพิ่งโทรบอกฉันเมื่อวานนี้ อีกฝ่ายนั้นสามารถเชิญดาราระดับโลกอย่างออโรร่ามาได้ นั่นมันก็ทำให้ฉันตกใจเหมือนกัน ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยสีหน้าครุ่นคิด
ตั้งแต่ที่สอบถามท่านอาจารย์เกี่ยวกับศาสนจักรแห่งแสงคราวก่อน เขาก็ไม่ได้ติดต่อกับอีกฝ่ายเลยจนถึงวันนี้
หลังจากที่ลองคิดดู บางทีออโรร่าคงจะไม่ได้รู้เรื่องความขัดแย้งระหว่างเขากับบริษัทของจางสุยผิง เหตุผลเดียวที่เธอรับงานนี้ คงเป็นเพราะต้องการดำเนินแผนการสร้างขุมกำลังของศาสนจักรแห่งแสงในประเทศจีน
ที่จริงแล้วจ้าวเทียนอยากจัดการเรื่องลงทะเบียนปีศาจกับตรวจสอบจุดประสงค์ที่แท้จริงของศาสนจักรแห่งแสงก่อน จึงจะอนุญาตให้พวกเขาเริ่มปฏิบัติการในประเทศจีนได้
‘ โดยเฉพาะเรื่องตัวตนของโซเฟีย…จะต้องวางแผนให้เธอมาพบกับท่านอาจารย์เสียก่อน ถึงจะสามารถใช้งานพวกศาสนจักรได้อย่างวางใจ เพราะสถานะของตัวฉันในตอนนี้สุ่มเสี่ยงมาก หากความลับของฉันถูกเปิดเผยไป ’
‘ สิ่งที่เคยเกิดกับนิกายจูเซียน…มันอาจจะเกิดซ้ำกับสำนักดาราสวรรค์และคนรอบๆตัวฉันบนโลกก็ได้ ’
“ ตอนนี้…ซินหยางกังวลกับเรื่องนี้มาก เพราะรู้เบื้องหลังของออโรร่าดี เขากลัวว่าพวกศาสนจักรแห่งแสงจะเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ” ลี่เหยาเหยาพูดขึ้นด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก อำนาจขององค์กรอันดับ 1 ของโลกนั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
“ งั้นไปหาซินหยางกันเถอะ…ตอนนี้เขาคงยังอยู่ที่บริษัท ”
ในเวลาเดียวกันบนท้องฟ้า
ภายในห้องโดยสารของเครื่องบินกัลฟ์สตีม G700 สุดหรู ออโรร่ากำลังนั่งตรวจดูเอกสารข้อมูลขุมกำลังต่างๆในประเทศจีนอยู่อย่างจริงจัง
ผ่านมาหลายวันแล้ว หลังจากที่ทำข้อตกลงกับจ้าวเทียนครั้งก่อน แต่จนถึงตอนนี้อีกฝ่ายไม่ได้ติดต่อกลับมาเลย ทำให้เธอกับอาจารย์รู้สึกเป็นกังวลมาก กลัวว่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น
ดังนั้นเมื่อมีการติดต่องานมาจากบริษัทจิวเวลรี่ของตระกูลจาง เธอจึงตอบรับเอาไว้ด้วยความยินดี เพื่อจะได้ใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการเข้าตรวจสอบสถานการณ์ปัจจุบันในประเทศจีน และคอยประสานงานกับจ้าวเทียน
ต้องรู้ก่อนว่าตัวเธอในตอนนี้ถูกหลายฝ่ายกำลังจับตาดูอยู่…
โดยเฉพาะหลังจากเหตุการณ์ระเบิดฐานลับของบริษัท HTI มีหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าศาสนจักรแห่งแสงต้องมีส่วนรู้เห็นด้วยแน่นอน ทำให้การเคลื่อนไหวแต่ละครั้ง เลยต้องรอบคอบเป็นพิเศษ
‘ อีกสี่ชั่วโมง…ฉันคงไปถึงเมืองเทียนจิน ถึงตอนนั้นค่อยโทรหาจ้าวเทียนก็แล้วกัน ’
ณ บริษัทจ้าวหนิงจิวเวลรี่
ภายในห้องประชุมขนาดใหญ่ ตอนนี้จ้าวเทียนได้นั่งอยู่ตรงตำแหน่งประธาน ด้านข้างเขาคือลี่เหยาเหยา และหวังซินหยางกับทีมบริหารของเขา
“ ซินหยาง…ตอนนี้ความพร้อมเรื่องงานจัดการแสดงเครื่องประดับของพวกเราเป็นอย่างไรบ้าง ”
เมื่อได้ยินคำถามของจ้าวเทียน หวังซินหยางก็พูดขึ้นด้วยท่าทีมั่นใจ
“ ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้วครับ…ผมได้ใช้ช่องทางพิเศษจัดหาเครื่องเพชรมาเตรียมเอาไว้แล้วแบบลับๆ โดยที่ฝ่ายตรงข้ามไม่รู้ตัว ตอนนี้พวกเขาคงคิดว่าเราใช่ช่องทางจัดหาเดิมเหมือนในอดีต ”
“ ส่วนพวกพาร์ทเนอร์เก่าๆที่เคยหักหลังบริษัทเราไปครั้งก่อน ผมก็ส่งคนเข้าไปติดต่อพวกเขาให้นำของมาที่งานแสดงของเราตามแผนที่วางเอาไว้ ”
หลังจากนั้นหวังซินหยางก็หยิบเอกสารแผ่นหนึ่งออกมาให้จ้าวเทียนดู
“ นี่คือสัญญาที่ผมส่งให้พวกเขาเซ็นต์…หลังจากนี้อีกสามวัน รายละเอียดบางจุดของสัญญาจะเปลี่ยนไป เพราะมันถูกทาทับไว้ด้วยหมึกชนิดพิเศษที่เพื่อนผมส่งมาให้จากองค์การ NASA ”
“ ถ้าครั้งนี้พวกเขาหักหลังพวกเราอีกครั้ง…จะถูกปรับเป็นค่าเสียหาย 100 เท่าของมูลค่าสินค้าที่ตกลงกันไว้ทั้งหมด ”
จ้าวเทียนหยิบเอกสารเหล่านั้นมาดูด้วยท่าทีสนใจ เขาพบว่ามันเป็นชุดเดียวกับที่พ่อเขาเคยใช้ในอดีต ซึ่งถ้ามีฝ่ายใดผิดสัญญา จะถูกปรับด้วยจำนวนเงินเพียงครึ่งเดียวของมูลค่าสินค้าเท่านั้น
แต่ในอีกสามวัน ตัวเลขนี้จะเปลี่ยนไปโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว
‘ ก็ถือว่า…ให้โอกาสพวกเขาได้เลือกชะตาชีวิตตัวเองก็แล้วกัน ’
ตรงจุดที่เป็นพรมแดนติดต่อกันของสามประเทศ การเดินทางถูกปิดกั้น สภาพแวดล้อมเป็นป่ารกทึบเต็มไปด้วยสัตว์ดุร้าย และแม่น้ำที่ตัดผ่านกันหลายสาย แทบจะไม่ได้รับการควบคุมจากรัฐบาลของประเทศใดๆ
เพราะบริเวณนี้ ขึ้นชื่อเรื่องการผลิตยาเสพติดและค้ามนุษย์มานานหลายสิบปี ซึ่งผู้มีอำนาจบางประเทศก็มีส่วนร่วมด้วย ทำให้เป็นแหล่งรวมพวกอาชญากรตัวร้ายจากทั้งสามประเทศ ที่หนีคดีมาหลบซ่อนตัว
“ ใกล้จะถึงแล้ว…หลังจากตรงนี้เป็นต้นไป พวกคุณห้ามแตะต้องสิ่งของใดๆโดยไม่ได้รับอนุญาตเด็ดขาดเข้าใจไหม ” ชายชราพูดขึ้นอย่างจริงจัง เขาสวมชุดคล้ายกับพรานป่าสกปรกมอมแมม
“ เข้าใจแล้ว…คุณไม่ต้องห่วง พวกเรารู้ดีว่าควรทำยังไง ” จางว่านฉีรับคำอย่างจริงจัง ด้านหลังของเขามีจางถงซึ่งเป็นลูกชายกับบอดี้การ์ดอีก 4 คน เดินตามมาอย่างช้าๆ
ย้อนกลับไปตอนที่ทั้ง 5 ตระกูลใหญ่แห่งเมืองเทียนจิน ได้พ่ายแพ้ต่อตระกูลลี่ ทำให้ต้องเสียสมบัติล้ำค่ามากมาย
โดยที่ตระกูลจางต้องสูญเสียมากกว่าตระกูลอื่นถึงสองเท่า ทั้งยังถูกจ้าวเทียนแย่งชิงพระพุทธรูปไม้โบราณไปอีก จนผลสุดท้ายเลยทำให้อดีตผู้นำของตระกูลเสียชีวิตลง
ตระกูลจางในปัจจุบันที่ไม่ได้มีผู้เชี่ยวชาญดูแลอยู่จึง อ่อนแอลงอย่างมาก ยิ่งเมื่อจางว่านฉีได้รู้เรื่องที่ลูกชายของเขาทำไปทั้งหมดในอดีต เขาก็รู้เลยว่าจ้าวเทียนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปแน่
‘ หากไม่ฆ่าก็ต้องถูกฆ่า…ไอ้เด็กแซ่จ้าวนั่นมันต้องตาย ไม่งั้นตระกูลของฉันต้องถูกมันทำลายไม่เหลือแน่ ’
“ พ่อ…พวกเรามาสถานที่แบบนี้ทำไมเหรอ ” จางถงถามขึ้นด้วยความหวาดกลัว
รอบๆตัวของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยป่ารกทึบ มีงูพิษและแมลงพิษโผล่มาให้เห็นตลอด บรรยากาศเย็นยะเยือกแบบนี้ทำให้เขาแทบจะก้าวขาไม่ออกอยู่แล้ว
เพี๊ยะ!
“ ไม่ใช่เพราะแกเหรอ…ไอ้ลูกชั่ว ถ้าแกไม่ไปมีเรื่องกับไอ้เด็กแซ่จ้าวนั่น ตระกูลจากของพวกเราคงไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ” จางว่านฉีตบหัวลูกชายด้วยความโมโห แล้วพูดต่อเสียงดัง
“ ในระหว่างที่อารองของแก…ใช้งานจัดแสดงเครื่องประดับดึงความสนใจพวกมันอยู่ เราต้องรีบหาทางกำจัดจ้าวเทียนกับตระกูลลี่ซะ “
“ ฉันไม่รู้หรอกว่า เพราะอะไรตระกูลหลงถึงขอถอนตัวจากเรื่องนี้ แต่สำหรับพวกเรา มันไม่มีทางให้ถอยแล้ว ถ้าพวกมันไม่ตายเราก็ต้องตาย เข้าใจไหม ”
“ ผมเข้าใจแล้ว ” จางถงตอบเสียงอ่อน
หลังจากที่พวกเขาเดินเข้าไปอีกประมาณสามสิบนาที คนนำทางก็สั่งให้ทุกคนหยุดลง
“ ฉันขอส่งพวกคุณที่นี่ก็แล้วกัน…หลังจากนี้ให้พวกคุณเดินตรงไปด้านหน้าอีกประมาณครึ่งกิโลเมตร จะเจอบ้านไม้โบราณหลังใหญ่”
“ คนที่พวกคุณตามหาอยู่ที่นั่นแหละ…แต่ฉันขอเตือนอีกครั้ง ระหว่างทางไม่ว่าจะมีเสียงใครเรียกห้ามหันไปดูเด็ดขาด และห้ามจับอะไรโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบ้าน ”
“ พวกคุณรู้ไหม…ก่อนหน้าพวกคุณ ฉันก็เคยนำทางพวกทหารเข้ามาเกือบร้อยคน แต่ฉันเคยเห็นคนกลับไปแบบมีชีวิตแค่ 3 คนเท่านั้น ระวังตัวกันด้วยล่ะ”
ชายชราพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน ถ้าไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายจ่ายหนัก เขาไม่มีทางมาสถานที่ปีศาจแบบนี้เด็ดขาด
“ ตกลง…ขอบคุณมาก ” จางว่านฉีรีบส่งเงินส่วนที่เหลือให้อีกฝ่ายทันที
เมื่อเห็นชายชราคนนั้นรีบวิ่งหนีออกไปอย่างไม่คิดชีวิต มันก็ได้เพิ่มความกดดันให้พวกที่ยังเหลือขึ้นอีกหลายเท่า
“ พวกเราไปกันต่อเถอะ ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
ดีๆๆเดินเรื่องดี...
ต่อๆไป...
ขอบคุณทีมงานที่นำเรื่องดีๆมาลงให้อ่าน...