จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน นิยาย บท 134

นับตั้งแต่ที่เฉินจิ้งเริ่มใช้เลือดมังกรสยบพิษมารอเวจีก็ได้ผ่านสี่ชั่วโมงแล้ว ในตอนนี้ร่างกายของเขาไม่ต้องกังวลเรื่องพิษอีกต่อไป เพราะมันหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับตัวเขาแล้ว

ซึ่งเท่ากับว่า ตอนนี้เฉินจิ้งก็สามารถใช้พิษมารอเวจีได้เช่นกัน…

สิ่งนี้เป็นผลลัพธ์ที่จ้าวเทียนไม่ได้คาดคิดมาก่อน นี่ยังไม่รวมเรื่องที่เฉินจิ้งกลายเป็นมังกรมารอเวจี ถึงแม้จะไม่ใช่สายเลือดแท้ แต่ก็เป็นเผ่าพันธุ์ในตำนานที่หายสาบสูญไปพร้อมกับสงครามสวรรค์บรรพกาล

ทันใดนั้น

เปลวไฟสีดำที่ลุกโชนก็ถูกดูดกลับเข้าไปในร่างของเฉินจิ้งในพริบตา

โฮกกกกก!

เสียงคำรามดุจมังกรดังสนั่นหวั่นไหว มันก้องกังวานไปเกือบร้อยกิโลเมตร ถึงขนาดที่ผู้คนปกติภายในเมืองข้างเคียงยังต้องรีบเอามือปิดหูไว้ด้วยความตกใจ

เพล้งง!

อาคมผนึกที่จ้าวเทียนใช้ในตอนแรกแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ เพราะพลังที่เฉินจิ้งระเบิดออกมา โชคยังดีที่เขาได้เตรียมการไว้แล้ว

“ แหวนเขตแดน…เปิด! ”

โดมครึ่งวงกลมโปร่งใสปรากฏขึ้นครอบห้องนี้เอาไว้ ที่จริงอาณาเขตของมันคือหนึ่งร้อยเมตร สามารถปกคลุมบ้านพักได้ทั้งหลัง แต่จ้าวเทียนควบคุมให้อาณาเขตเหลือเพียงในห้องนี้

แหวนวงนี้เป็นอุปกรณ์เวทมนต์ระดับเทพ ที่จ้าวเทียนได้มาจากการทดสอบของนิกายจูเซียน มันสามารถป้องกันการโจมตีที่ต่ำกว่าขอบเขตเซียนนภาได้ทั้งหมด เป็นเวลา 1 ชั่วโมง

ชิ้ง!

ดวงตาสีแดงฉาน กำลังจับจ้องมาทางจ้าวเทียนด้วยความต้องการสังหาร

ลักษณะของเฉินจิ้งในตอนนี้ มีเกล็ดสีดำปกคลุมร่างกายทั้งหมดยกเว้นใบหน้า มือและเท้าถูกเปลี่ยนเป็นกรงเล็บมังกร นับว่ายังโชคดีที่เขายังมีโครงร่างแบบมนุษย์อยู่ ไม่อย่างนั้นชีวิตหลังจากนี้คงจะลำบากแน่นอน

“ เฉินจิ้ง…นายได้ยินที่ฉันพูดไหม ”

โฮกก!

เปรี้ยง! ตูมม!

เฉินจิ้งคำรามด้วยความคลุ้มคลั่ง แล้วพุ่งตวัดกรงเล็บใส่จ้าวเทียนอย่างรุนแรง แต่ก็ถูกจ้าวเทียนต่อยสวนกลับไปอย่างง่ายดาย จนเขากระเด็นไปกระแทกกับผนังเขตแดนเสียงดังสนั่น

ในโลกนี้ภายใต้ขอบเขตเซียนนภา ไม่มีผู้ใดสามารถดวลเรื่องพละกำลังกับจ้าวเทียนได้ เพราะความแข็งแกร่งทางร่างกายของเขาทะลุขีดจำกัดไปไกลแล้ว ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นเผ่าพันธุ์มังกรที่ขึ้นชื่อเรื่องพละกำลังมหาศาลก็ตาม

แฮ่รร!

เฉินจิ้งพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง ตอนนี้เขาต่อสู้แบบสัตว์ร้ายที่พึ่งพาเพียงสัญชาตญาณเท่านั้น ไม่ได้มีกระบวนท่าใดๆ ทำให้จ้าวเทียนรับมือได้แบบไม่ต้องต้องใช้แรงนัก ถึงขนาดใช้เพียงมือเดียวคอยปัดป้องและหาจังหวะสวนกลับแบบไม่เปลืองแรง

ตูมม!ๆๆ

แรงระเบิดจากการปะทะในแต่ละครั้งทำให้เขตแดนสั่นสะเทือน จนปรากฏรอยร้าวขึ้น แต่ไม่นานมันก็ประสานกันใหม่เหมือนเดิม

‘ นี่ถ้าฉันไม่ป้องกันไว้ก่อน…บริเวณนี้คงไม่เหลือซากแน่ ’

‘ เห็นทีฉันคงต้องลงมือหนักหน่อย…เผื่อเฉินจิ้งจะได้สติขึ้นมา คิดว่าเป็นการทดสอบพลังของเขาไปในตัวก็แล้วกัน ’

ครืนนนน!

บรรยากาศรอบๆเปลี่ยนไปในพริบตา เมื่อเปลวเพลิงสีทองระเบิดออกมาจากร่างจ้าวเทียน

“ เพลิงสุริยัน! ”

คลื่นเปลวเพลิงสีทองระเบิดออกมาอย่างรุนแรง ร่างของเฉินจิ้งกระเด็นกลับไปอีกครั้ง เปลวเพลงสีทองได้เผาผลาญเกล็ดสีดำจนไหม้เกรียม ตอนนี้แววตาของเฉินจิ้งเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวแล้ว เหมือนกับสัตว์ร้ายที่เจอกับศัตรูตามธรรมชาติ

‘ ดูเหมือนว่า…เปลวไฟที่มีพลังหยางรุนแรงจะเป็นจุดอ่อนของเขา ’

“ เฉินจิ้งตั้งสติหน่อย…อย่าปล่อยให้พลังครอบงำนาย ” จ้าวเทียนตะโกนออกมาเสียงดัง

ทันใดนั้น

หมอกสีดำก็กระจายออกมาจากร่างกายของเฉินจิ้ง แล้วรวมตัวกันเป็นเงาร่างของบุรุษชุดทำที่จ้าวเทียนไม่เคยพบมาก่อน

เขายืนอยู่ด้านหลังเฉินจิ้ง แล้วจ้องมองมาที่จ้าวเทียนด้วยรอยยิ้มเย็นชา

“ เด็กน้อย…เราพบกันอีกครั้ง ”

“ ดูเหมือนว่าผู้สืบทอดของฉัน…จะเป็นลูกน้องของแกสินะ ”

“ ใช่…เขาเป็นคนของฉันเอง แกต้องการจะทดสอบยังไงก็ว่ามา ” จ้าวเทียนไม่ได้ผ่อนคลายความระวังลงแม้แต่น้อย

ดูจากเปลวเพลิงสีทองที่ลุกโชนอยู่ในดวงตา และสัญลักษณ์รูปพระอาทิตย์กลางหน้าผาก ทำให้รู้ว่าตัวเขาในตอนนี้อยู่ในสภาพที่พร้อมจะเปิดพลังออกมาตลอดเวลา

“ การทดสอบนั้นง่ายมาก…ฉันอยากรู้ว่าแกมีคุณสมบัติพอที่จะเป็นเจ้านายของมังกรมารอเวจีอย่างพวกฉันรึเปล่า ”

“ ถ้าแกรับมือฉันได้สามกระบวนท่าก็ผ่าน…แล้วฉันจะปล่อยลูกน้องของแกไป และจะปรับปรุงสายเลือดให้เขาด้วย ”

“ แต่ถ้าแกทำไม่ได้…พวกแกทั้งคู่ก็ต้องตาย ฉันจะไม่ปล่อยให้คนอ่อนแออย่างพวกแกมาทำลายชื่อเสียงเผ่าพันธุ์ของฉันเด็ดขาด ”

สิ้นเสียงของอ๋าวเถียน พลังความมืดมหาศาลก็ควบแน่นกันกลายประตูบานหนึ่ง

“ นี่คือประตูเข้าสู่เขตแดนมิติปิดกั้น…มันเป็นสถานที่ที่อยู่นอกเหนือข้อจำกัดของโลกใบนี้ พวกเราสามารถใช้พลังที่แท้จริงต่อสู้กันได้ โดยไม่ต้องกังวลกฎของโลก ”

“ แต่แกไม่ต้องกลัวว่าฉันจะใช้ร่างที่แท้จริงมาสู้…ฉันจะควบคุมผู้สืบทอดต่อสู้กับแกเท่านั้น เผ่าพันธุ์มังกรอย่างพวกเรายึดมั่นในเกียรติยศ ไม่ผิดคำพูดกับมนุษย์แบบแกแน่นอน ”

เมื่อพูดจบร่างของอ๋าวเถียนก็กลายเป็นหมอกสีดำ แล้วหายเข้าไปในตัวเฉินจิ้งทันที

ครืนนน

วูปป!

ตอนนี้รูปร่างหน้าตาของเฉินจิ้งได้เปลี่ยนแปลงไปในพริบตา เขาได้กลายเป็นอ๋าวเถียนไปเรียบร้อยแล้ว

“ ถ้าแกมีความกล้าพอ…ก็ตามมา ” อ๋าวเถียนทิ้งคำพูดเอาไว้ ก่อนที่จะเดินเข้าประตูไป

“ หึ…แกพูดเหมือนฉันมีทางเลือก ” จ้าวเทียนส่ายหน้าเบาๆ

ตอนนี้อีกฝ่ายได้ใช้เฉินจิ้งเป็นตัวประกัน หากเขาไม่ตามเข้าไปก็มีโอกาสที่เฉินจิ้งจะถูกสังหาร

‘ ไม่รู้ว่าทำไม…แต่ฉันรู้สึกว่าอ๋าวเถียนไม่ได้ต้องการจะสังหารฉัน บางทีอีกฝ่ายอาจจะมีแผนการอื่นตามมา ’

‘ แต่สำหรับตอนนี้…คงต้องมีแต่ลองเสี่ยงทำตามความต้องการของอีกฝ่ายดูเท่านั้น ’

หลังจากที่จ้าวเทียนเดินเข้าไปแล้ว ประตูบานนั้นก็หายไป เหลือเพียงห้องที่มีสภาพยับเยินทิ้งไว้เบื้องหลัง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน